วันอังคารที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ตัวอย่างหนังใหม่เรื่องวันพีชหนังสงครามมารีนฟอร์ด,หนังใหม่เรื่อง Step Up 5 !!!


จาดที่มีทีเซอร์แรก One Piece 3D2Y ตอนพิเศษที่ไม่มีในหนังสือการ์ตูน




ตอนนี้แฟนๆการ์ตูนวันพีชบางคนอาจจะสังเกตเห็นว่า ที่อาจารย์โอดะแกะวาดวันพีชออกมาเดือนนึงประมาณ 2-3 ตอนแล้วก็ต้องมีงดหนึ่งสัปดาห์ เหมือนเป็นเรื่องปกติประจำทุกเดือน ซึ่งจริงๆแล้วแกไม่ได้อู้หรือขี้้เกียจวาดหรือว่ามุกตันอะไรหรอกครับ แต่งานแกมีเยอะไม่ได้มีแค่วาดการ์ตูนฉบับมังงะอย่างเดียว ต้องไปดูส่วนของอนิเมะและอื่นๆด้วย และในช่วงนี้ก็มีอนิเมะตัวใหม่มาอีก เป็นตอนพิเศษฉลองครบรอบ 15 ปีวันพีชด้วยชื่อว่า One Piece 3D2Y Overcome Ace's Death! The Oath With Luffy's Crewmates ฉายยาวๆ 2 ชั่วโมงทางช่อง Fuji TV ของญี่ปุ่น วันที่ 30 สิงหาคม 2014

ซึ่งหลังจากสงครามครั้งใหญ่ในศึกมารีนฟอร์ด ลูฟี่ ได้เจ็บใจในความอ่อนแอของตัวเองที่ไม่สามารถสู้กับศัตรูได้ เขาจึงตัดสินใจฝึกฝนตัวเองอยู่ที่เกาะอเมซอนลิลลี่ของโบอาแฮนค็อก เพื่อฝึกฝนวิชาฮาคิ
กับราชานรกเรย์ลี่ ก่อนที่ลูฟี่จะไปรวมตัวกับเพื่อนกลุ่มโจรสลัดหมวกฟางในอีก 2 ปีข้างหน้า ซึ่งช่วงที่ลูฟี่ฝึกวิชานี้ ในฉบับหนังสือการ์ตูนไม่ได้เล่าเนื้อเรื่องไว้ จึงนับเป็นเนื้อเรื่องปริศนาที่แฟนๆส่วนมากข้องใจว่าลูฟี่ฝึกวิชากันอย่างไรบ้าง และมีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นบ้างช่วงนี้

โดยที่นอกจากเหตุการณ์ที่ลูฟี่ฝึกกับเรย์ลี่แล้ว ตอนนี้ยังเล่าถึงเนื้อเรื่องของตัวละครอื่นในช่วงสองปีนั้นอีกด้วย อย่างเบื้องหลัง 

1.บากี้ โจรสลัดตัวตลกที่ได้มาเป็นเจ็ดเทพโจรสลัด 
2.เบื้องหลังมิฮอร์คตาเหยี่ยวกับโซโล และเพโรล่า 
3.เบื้องหลังการต่อสู้ระหว่างพลเอกอาคาอินุ กับพลเอกอาโอคิยิ 
4.เบื้องหลังตัวละครอื่นๆๆในกลุ่มหมวกฟาง 

     แต่ว่าเนื้อเรื่องของลูฟี่จะเยอะสุด เพราะเขาต้องรับมือกับ Bandy World ศัตรูตัวฉกาจที่บุกเข้ามารุกรานเกาะอเมซอนลิลลี่ มันเป็นถึงนักโทษระดับ 6 ผู้มีพลังของผลโมอาโมอา ซึ่งแหกคุกออกมาจากอิมเพลดาวน์ช่วงที่ลูฟี่บุกเข้าไป

ติดตาม เช็ครอบหนัง ดูหนังฟรี รอบหนัง ดูหนังใหม่ เพิ่มเติมได้ที่



วิจารณ์หนังใหม่ STEP UP 5 ALL IN



เราค่อนข้างมั่นใจว่าผู้ชมกว่า 90% ที่เป็นแฟนหนัง Step Up คงไม่ได้คาดหวังพล็อตเรื่องที่แปลกใหม่แต่อย่างใด เพราะเราก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่าหนังแนวเต้นนั้นสามารถเล่าเรื่องได้ไม่กี่อย่างและส่วนมากสูตรบังคับที่ต้องทำให้หนังคืบเรื่องต่อไปข้างหน้าได้ก็มาจากปมขัดแย้งของตัวละครเอกของเรื่องซึ่งมักจะมีเงื่อนไขอยู่ไม่กี่อย่างอาทิเช่น 
1.การเอาชนะตัวเอง 
2.การฝ่าฟันอุปสรรคที่รออยู่ 
3.การที่ต้องพิสูจน์ความสามารถของตัวเองให้เป็นที่ประจักษ์กับผู้คน และด้วยสูตรบังคับเหล่านี้ก็ถูกใช้มานับครั้งไม่ถ้วนในหนังตระกูลเต้น

หนังอย่างเรื่อง STEP UP จะใช้จุดเด่นของความร่วมสมัยทุกอย่างมาเข้ามาหลอมรวมปรับใช้ในภาพยนตร์ไม่ว่าจะเป็นเทรนด์แฟชั่นการแต่งตัวของคนยุคปัจจุบัน เพลงฮิตติดหู และสไตล์การเต้นที่กำลังได้รับความนิยม วิวัฒนาการของหนังชุดนี้เริ่มต้นขึ้นจากหนังโรแมนติก (STEP UP ภาคแรก) และเริ่มขยับตัวเองมาเป็นหนังแดนซ์เต็มรูปแบบในภาคที่ 2 (มีการโชว์ฉากเต้นสุดหวือหวา) และก้าวเข้าสู่การต่อสู้ (BATTLE) ระหว่างทีมเต้นอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ในภาคที่ 3 ก่อนที่ฉีกแนวใช้ Flash Mob เพื่อเป็นวัตถุประสงค์ในการเล่าเรื่องของภาคที่ 4





ความโดดเด่นของหนังแต่ละภาคล้วนแล้วแต่สร้างคาแรกเตอร์ให้กับหนังแฟรนชายส์ชุดนี้เหมือนเป็นการสั่งสมบารมีให้มันกลายเป็นแฟรนชายส์หนังเต้นแห่งยุคสมัย ที่วัยรุ่นและนักเต้นส่วนมากหลงรักหนัง STEP UP แต่สิ่งที่ค่อนข้างน่าเสียดายก็เกิดขึ้นกับหนังใหม่ในภาคที่ 5 STEP UP ALL IN ที่นอกจากจะไม่สามารถหาจุดเด่นที่สุดให้กับหนังภาคนี้ได้แล้ว องค์ประกอบหลายอย่างที่ควรจะสร้างให้หนังตื่นตาตื่นใจแบบที่ควรจะเป็นก็มลายหายไปกับสายลม

เหตุผลแรกที่ทำให้ STEP UP 5 กลายเป็นหนังที่ดูเลอะเทอะกว่าที่ควรจะเป็นคือตัวอย่างหนังใหม่ใช้การตัดต่อภาพที่ค่อนข้างไม่ลื่นไหลเท่าที่ควร ถ้าเราสังเกตให้ดีว่ากระบวนการเล่าเรื่องของพระเอกฌอน (ไรอัน กุซแมน) นั้น ผู้กำกับไม่สามารถงัดเอาเสน่ห์ของเขาออกมาใช้ได้เลย มิหนำซ้ำตัวละครนี้ยังถูกทำร้ายด้วยการวางคาแรกเตอร์ให้เขาเป็นพวกหัวดื้อที่เหมือนเด็กไม่รู้จักโต ฌอนไล่ตามความฝันจนไม่สนใจคนอื่น ลงไม่เป็นและคิดว่าอนาคตที่สดใสยังรอเขาอยู่เสมอ (ทั้งที่ไม่จะกินก็ตาม), เอาแต่ใจตัวเอง (พยายามบังคับให้นางเอกเต้นท่ายากๆทั้งที่ไม่เคยซ้อมกันมาก่อน) จึงทำให้เขาดูน่าหมั่นไส้มากกว่าจะน่าหลงรัก




เหตุผลข้อที่สองคือ จุดเปลี่ยนในฉากแต่ละช่วงของเรื่องดูเร่งรีบจนแห้งแล้งความตื่นเต้น (รวมไปถึงความสมเหตุสมผล) จริงอยู่ว่าหนังอาจจะมีความเว่อร์หรือเหลือเชื่อได้สำหรับผู้ชม แต่ในขณะเดียวกันหนังเรื่องนั้นก็สมควรจะมีตรรกะในจักรวาลของตัวมันเองด้วยเช่นกัน ฉากเต้นที่ดูเร่งรีบและดูไร้สติพอสมควรก็คือฉากที่ฌอนและมูสเดินทางไปตามหาแอนดี้(บริอันก้า เอวิแกน) ให้มาเข้าร่วมทีมกับเขา ลงเอยด้วยการท้าดวลเต้นในสถานที่ถ่ายแฟชั่น จนทำให้ข้าวของ พร็อพประกอบฉากพังพินาศจนทีมงานต้องเดินมาต่อว่า และแอนดี้ก็เชิดใส่แบบสวยๆว่า “ฉันลาออก” จริงอยู่มันอาจจะเป็นสิ่งที่พาฝันสำหรับคนที่อยากทำอะไรตามใจตัวเอง แต่สิ่งที่ตัวละครนี้ทำก็ดูไม่ต่างอะไรจากพฤติกรรมของเด็กอายุ 15 เลยแม้แต่น้อย

เมื่อเราได้ซึบซับความไม่รู้จักโตของตัวละครพวกนี้มากขึ้นเท่าไหร่ เรายิ่งรู้สึกว่าพฤติกรรมของพวกเขายิ่งดูไม่อยากจะเอาใจช่วยหรือหลงรักพวกเขาในแบบที่เคยเป็นมาในภาคก่อนๆ พวกเขาดูก้าวร้าว เอาแต่ใจตัวเองเป็นที่ตั้งจน “ขาดเสน่ห์” ไปหมด

ซึ่งอันที่จริงแล้วตัวละครอย่าง มูสหรืออดัม จี เซวานี่ ด้วยการกลับมาในภาคนี้เขากลายเป็นตัวละครที่มี “พัฒนาการ” มากที่สุดเมื่อเขาประกอบอาชีพอย่างวิศวกรเป็นเรื่องเป็นราว มี คามีเลีย(อลิสัน สโตนเนอร์) เป็นแฟนสาว เขาเติบโตขึ้นพร้อมๆกับความคิดที่ว่าสุดท้ายแล้วอาชีพนักเต้นนั้นก็ไม่สามารถใช้มันเพื่อหาเลี้ยงชีพได้อย่างมั่นคง เขาจึงลังเลอยู่ไม่น้อยเมื่อฌอนชักชวนให้เขาร่วมทีมเพื่อไปลงแข่งรายการเรียลลิตี้ วอลแทกซ์ซึ่งมีเงินรางวัลล่อใจในการทำโชว์ขนาดยาวในลาสเวกัส ที่นักเต้นจะได้มีโชว์เป็นของตัวเอง



เหตุผลประการที่สามการตัดต่อฉากเต้นของโปรแกรมหนังภาคนี้อยู่ในระดับวิกฤต เมื่อความต่อเนื่อง (Continues) แทบจะเป็นปัญหาสำคัญกับฉากเต้น “โชว์ของ” ต่างๆอาทิ ฉากในห้องแล็บของมูสที่กลายเป็นว่าแทนที่ผู้ชมจะได้ดูฉากเต้นเจ๋งๆ ของบรรดาเหล่านักเต้นจากหนังทั้ง 4 ภาค กลายเป็นแค่ฉากตัวละครมาเต้นกะยึกกะยักจนเราเกิดความสงสัยว่าคลิปออดิชั่นนี้ “เบนซ์ พรชิต ให้ผ่านได้อย่างไรคะ” ไม่เพียงเท่านั้นฉากแดนซ์แบทเทิ้ลครั้งแรกในรายการวอลเท็กซ์ก็ดูเร่งรีบจนเกินไป เหมือนหนังจะรีบๆคัดทีมที่เรารู้ว่ายังไงก็ต้องตกรอบทิ้งๆไปจะได้ไม่เปลืองไฟค่าถ่ายภาพ จนเราไม่ได้ดูทีมเต้นอื่นๆโชว์ศักยภาพในการเต้นสักเท่าไหร่ (เพราะตัดฉึบๆฉับๆ) โผล่มาอีกทีทีมพระเอก(แอลลาเมนทริกซ์) ทีมคู่แข่ง(กริม ไนท์) ทีมเก่าพระเอก(เดอะม็อบ) และทีมหญิงล้วนก็เข้ารอบไปซะดื้อๆ และฉากที่ประสบปัญหานี้อย่างหนักหน่วงก็คือฉากไคลแมกซ์ที่ทีมพระเอกต้องวาดลวดลายในตอนท้าย ซึ่งเห็นได้ชัดเป็นอย่างยิ่งยวดถึงความต่อเนื่องและความสมเหตุสมผลของฉากดังกล่าว

ซึ่งฉากเต้นสุดอลังการของเรื่องนั้น จริงอยู่ที่มันอาจจะน่าสนใจมากตื่นตาตื่นใจมากในแง่ของความเป็น "โชว์” แต่อย่าลืมว่าหนังเรื่องนี้สร้างตรรกะมารองรับตัวเองว่า “นี่เป็นรายการแข่งขันเต้น” คำถามที่ผุดขึ้นมาในหัวของเราก็คือ ตัวละครไปบล้อกกิ้งเวที (Blocking) เวทีกันตอนไหนเพราะใช้พร็อพประกอบฉากเยอะมากขนาดนี้ ไม่มีทางที่พวกเขาจะเต้นได้หากไม่มีการมาร์คจุดกันมาก่อน มิหนำซ้ำหนังยังมีการใช้ “ทราย” ที่ตัวละครโผล่ขึ้นมาจากหลุมแท่นกลางเวที คำถามจึงงอกเพิ่มออกมาอีกว่าพวกเขาไปมุดอยู่ในนี้ตั้งแต่ตอนไหน และต่อจากฉากนี้เพียงวินาทีเดียวก็เป็นฉากโชว์คบเพลิง ซึ่งไม่มีทรายกระจายอยู่บนพื้นฟลอร์แม้แต่นิดเดียว (ทรายเป็นสสารระเหิดได้งั้นสินะ ?) เหล่านี้จึงกลายเป็นเหตุผลคร่าวๆที่หนังขาดความสมจริงสมจังในแง่ของความต่อเนื่องของฉาก





จะว่าไปแล้วก็ใช่ว่าหนังเรื่องนี้จะไร้จุดดี อันที่จริงหนังเปิดหัวเรื่องมาได้น่าสนใจมากกับฉากออดิชั่นเพื่อไปที่ทีมตัวเองจะได้เข้าไปเต้นให้กับงานโฆษณา ด้วยการใส่ประโยคที่ว่า “อาชีพแดนเซอร์นั้นเป็นอาชีพที่ใช้ทักษะในการทำโชว์สูง แต่เมื่อเทียบกับค่าตอบแทนอันต้อยต่ำแล้ว อะไรคือความยุติธรรมสำหรับพวกเขา” นี่อาจจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดของหนังเรื่องนี้แล้วก็ได้

2 คะแนนจาก 5 คะแนน

@พริตตี้ปลาสลิด






แซ่บเว่อร์เมื่ออุ้ม-ลักขณาจัดเต็มลีลาเซ็กซี่ เต้นรูดเสายั่ว “นายหัวหม่ำ”

ถูกผู้กำกับ “หม่ำ-เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา” เลือกมารับบทตัวละครสำคัญ สำหรับนักแสดงสาวเซ็กซี่สตาร์ตัวแม่ของวงการ “อุ้ม-ลักขณา วัธนวงส์ศิริ” ในตัวอย่างหนังใหม่รักหฤโหด โคตรหฤฮา “ทาสรักอสูร” ของค่ายใบโพธิ์ “สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล” และ “บั้งไฟฟิล์ม” ซึ่งงานนี้สาวอุ้มก็จัดเต็มความเซ็กซี่ ให้สมกับบทบาท “เจ็ทสกี” สาวสุดเซ็กซี่ประจำเกาะที่หมายมั่นปั้นมือจะเคลมหัวใจของ “นายหัวเพิ่ม” (รับบทโดย หม่ำ จ๊กม๊ก) ให้จงได้ ทั้งงัดไม้ตาย ทั้งออดทั้งอ้อน ทั้งยั่วทั้งยวนนายหัวเพิ่มแบบสุดตัวอย่างในฉากนี้ที่บอกได้คำเดียว่าสาวอุ้ม แซ่บเว่อร์!! จนทีมงานตาค้างกันไปทั้งกอง





ซึ่งในฉากนี้สาวอุ้มจะต้องโชว์เสต็ปเต้นโพลแดนซ์แบบจัดเต็ม ที่มาพร้อมกับชุดกระต่ายบันนี่สีชมพูสุดเริ่ด ตามสเปคที่ผู้กำกับหม่ำเลือกมาโดยเฉพาะ งานนี้สาวอุ้มถึงกับออกปากว่าฉากนี้หินสุดๆ ด้วยความที่ไม่มีพื้นฐานทางด้านการเต้นโพลแดนซ์มาก่อน จึงต้องมีทีมงานมาติวเข้มให้แบบตัวต่อตัว ซึ่งพอถึงเวลาถ่ายจริงสาวอุ้มก็โชว์ลีลาการเต้นได้ไม่แพ้มืออาชีพ

ซึ่งสาวอุ้มสุดเซ็กซี่พูดถึงการถ่ายทำฉากนี้ว่า........ยากมากค่ะฉากนี้ ขาเขียวไปเลยสองสามวัน คืออุ้มไม่ได้มีพื้นฐานทางการเต้นโพลแดนซ์มาก่อน วันถ่ายพี่หม่ำก็เอาครูมาสอนที่กองเลย ก็เลยเบาใจหน่อย แล้วชุดที่ใส่ก็ไม่ธรรมดา เป็นชุดกระต่ายบันนี่ชมพูมาเลย ก็เต็มที่เพื่อพี่หม่ำค่ะฉากนี้ ตอนถ่ายจริงครูสอนเต้นก็ทำท่าทางต่างๆ ให้ดู แล้วอุ้มก็ต้องจำท่าให้ได้ แล้วก็ต้องเต้นให้ได้เลย แต่โชคดีที่ไม่ได้ถ่ายคัทยาวมาก ก็เลยพอถูๆ ไถๆ ไปได้ แต่พอภาพออกมาแล้ว โอ้โห เรานี่ดูโปรเฟสชั่นนอลมากๆ ก็สนุกมาก ก็ถือว่าเป็นการเปลี่ยนคาแร็คเตอร์อุ้มไปอีกแบบเลย ชมลีลาเซ็กซี่ยั่วยวนปนความฮาของ “อุ้ม ลักขณา” ใน “ทาสรักอสูร” ได้แล้ววันนี้ ทุกโรงภาพยนตร์




เตรียมผวากันอีกรอบ The Ring 3 มาแน่!




แฟนหนังสยองขวัญทั่วโลกคงไม่มีใครไม่รู้จักซาดาโกะหรือซามาร่าอย่างแน่นอน เธอเป็นผีร้ายต้นแบบในชุดขาวพร้อมกับผมยาวสยายที่ปกคลุมหน้าจนทำให้ผู้ชมหลอนผวาติดตากันไปพักใหญ่ๆ และอย่างไรก็ตามที แฟรนชายส์การแตกหน่อหนังสยองขวัญนั้นก็นิยมทำกันไม่แพ้หนังแนวซูเปอร์ฮีโร่เช่นกัน แต่ส่วนมากแล้วชะตากรรมของหนังสยองขวัญภาคต่อมักจะถูกส่งตรงลงตลาดวิดีโอหรือดีวีดีเลยซะมากกว่า

ซึ่งล่าสุดหลังจากที่ The Ring 2 ในเวอร์ชั่นฮอลลีวูดได้เข้าฉายไป จนถึงวันนี้ก็นับรวมเวลาได้ 9 ปีแล้วโปรเจ็ค The Ring 3 ก็เริ่มจะมีความคืบหน้าออกมาให้ผู้ชมเตรียมผวากันครั้งใหม่ ถ้ายังจดจำกันได้ผู้กำกับกอร์ เวอร์บินสกี้ คนทำหนังในปี 2002 ได้รีเมค The Ring จากหนังสยองขวัญญี่ปุ่นสุดฮิตจนมันทำเงินได้ทั่วโลกถึง 249 ล้านเหรียญและในปี 2005 ฮิเดโอะ นากาตะก็มารับหน้าที่กำกับ The Ring 2 ก็สามารถโกยรายได้ทั่วโลกไปถึง 161 ล้านเหรียญ






โดยที่ทางพาราเมาต์สตูดิโอได้เดินหน้าโปรเจ็คหนังภาคต่อเรื่องนี้ด้วยการดึงตัว เอฟ จาเวอร์ กุยเทอร์เรซมารับหน้าที่กำกับหนังภาคใหม่ มี วอเตอร์ พาร์คเกสและ ลอรี่ แมคโดนัลมารับหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ของเรื่อง ซึ่งตัวผู้กำกับอย่าง เอฟ จาเวอร์ กุยเทอร์ นั้นมีผลงานการกำกับหนังไซไฟทริลเลอร์อย่าง Before the Fall และ The Crow ที่กำลังจะมีการรีเมคใหม่

และโครงเรื่องของ The Ring ภาค 3 นั้นก็ยังคงจะวนเวียนอยู่กับเรื่องวิดีโอเทปผีสิง (ซึ่งมาดูกันซิว่าเมื่อเทคโนโลยีก้าวหน้ากันจนเลยยุคเทปไปแล้วหนังจะใช้อะไรมาเป็นตัวแทน) ซึ่งคาดหวังกันเป็นอย่างยิ่งว่าหนังภาคนี้คงจะไม่ใช้วิธีเล่าเรื่องแบบฟาวน์ฟุตเทจ (วิดีโอที่ถูกค้นพบหลังเหตุการณ์จบลงไปแล้ว)






อย่างที่เรารู้กันดีว่าเรื่องราวของเดอะ ริง นั้นกลายเป็นสิ่งที่แทบทุกคนรู้จักและคาดหวังรอคอยกับเรื่องราวใหม่ๆของผีสาวผมยาวตนนี้อยู่...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น