วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

รอบหนัง Gundam The Origin I ตำนานท่านชาร์ กำหนดฉายแล้ว

รอบหนัง Gundam The Origin I ตำนานท่านชาร์ กำหนดฉายแล้ว




ซึ่งถ้าให้ลองนึกถึงรอบหนังตัวร้ายของเรื่อง กันดั้ม ขึ้นมาสักหนึ่งตัว คุณจะคิดถึงตัวไหนเป็นตัวแรก? ผมเชื่อได้เลยว่าแฟนกันดั้มที่ติดตามเรื่องนี้มานาน จะต้องนึกถึงท่านชาร์ อัสนาเบิ้ล หรือดาวหางสีแดงก่อนใครอย่างแน่นอน

เพราะว่าแกเป็นตัวร้ายที่ทั้งเก่งและมีเอกลักษณ์มากที่สุดในบรรดาตัวร้ายของกันดั้มทุกภาค แม้ว่ากัมดั้มภาคที่ชาร์มีบทบาทอยู่นั้นจะจบไปนานแล้ว แต่กระนั้นตัวละครแกก็ยังคงได้รับความนิยมและกล่าวถึงอยู่เสมอๆ แถมยังถูกนำมาวาดเป็นหนังการ์ตูนนอกเรื่องภาคพิเศษมากมาย อย่าง กันด๊าม กันดั้ม และ เรื่องฮาประจำวันของทั่นชาร์

ซึ่งเรื่องของท่านชาร์ นั้นได้รับความสนใจมากนี้ และทาง Sunrise ก็เลยได้จับชาร์มาแสดงอีกรอบ ในกันดั้มภาคชีวประวัติของท่านชาร์ Mobile Suit Gundam: The Origin Blue-Eyed Casval ให้แฟนๆ นั้นทราบที่มาของท่านชาร์อย่างละเอียดกันไปเลย

โดยอันที่จริงแล้วประวัติของท่านชาร์นี้ มีลงรายละเอียดไว้ในนิยายและหนังสือการ์ตูนแล้ว แต่สำหรับคนที่ไม่ได้อ่านก็อาจยังไม่ทราบ ก็เลยทำเป็นอนิเมะ OVA ให้ชมกันเลยง่ายกว่า นอกจากนี้ยังทำขึ้นเพื่อฉลองครบรอบ 35 ปี กันดั้มด้วย



และเนื้อเรื่องย่อละครของ Mobile Suit Gundam: The Origin Blue-Eyed Casval นั้นจะเล่าเรื่องราวตั้งแต่ตอนที่ ชาร์ หรือ แคสวาล ตอนยังเด็ก พ่อของเขาได้เริ่มก่อตั้งสาธารณรัฐซิออน ซึ่งเป็นอาณานิคมของบรรดาผู้อพยพจากโลกมาอาศัยอยู่ในอวกาศ และพ่อของเขายังมีนโยบายสนับสนุนให้มนุษย์ขึ้นมาอาศัยในอวกาศ เพื่อวิวัฒนาการของมนุษย์ด้วย

แต่ว่ายังไม่ทันที่จะได้ทำอะไรก็ถูกตระกูลซาบี้ลอบสังหารและยึดอำนาจไป ทำให้ลูกๆ ทั้งสองคนคือ แคสวาล เรม ไดคุน และ อัลทิเซีย ซอม ไดคุน ต้องลีภัย ได้รับการช่วยเหลือไปใช้ชีวิตอยู่ในโคโลนี่เท็กซัส จนกระทั่งโตขึ้น แคสวาลได้ลอบเข้าไปเรียนในโรงเรียนเตรียมทหารของซิออน โดยใช้ชื่อว่า ชาร์ อัสนาเบิ้ล ที่มีหน้าตาคล้ายกัน ต่างกันที่สีตา ส่วนอัลทิเซีย น้องสาว ใช้ชื่อปลอมว่า เซร่า มาส ไปเข้าเป็นทหารของฝ่ายสหพันธ์โลก

สำหรับตัวอย่างหนังใหม่เรื่อง Mobile Suit Gundam: The Origin Blue-Eyed Casval นั้นเป็นอนิเมะแบบ OVA แต่จะมีฉายทางโรงภาพยนตร์ด้วย นาน 90 นาที ภาคแรกกำหนดฉายวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ถึง 13 มีนาคม 2015 ที่ญี่ปุ่น และจะมีขายเวอร์ชั่น DVD และ Bluray ตามมา

ผู้นำโดยไร้ทางเลือกสำหรับหนังเรื่อง MOCKINGJAY PART I

เรียกได้ว่า ต้องเป็นผู้นำโดยไร้ทางเลือก ชะตาครั้งใหม่ของแคทนิสในเรื่อง THE HUNGER GAMES: MOCKINGJAY PART I




สำหรับหนังเข้าใหม่เรื่องนี้ ตัวของแคทนิสกลายเป็นความหวังและกลายเป็นสัญลักษณ์ในการต่อต้านแคปปิตอล ถูกจับตามองในฐานะความหวังเดียวของประชาชนชนพาเน็ม แคทนิส ต้องทุ่มเท ความกล้าหาญของตัวเองเพื่อต่อกรกับพลังอันยิ่งใหญ่ของแคปิตอล

ซึ่งนั่นทำให้แคทนิสรู้ว่า เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากสยายปีกของเธอและต่อสู้ในฐานะของม็อกกิ้งเจย์ และเพื่อช่วยชีวิตพีต้าให้ได้ เธอจะต้องเป็นผู้นำในศึกครั้งนี้




โดยที่การเปลี่ยนแปลงหนังของ ผู้กำกับ ฟรานซิส ลอว์เรนซ์ เล่าว่า มันเป็นการชวนให้สะเทือนอารมณ์จริงๆ ครับ แคทนิสเป็นเหมือนกับคนต่างที่ที่ต้องมาอยู่ในสถานที่ที่ประหลาดในตอนต้นของเรื่อง มันเป็นเวลาที่เธอได้พบว่าเธอไม่สามารถที่จะทนอยู่เฉยๆได้อีกต่อไป ผู้คนมากมายถูกหลอก รวมทั้งคนที่เธอรักก็ตกอยู่ในอันตราย และเธอจะขอทำทุกทางเพื่อช่วยให้พวกปลอดภัย

และนี่ก็ถือว่าเป็นการกลับมารับบทครั้งที่ 3 ในฐานะ แคทนิส เอเวอร์ดีน ของนักแสดงสาวเจ้าของรางวัลออสการ์ เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ ที่ในคราวนี้จะต้องพลิกโฉมมารับบทผู้นำแบบเต็มตัว ซึ่งฉันรู้สึกตื่นเต้นมากค่ะ ที่ในครั้งนี้จะต้องกลายมาเป็นผู้นำ แต่เธอก็เป็นฮีโร่สาวทั้งๆที่ไม่รู้สึกเต็มใจซักเท่าไรนัก ลอว์เรนซ์เล่า

และในภาพยนตร์ภาคแรก เธออยากที่จะปกป้องครอบครัว ในภาคที่ 2 เธอพยายามที่จะปกป้องเพื่อนๆและตัวเธอเอง แต่ล่าสุด เธอเริ่มที่จะตระหนักถึงอิทธิพลที่เธอมีต่อผู้คน ซึ่งทำให้เธอต้องเลือกที่จะมาเป็นผู้นำในการต่อสู้ครั้งนี้




โดยที่ยิ่งไปกว่านั้นตัวลอเรนซ์เองก็ยังตื่นเต้นไม่น้อยที่จะได้ร่วมงานกับจูลีแอนน์ มัวร์ผู้จะมารับบทประธานาธิบดีคอยน์แม้ในชีวิตจริงลอว์เรนซ์และมัวร์จะเข้ากันได้เป็นอย่างดี

แต่ว่าตัวละครของทั้งสองกลับมีความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดในภาพยนตร์ ซึ่งความสัมพันธ์ของทั้งคู่ซับซ้อน ทั้งที่พวกเขามีอุดมการณ์ที่คล้ายๆกัน แต่เพราะสิ่งที่เธอเคยเผชิญมา มันทำให้แคทนิสไม่สามารถเชื่อใจเธอได้อย่างเต็มที่ สิ่งนี้คือสาเหตุก็เพราะว่าตัวประธานาธิบดีคอยน์นั้นมองว่าตัวแคทนิสเองยังคงช็อคกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองในการสูญเสียเพื่อนรักไปให้กับประธานาธิบดีสโนว์นั่นเอง


ดรากอนบอล Z เดอะมูฟวี่ภาคใหม่ หลังฟรีเซอร์ฟื้นคืนชีพ




ซึ่งในที่สุดการ์ตูนเรื่อง Dragon Ball Z Movie ภาคใหม่ก็เผยข้อมูลออกมาแล้ว จากที่อุบมาตั้งแต่ช่วงครึ่งปี ผ่านทางนิตยสาร V-Jump รายเดือนฉบับล่าสุด ภาคที่อาจารย์ อากิระ โทริยามะ เคยตัดออกไปจากเนื้อเรื่องฉบับการ์ตูนของเดิม แล้วนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์แทน ชื่อภาคว่า Dragon Ball Z: Fukkatsu no F หรือ ดรากอนบอล Z คือการฟื้นคืนชีพของฟรีเซอร์ Fukkatsu ภาษาญี่ปุ่นแปลว่าฟื้นคืนชีพ ส่วน F ก็ย่อมาจากฟรีเซอร์

และได้กำหนดรอบหนังฉายในโรงภาพยนตร์ที่ญี่ปุ่น วันที่ 18 เมษายน 2015 ทั้งแบบ 2D และ 3D



โดยที่จากภาพปิดหนังแรกที่เราเห็นนี้ จะพบว่าตัวร้ายไม่ได้มีเพียงฟรีเซอร์เท่านั้น แต่ยังมีบีรุสหรือ บีรุสึ ตัวร้ายจากภาค Dragon Ball Z: Battle of Gods ที่เป็นมูฟวี่ภาคที่แล้วอยู่ด้วย แต่ก็คาดว่าไทม์ไลน์คงไม่ใช่ภาคต่อของ Dragon Ball Z: Battle of Gods

และจากบทสัมภาษณ์อาจารย์ อากิระ โทริยามะ ในนิตยสาร V-Jump กล่าวว่าแกแทนตัวฟรีเซอร์ด้วยตัวอักษร F เพราะแกคิดชื่อภาคนี้ได้หลังจากฟังเพลง F ของวง Maximum The Hormone ที่อาจารย์แกรู้จักผ่านทางเพื่อน ซึ่งอันที่จริงแล้วสมาชิกวงนี้คนหนึ่งเคยบอกเขาว่า เขาร้องเพลงนี้เพื่อฟรีเซอร์เลย



ภาพซ้าย Sorbet ภาพขวา Tagoma

และสำหรับเนื้อเรื่องของภาค Dragon Ball Z: Fukkatsu no F ก็ได้เริ่มต้นเมื่อสองลูกสมุนของฟรีเซอร์ Sorbet และ Tagoma ไอศกรีมเชอร์เบทและไข่ ได้เดินทางมายังโลก แอบรวบรวมดรากอนบอลเพื่อฟื้นคืนชีพฟรีเซอร์นายของพวกมัน ให้กลับมาแก้แค้นชาวไซย่าอีกครั้ง

เพียงแต่ว่า ก็ได้มีการตั้งข้อสงสัยจากพวกแฟนๆ เหมือนกันว่า ฟรีเซอร์ที่คืนชีพมานี้ จะสู้พวกโกคูได้เหรอ เพราะฟรีเซอร์คนเก่า แค่ซุปเปอร์ไซย่าร่างแรกยังสู้ไม่ได้เลย หรือว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับบีรุสละบิล มาทำให้ฟรีเซอร์เก่งขึ้น? อันนี้ต้องรอติดตามชมตัวอย่างหนังใหม่กันปีหน้าครับ



วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

หนังการ์ตูนเรื่อง กาโร่ อัศวินหมาป่าทองคำ

หนังการ์ตูนเรื่อง กาโร่ อัศวินหมาป่าทองคำ เปิดตัวภาคใหม่ 3 ภาครวด




สำหรับเรื่อง กาโร่ อัศวินหมาป่าทองคำ เป็นหนึ่งในหนังเข้าใหม่ภาพยนตร์แนวฮีโร่แปลงร่างของญี่ปุ่น ที่ใช้คนจริงแสดงเช่นเดียวกับหน้ากากไรเดอร์ ซึ่งมีศัพท์เรียกภาพยนตร์แนวนี้ว่าโทกุซัตสึ

โดยที่กาโร่นั้นจะออกไปในแนวแฟนตาซี การต่อสู้กับเหล่าสัตว์ประหลาดที่เรียกว่าเฮอเรอร์ ด้วยการแปลงร่างเป็นอัศวินสวมชุดเกราะ เรียกว่าอัศวินมาไค ที่มีหน้าเหมือนหมาป่า เป็นภาพยนตร์แนวฮีโร่แปลงร่างที่ได้รับความนิยมมากอีกเรื่อง

จนได้มีการสร้างภาคต่อ ทำเป็นอนิเมชั่นและเกมส์ออกมามากมาย เวอร์ชั่นภาษาไทยสามารถหาซื้อของโรส มีเดีย มาดูกันได้



และหนังเรื่อง กาโร่ อัศวินหมาป่าทองคำ ปัจจุบันได้สร้างมาถึง 10 ปีแล้ว โดยจะมีอายุครบ 10 ปีในปี 2015 ภาคแรกรอบหนังฉายในปี 2005 มีภาคต่างๆรวมกันแล้วกว่า 10 ภาค ทั้งภาคทีวีซีรี่ย์ ภาพยนตร์ และ OVA

โดยที่เรื่องราวนั้นได้มีสืบทอดพลังจาก ซาเอจิมะ โคกะ ตัวเอกจากภาคแรกไปยังรุ่นลูกต่อๆไป และมีการถ่ายทอดพลังไปยังอัศวินรุ่นใหม่ภาคอนาคตด้วย ล่าสุดนั้นเพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 10 ปีของซีรี่ย์

ดังนั้นจึงได้มีการประกาศ กาโร่ อัศวินหมาป่าทองคำ ภาคใหม่ถึง 3 ภาครวด ในงาน The Kinrō Kanshasai 2015 ที่ประเทศญี่ปุ่น มีทั้งแบบภาพยนตร์จอเงิน ทีวีซีรี่ย์ และการ์ตูนอนิเมชั่น ครบทุกแบบ

และเช็ครอบหนังเรื่อง Garo -Gold Storm- Sho นั้นเป็นภาคใหม่ของทีวีซีรี่ย์ ซึ่งเป็นเรื่องราวภาคต่อของทีวีซีรี่ย์ซีซั่น 3 ภาค Yami o Terasu Mono ซึ่งเป็นเรื่องราวการต่อสู้ของอัศวินมาไครุ่นหลัง ที่ไม่ใช่จากตระกูล ซาเอจิมะ แล้ว แต่เป็น ริวกะ โดไก ที่รับบทเป็นอัศวินมาไคตัวเอกแทน

โดยที่ตัวเขาเกี่ยวข้องอะไรกับตระกูล ซาเอจิมะ ต้องลองติดตามหาภาค Yami o Terasu Mono มาดูกันเอาเองล่ะครับ กำหนดฉายของภาค Garo -Gold Storm- Shō คือวันที่ 28 มีนาคม 2015






สำหรับเรื่อง Garo Bikū - Yamagirinochi- อันนี้เป็นภาพยนตร์จอเงิน ซึ่งเป็นภาคพิเศษ เนื้อเรื่องเสริมของภาค Makai no Hana ทางทีวีซีรี่ย์ซีซั่น 4 ซึ่งเป็นเนื้อเรื่องของ ซาเอจิมะ ไรกะ ลูกชายของ ซาเอจิมะ โคกะ พระเอกภาคแรก เนื้อเรื่องของเรื่องนี้ข้ามไปแล้วก็ย้อน ระวังงงนะครับ ภาคนี้เป็นบทเสริมที่เน้นเนื้อเรื่องของ ไรกะ กับตัวละครที่ชื่อ บิคู กำหนดฉายตัวอย่างหนังใหม่ภาคนี้ยาวเลย ปลายปี 2015







และเรื่อง Garo: Honoo no Kokuin ภาคใหม่ที่ประกาศอย่างสุดท้าย ซึ่งเป็นการ์ตูนอนิเมชั่น โดยภาคแรกนั้นกำลังฉายอยู่ในตอนนี้ ที่ประกาศใหม่นี่คือภาคที่สอง ซึ่งจะฉายต่อไปในปี 2015 นั่นเอง




ซึ่งใครที่เป็นแฟนดูหนังฟรีเรื่อง กาโร่ อัศวินหมาป่าทองคำ ก็จะมีให้ดูกันจุใจเลยในปี 2015 ทั้งทีวีซีรี่ย์ภาคใหม่ ภาพยนตร์ และฉบับการ์ตูนอนิเมะภาคต่อ นอกจากนี้ยังมีละครเวทีแบบมิวสิคัลด้วย แต่คนไทยคงไม่ได้ไปดูกัน

วันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

รายชื่อนักแสดงหนังใหม่เรื่อง ผ่าพิภพไททัน

มาดูรายชื่อนักแสดงและตัวละครหลักต่างๆ ในหนังใหม่เรื่อง ผ่าพิภพไททัน




ซึ่งจากการ์ตูนสุดฮิตในญี่ปุ่นขณะนี้ กำลังจะกลายเป็นภาพยนตร์ยิ่งใหญ่อีกเรื่องสำหรับ ผ่าพิภพไททัน หรือ Attack on Titan ในแบบคนจริงแสดง ที่ได้ทั้งผู้กำกับ และเหล่าดารานักแสดงชื่อดังจากญี่ปุ่นมาร่วมแสดงด้วยมากมาย ที่จะมาให้ชมกันในปี 2015 และตอนนี้เหล่านักแสดงทั้งหมดก็ได้มาเผยโฉมให้เราทราบกันแล้วว่า ใครได้รับบทอะไรกันบ้าง

ซึ่งในส่วนของตัวละครหลักได้นักแสดงหนุ่มมาดเท่วัย 23 ปี ฮารุมะ มิอุระ หรือ บิโตว ทัตสึยะ จากเรื่อง Crow Zero มารับบท เอเลน เยเกอร์ พระเอกของเรื่องที่เพิ่งเข้ามาร่วมกับหน่วยสำรวจต่อสู้กับพวกยักษ์ไททัน


รายชื่อนักแสดงและตัวละครทั้งหมด


1.ฮารุมะ มิอุระ แสดงเป็น เอเลน เยเกอร์



2.คิโกะ มิซุฮาระ แสดงเป็น มิคาสะ เอเคอร์แมน



3.คานาตะ ฮอนโง แสดงเป็น อาร์มิน อัลเรลโต



4.ซาโตมิ อิชิฮาระ แสดงเป็น ฮันจิ โซเอ



5.นานามิ ซากุระบะ แสดงเป็น ชาช่า เบลาส์



6.ทาคาฮิโระ มิอุระ แสดงเป็น แจน คริสไตน์



7.ฮิโรคิ ฮาเซกาวะ แสดงเป็น ชิคิชิมะ



8.อายาเมะ มิซากิ แสดงเป็น เฮียน่า



9.ปิแอร์ ทาคิ แสดงเป็น โซดะ



10.จุน คุนิมุระ แสดงเป็น คูบัล



11.ชู วาตานาเบะ แสดงเป็น ฟุคุชิ



12.ซาโตรุ มัตสึโอะ แสดงเป็น ซันนางิ



13.รินะ ทาเคดะ แสดงเป็น ลิล



ซึ่งจะเห็นว่า มีตัวละครบางตัวที่ไม่ปรากฏอยู่ในหนังสือการ์ตูน แต่มีบทในภาพยนตร์ด้วย เพราะตัวเนื้อเรื่องของภาพยนตร์นี้จะต่างไปจากการ์ตูน จากรายชื่อตัวละครทั้งหมดที่เปิดเผยมาตอนนี้ มีตัวละครที่มาจากการ์ตูน 6 ตัว และตัวละครที่มีแค่ในภาพยนตร์อีก 7 ตัวด้วยกัน

ซึ่งตัวละครใหม่เหล่านี้ จะเป็นตัวละครที่มีส่วนสำคัญในเนื้อเรื่องภาพยนตร์นี้ด้วย เช่น ชิคิชิมะ ที่เป็นนักรบผู้เก่งกาจที่สุดของมนุษย์ สงสัยจะมาแทนรีไวล์




และทางโปรดิวเซอร์โดย โยชิฮิโระ ซาโต้ นั้นไม่ต้องการให้หนังเน้นตัวละครจากการ์ตูนเท่านั้น เขาเลยเพิ่มตัวละครเฉพาะของภาพยนตร์เข้าไปด้วยให้มีสัดส่วนพอๆ กัน

ซึ่งก็ไม่เพียงนักแสดงที่ส่วนใหญ่เป็นนักแสดงขาประจำของภาพยนตร์จากโปรแกรมหนังการ์ตูนญี่ปุ่นแล้ว เหล่าทีมงานสร้างก็ล้วนเป็นทีมงานที่มีประสบการณ์สร้างภาพยนตร์การ์ตูนชื่อดังทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น

คนแรกคือผู้กำกับ ชินจิ ฮิกุจิ ผู้เคยกำกับเรื่อง

  1. เรื่อง The Floating Castle 
  2. เรื่อง Evangelion
  3. เรื่อง Gamera 
  4. และอื่นๆ 


ซึ่งนอกจากนี้ก็มี

คนที่สอง คุณ ยูสุเกะ วาตานาเบะ รับหน้าที่ Screenwriters ผู้มีประสบการณ์ทำภาพยนตร์การ์ตูนดังอย่าง

  1. เรื่อง Gantz
  2. เรื่อง 20th Century Boy
  3. เรื่อง Dragon Ball Z: Battle of Gods 


และผู้เขียนบทคือคุณ โทโมฮิโระ มาจิยามะ ที่เป็นนักวิจารณ์หนังชื่อดัง

โดยที่ฮาจิเมะ อิโซยามะ ผู้แต่งจะมาเป็น supervisor ช่วยเหลือการแต่งบทภาพยนตร์ด้วย




และเรื่องย่อละครภาพยนตร์ ผ่าพิภพไททัน ถ่ายทำที่เกาะเรือรบ ฮะชิมะ หรือ กุงกันจิมะ ว่ากันว่าเป็นเกาะร้างที่ขึ้นชื่อเรื่องมีผีสิงชื่อดังอันดับสองของโลก เนื่องจากปัจจุบันไม่มีผู้คนอาศัยบนเกาะแล้ว จึงเหมาะที่เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ ที่มีฉากรกร้างและซากตึกหักพังได้อย่างดี

วันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

บทวิจารณ์หนัง The Hunger Games: Mockingjay Part 1

บทวิจารณ์หนัง The Hunger Games: Mockingjay Part 1 




และเมื่อหนังในภาคนี้ไม่มีสนามประลองแห่งเกมล่าชีวิตอยู่อีกต่อไป ภายหลังจากการแข่งขันอันเข้มข้นใน Quarter Quell ครั้งล่าสุด ที่สาวน้อยผู้มากับไฟ แคทนิส เอเวอร์ดีน หรือ เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ นั้นได้ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หลวงขึ้น และมันได้นำมาซึ่งจุดเริ่มต้นที่แท้จริงของสงครามที่แท้จริง ที่เธอจะไม่ยอมสยบต่อแคปปิตอลอีกต่อไป


ซึ่งมีแคทนิสในฐานะสัญลักษณ์ของ ม็อคกิ้งเจย์ จะเป็นผู้นำในการลุกขึ้นต่อต้านครั้งนี้ร่วมกับ

  1. เกล หรือ เลียม เฮมส์เวิร์ธ ที่เป็นเพื่อนรักจากเขต 12
  2. ฟินนิค เพื่อนร่วมเกมจาก Quarter Quell 
  3. และ คนที่สาม คือพลูตาร์ช เกมเมคเกอร์ที่ขอหักหลังแคปิตอล 


โดยทีทุกอย่าง นั้นไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะเมื่อชายหนุ่มที่เคยต่อสู้เคียงข้างเธออย่างพีต้า เมลลาร์ค หรือ จอช ฮัทเชอร์สัน ต้องถูกแคปปิตอลจับเป็นตัวประกัน

และสิ่งที่น่าสนใจก็คือภาคนี้เคทนิสเองถูกผลักดันขึ้นมาเป็นตัวแทนผู้นำในการต่อต้านกับแคปปิตอล ซึ่งเอาเข้าจริงแล้วตัวเธอเองก็เพิ่งจะบอบช้ำมาจากการที่ต้องรู้ความจริงว่าพีต้าถูกสโนว์จับตัวไปเป็นตัวประกัน ทำให้ความสับสนและความซับซ้อนทางอารมณ์ของแคทนิสถูกเปิดเผยออกมาให้ผู้ชมเห็นว่าเธอก็เป็นปุถุชนคนหนึ่งที่ยังคงหวาดกลัวการถูกคุกคามอยู่ดี




และอันที่จริงแล้วแผนการปฏิวัติจะเกิดขึ้นและเป็นผลสำเร็จไม่ได้เลยถ้าหากตัวแคทนิสเองไม่ยอมต่อต้าน กฎ ในเกมล่าชีวิตภาคแรก นั่นยังไม่รวมไปถึงการที่เธอเลือกจะยิงธนูใส่สนามพลังในภาคถัดมา และแน่นอนเมื่อไฟแห่งการปฏิวัติถูกจุดให้ติดขึ้นแล้ว กลุ่มผู้ต่อต้านจึงคิดว่าแคทนิสนี่แหละคือ สัญลักษณ์ ในการปลุกระดมมวลชนให้เห็นคล้อยตามไปกับพวกเขา กับการเลิกจำนนต่อการปกครองแบบเอารัดเอาเปรียบของแคปปิตอล

แต่ว่าอย่างไรก็ตามความสนุกอีกอย่างนอกจากฉากแอ็คชั่นในตัวอย่างหนังใหม่ภาคนี้แล้ว จะเห็นได้ว่าเขต 13 หรือ กลุ่มผู้ต่อต้านและแคปปิตอล โดย ประธานาธิบดีสโนว์ นั้นได้ใช้กระบวนการที่เรียกว่า Propaganda หรือโฆษณาชวนเชื่อในการสร้าง เหตุผล เพื่อโน้มน้าวมวลชนของตัวเองให้คล้อยตามไปกับสิ่งที่พวกเขาพยายามจะสื่อสารออกไป

สำหรับที่เขต 13 นั้นพยายามจะใช้แคทนิสเป็นม็อกกิ้งเจย์สัญลักษณ์แห่งอิสรภาพในการปลดเปลื้องพันธนาการจากแคปปิตอล ในขณะที่ทางแคปปิตอลเองก็ใช้เชลยอย่างพีต้าในการพูดให้ทางแคทนิสใจอ่อนและเกิดความไม่มั่นใจเพราะเป็นห่วงในสวัสดิภาพของคนรัก หรือเพื่อนรัก อย่างพีต้า




โดยที่ตัวละคร อย่างประธานาธิบดี อัลม่า คอยน์ หรือ จูลี่แอนน์ มัวร์ นั้นก็จัดได้ว่าเธอเป็นตัวละครที่ต้องแบกรับความรับผิดชอบครั้งยิ่งใหญ่ในการปกป้องผู้คนที่เธอต้องดูแล อย่างที่ทราบกันดีว่าเขต 13 นั้นในความเข้าใจของแคปปิตอลนั้นมันเป็นเขตที่หายสาบสูญไปจากแผนที่เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งการถ่ายทอดบท ผู้นำ ของจูลี่ก็เรียกได้ว่าทรงพลังไม่แพ้กับแคทนิสเลยเช่นกัน

และที่นอกเหนือไปจากนี้ 1 ในฉากที่ดีที่สุดและชวนลุ้นระทึกที่สุดในหนังมาใหม่เรื่องก็คงหนีไม่พ้นฉากเข้าไปชิงตัวประกันที่เรียกได้ว่า ผู้กำกับอย่างฟรานซิส ลอว์เรนซ์สามารถคุมจังหวะในการเร้าอารมณ์ผู้ชมให้ลุ้นตามไปกับทีมหน่วยกล้าตายของเกล ในการบุกเข้าไปในตึกของแคปปิตอล ตัดสลับกับการเจรจาถ่วงเวลาระหว่างแคทนิสกับประธานาธิบดีสโนว์




โดยภาพรวมของโปรแกรมหนังเรียกได้ว่ายังคงดูสนุก แม้ว่าบางส่วนที่เยิ่นเย้อก็สามารถตัดออกไปได้ แต่ก็เข้าใจเจตนาในการหั่นหนังเป็นสองภาคเพราะปัจจัยหนึ่งก็มาจากเรื่องเงินรายได้ น่าเสียดายที่ไคลแมกซ์ของเรื่องแม้ว่าอาจจะไม่ได้ลุ้นจนตัวโก่ง แต่มันก็อยากจะทำให้ผู้ชมอยากจะชม PART 2 ไวๆ เหมือนกัน

@พริตตี้ปลาสลิด

ยกให้ 3.5 คะแนนจาก 5 คะแนน

วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

บทวิจารณ์หนัง Interstellar รักจะข้ามผ่านห้วงเวลา

บทวิจารณ์หนัง Interstellar รักจะข้ามผ่านห้วงเวลา




สำหรับการวิจารณ์หนังเรื่อง Interstellar นั้นเป็นภาพยนตร์แนวไซไฟซึ่งยี่ห้อผู้กำกับอีกคนที่เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางอย่าง คริสโตเฟอร์ โนแลน ผู้กำกับที่มีลายเซ็นในการทำหนังชัดเจน

ซึ่งหนังทุกเรื่องที่เขากำกับมาเรียกได้ทำเงินถล่มทลาย หนังของเขามีประเด็นชวนให้ถกเถียง ขบคิดหลังหนังจบลงอยู่เสมอ แต่อย่างไรก็ตามส่วนตัวแล้วผมกลับค่อนข้างชอบหนังเรื่อง Interstellar น้อยกว่าหนังเรื่องก่อนๆ หน้านี้ เนื่องจากตัวหนังเล่นประเด็นซีเรียสขึงขังมากในช่วงแรก แต่หลังจากนั้นแล้วหนังก็ค่อนข้างมีความแฟนตาซีในช่วงหลังจนลดทอนความน่าเชื่อถือของเหตุการณ์พอสมควร  ถึงแม้ว่าเหตุผลและตรรกะต่างๆ จะยืนพื้นอยู่บนหลักการของวิทยาศาสตร์ก็ตาม




โดยที่ตัวโปรแกรมหนังนั้น จะบอกเล่าเรื่องราวของโลกมนุษย์ในอนาคตเมื่อพืชพรรณธัญญาหารล้มตายกันไปเป็นจำนวนมาก เหลือแค่เพียงข้าวโพดเท่านั้นที่มนุษย์สามารถทานได้ มนุษย์จึงจำเป็นต้องค้นหาดาวดวงใหม่ในการใช้เป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์

ดังนั้น คูเปอร์ หรือ แมททิว แมคคอนนาเฮย์ นั้นได้รับมอบหมายให้ขับยานเพื่อปฏิบัติภารกิจในการค้นหาดาวเคราะห์ในอีกกาแล็กซี่ ซึ่งเขาต้องเดินทางข้ามผ่านรูหนอน แต่นั่นหมายความเขาจะต้องละทิ้งลูกสาวอย่าง เมิร์ฟ หรือ แมคเคนซี่ ฟอยด์ เอาไว้

โดยที่การข้ามกาแล็กซี่นั้นทำให้ระบบเวลาแตกต่างกันมาก และมีโอกาสเป็นไปได้ที่ว่ายามที่เขากลับมาบนโลก ลูกสาวของเขาอาจจะแก่เฒ่าไปแล้ว



และอันที่จริงแล้วตัวหนังมีประเด็นมากมายให้ชวนตั้งคำถามและชวนถกเถียง ซึ่งแน่นอนผมว่าหนังสไตล์ไซไฟที่เปิดช่องให้คนดูกลับมาทำการบ้านเป็นหนที่สองนั้นควรค่าแก่การนับถือว่ามันเป็นภาพยนตร์ที่ไม่ใช่แค่เพียงความบันเทิงชั่วครู่ชั่วยาม จบกันแล้วก็จบกันไป แต่มันจะถูกจดจำในฐานะภาพยนตร์ที่สามารถหยิบมาเป็นกรณีศึกษาได้เป็นอย่างดี

ซึ่งถึงแม้ว่า จะเป็นหนังไซไฟที่พูดถึงการข้ามจักรวาล แต่รากฐานของหนัง Interstellar กลับพยายามพูดถึงเรื่องที่เล็กน้อยยิบย่อยแต่เป็นเรื่องใหญ่ไม่แพ้จักรวาลนั่นก็คือเรื่องราวความรักความสัมพันธ์ของมนุษย์ ซึ่งถูกถ่ายทอดและเน้นหนักในส่วนของพ่อลูก โดยเฉพาะคูเปอร์และเมิร์ฟ



แต่ถึงกระนั้น แม้ว่าเขาจะเดินทางจากลูกสาวเขาไปแต่ทุกนาทีที่จากเธอมาเขาก็ได้แต่คิดถึงลูกของตัวเอง เมิร์ฟก็เช่นเดียวกันไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ความหวังในการจะได้พบกับพ่อของตัวเองนั้นก็ยังเป็นสิ่งที่เธอเฝ้ารออยู่ดี เช่นเดียวกับพ่อลูกอย่าง แบรนด์ หรือ แอนน์ ฮาธาเวย์ และ ศาสตราจารย์ แบรนด์ หรือ ไมเคิล เคน ที่ห่วงหากันไม่แพ้ครอบครัวอื่นๆ

สำหรับหนังมาใหม่เรื่อง Interstellar นั้นยังใช้ทฤษฎีทางฟิสิกส์เข้ามาเพื่ออธิบายจินตนาการของผู้กำกับให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น เมื่อโนแลนหยิบเอาประเด็นเรื่อง

  1. ข้อแรก ทฤษฏีสัมพัทธ์ภาพ
  2. ข้อที่สอง หลุมดำ หรือ Black hole
  3. และข้อที่สาม มิติที่ 5 


นั้นได้เอามาวาดให้ผู้ชมหยิบเอาเรื่องราวเหล่านี้ไปทำการบ้านต่ออีกทอดหนึ่ง ซึ่งไม่ว่าคนดูจะเข้าใจเหตุผลที่หนังได้เล่ามาหรือไม่ การออกนอกโรงภาพยนตร์แล้วกลับมาทำความเข้าใจกับสิ่งเหล่านี้ใหม่อีกครั้งก็นับว่าเป็นเสน่ห์อีกประการสำหรับหนังเรื่องนี้



อีกทั้งตัวอย่างหนังใหม่เรื่อง Interstellar มีฉากการเดินทางข้ามหมู่ดาวที่สวยงาม มีฉากคลื่นยักษ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ มีภาพยานที่กำลังโคจรและระเบิดออกในช่วงไคลแมกซ์ มีฉากมิติที่ 5 ที่ไม่เคยชมจากหนังเรื่องไหนมาก่อน แน่นอนว่ามันสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับคนดู แต่เหนืออื่นใดคือทุกฉากทุกตอนหนังก็ยังทิ้งประเด็นเอาไว้ให้คนดูขบคิดกันอีกด้วย

@พริตตี้ปลาสลิด

มอบให้ 4 คะแนนจาก 5 คะแนน

วันพุธที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

หนังใหม่!! คนหล่อทำอะไรก็หล่อ โรเบิร์ต แพททินสัน

คนหล่อทำอะไรก็หล่อ!! โรเบิร์ต แพททินสัน



ซึ่งบางทีนักแสดงหนังฮอลลีวูดก็มีโมเมนต์ติสต์แตก อยากจะทำอะไรพิลึกพิลั่นขึ้นมากันบ้างสินะ ถ้าไม่นับเรื่องที่บริทนีย์ สเปียร์เกิดลุกขึ้นมาแล้วเข้าร้านตัดผมแล้วจัดการก้อนผมตัวเองจนหมด

สำหรับเคสล่าสุดที่เกิดกับนักแสดงหนุ่มหน้าหล่อสุดอินดี้อย่างพระเอกทไวไลท์ ที่หนังจบไปกี่ปีกี่ชาติแล้วก็เหมือนคนจะยังจดจำเขาในคราบ หนุ่มซีดแวมไพร์เผือดอย่างเดิมอยู่ดี อย่างโรเบิร์ต แพททินสัน

และก็ดูเหมือนว่าล่าสุดหนุ่มโรเบิร์ต แพททินสันก็คงอยากจะลองทำอะไรแปลกใหม่ให้กับตัวเองด้วยการ ...โปรดดูรูปภาพประกอบ

สำหรับด้านหน้าของทรงผมก็ดูเท่ตามสไตล์หนุ่มเซอร์ทั่วไป แต่พอหันหลังเท่านั้นแหละ คุณพระช่วย เกิดอะไรขึ้นกับหัวพี่แก พูดอย่างบ้านๆ ตามประสาคนไทยก็คงต้องเรียกว่าส่วนครึ่งหัวบนนั้นเป็น ทรงกะลาครอบ

โดยที่ในขณะที่ครึ่งหัวล่างที่พี่แกไถเกรียนแบบทรงนักเรียนบ้านเรา แต่ที่ตะลึงสุดก็คือเหลือหน่อผมประหนึ่งว่าช่างตัดนั้นลืมไถออกก่อนจะเสร็จไว้อีกหนึ่งขยุมให้รูดสแกนบาร์โค้ดเล่น หรือจริงๆ นี่อาจจะเป็นศิลปะชั้นยอดที่ได้ดูหนังแรงบันดาลใจมาจากดาวอังคารก็เป็นได้




และรูปถ่ายที่ได้มานี้ได้มาจากการที่หนุ่มแพททินสันเดินทางไปร่วมงาน Go Go Gala ที่เบเวอร์รี่ ฮิลล์ ใครอยากจะยืมทรงผมนี้ไปตัดบ้างก็ลองดูเผื่อจะรุ่ง หรือว่าร่วงดีล่ะเนี่ย!




ล่าสุดเผยโฉม โปสเตอร์ใหม่ล่าสุด และตัวอย่างสุดยิ่งใหญ่ หนังฟอร์มยักษ์อย่างเรื่อง  INSURGENT 



ซึ่งเรียกได้ว่าเหล่าแฟนๆ ทั่วโลกต่างต้องตกตะลึง ตื่นเต้นกันยกใหญ่! เพราะว่าตอนนี้ ไลออนส์เกต และ ซัมมิท เอนเตอร์เทนเมนท์ บริษัทผู้สร้างภาพยนตร์ได้ทำการเปิดตัวโปสเตอร์หนังมาใหม่ และปล่อยตัวอย่างแรกของภาพยนตร์ภาคต่อในชุดซีรี่ย์ของไดเวอร์เจนท์ที่กำลังจะสานต่อปรากฏการณ์ไซไฟสุดยิ่งใหญ่ในชื่อเรื่อง The Divergent Series: Insurgent หรือ เดอะ ไดเวอร์เจนท์ ซีรี่ย์ส; อินเซอร์เจนท์ จากในตัวอย่างแรกของภาพยนตร์นั้นเราจะได้เห็นตัวละครอย่างทริส เชย์ลีน วู้ดลี่



และการต่อสู้กับเรื่องราวในอดีตของตัวเธอ และแม่ โดยมีฉากหลังเป็นภาพของโลกอนาคตที่น่าตกตะลึง เตรียมตัวนับถอยหลังสู่ปรากฏการณ์แยกโลกไปพร้อมกัน The Divergent Series: Insurgent เดอะ ไดเวอร์เจนท์ ซีรี่ย์ส; อินเซอร์เจนท์ เช็ครอบหนัง 19 มีนาคม 2015 ทั้งในระบบปกติ และสามมิติ

ตัวอย่างหนังใหม่  The Divergent Series: Insurgent



วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

หนังใหม่อย่าง CAPTAIN AMERICA: CIVIL WAR ประกาศได้ตัวร้ายคนใหม่

หนังใหม่อย่าง CAPTAIN AMERICA: CIVIL WAR ประกาศได้ตัวร้ายคนใหม่




ซึ่งหลังจากที่ทางมาร์เวลได้ประกาศรอบหนังวันเข้าฉายอย่างแน่นอนของ CAPTAIN AMERICA: CIVIL WAR ออกมาเรียบร้อย แน่นอนว่าตัวร้ายเก่าอย่าง วินเธอร์ โซเยอร์ มาร์เวลคงไม่เอากลับมารียูสใช้เป็นตัวร้ายรอบสองกันอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นก็คงไม่ใช่โทนี่ สตาร์คที่เป็นเหมือนปรปักษ์อยู่กลายๆ อีกเช่นกัน

เพียงแต่ข่าวล่ามาไวก็คือนักแสดงนำอย่างแดเนียล บรูฮี จาก Rush และ Inglourious Basterds จะมารับหน้าที่เป็นตัวร้ายในหนังเรื่องนี้ ในขณะที่ก็มีอีกกระแสที่ว่าเขาอาจจะมาเป็นตัวร้ายหลักใน

Doctor Strange



โดยที่ก่อนหน้าที่จะมีข่าวโคมลอยออกมา ทางแดเนียลได้เดินทางไปแคสติ้งกับทางมาร์เวล์ และทาง เควิน ฟริจก์ ก็ได้กล่าวถึงแดเนียลว่า แดเนียลมีความสามารถในการเล่นบทที่ตึงเครียด เขามีการแสดงที่น่าสนใจ เราคิดว่าเราได้ค้นพบอีกหนึ่งนักแสดงที่จะสามารถมาแชร์ประสบการณ์การแสดงในจักรวาลฮีโร่ที่ยิ่งใหญ่ของเราด้วยเช่นกัน

และถึงแม้ว่ายังไม่ได้มีการประกาศของบทที่แน่นอนของแดเนียล แต่สื่อใหญ่ก็คาดว่าบทที่น่าจะเหมาะสมที่สุดสำหรับเขาน่าจะเป็นตัวร้ายใน Doctor Strange




สำหรับความน่าสนใจและตัวอย่างหนังใหม่ของ CAPTAIN AMERICA: CIVIL WAR ยังไม่หมดเท่านั้น เพราะถ้าหากยังจดจำกันได้ใน Captain America: The Winter Soldier บทบาทของตัวร้ายอย่างวินเทอร์โซเยอร์ได้รับการเกริ่นคร่าวๆ ว่าตัวละครนี้จะกลับมามีบทบาทสำคัญต่อโครงเรื่องในเส้นเรื่องของกัปตันอเมริกา ซึ่งทางนักแสดงอย่าง เซบาสเตียน แสตน นั้นจะกลับมารับบทบาทเดิม รวมไปถึง แซมมวลเอล แจ็คสัน และ สการ์เลต โจแฮนสัน ด้วย

โดยที่ความชัดเจนในภาคนี้ก็คือบทบาทของ โรเบิร์ต ดาว์นนี่ จูเนียร์ หรือ ไอรอนแมน และ คริส อีแวน หรือกัปตัน อเมริกา จะต้องกลายมาเป็นปรปักษ์ที่ต่างก็มีจุดยืนในความคิดของตัวเอง ซึ่งทางทีมขียนบทเองก็อยู่ในช่วงของการดัดแปลงบทมาจากหนังสือการ์ตูนในเซท Civil War อยู่ในเวลานี้ และเซอร์ไพรส์ล่าสุดที่มีโอกาสเป็นไปได้ก็คือการที่มาร์เวลจะนำซูเปอร์ฮีโร่อีกหนึ่งคนอย่าง Black Panther เอามาปรากฎตัวในหนังเรื่องอีกด้วย





วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

หนัง: บทวิจารณ์หนัง Whiplash เป้าหมายมีไว้พุ่งชน

บทวิจารณ์หนัง Whiplash  เป้าหมายมีไว้พุ่งชน




สำหรับรอบหนังอย่างเรื่อง Whiplash ซึ่งถ้าจะพูดกันตามตรงเลย ว่าหนังเรื่องนี้ไม่น่าจะสามารถทำตลาดในวงกว้างได้สักเท่าไหร่ เพราะว่าหน้าหนังฟอร์มเล็กเหลือเกินและแน่นอนตลาดคนดูหนังบ้านเราก็น้อยนักที่จะเสพย์งานสเกลระดับนี้สืบเนื่องมาจากราคาค่าบัตรและการประเมินความคุ้มค่าในการ พูดต่อ หลังจากที่หนังจบ

ก็แน่นอนล่ะที่ว่า ในหนังสเกลเล็กๆ นั้นมันย่อมมีความ ตื่นตาตื่นใจ น้อยกว่าหนังมาใหม่อย่างเรื่อง Interstellar แน่นอน

นั่นทำให้หนังในกลุ่มนี้ได้รับความน่าสนใจจากสาธารณชนน้อยกว่าที่มันควรจะได้รับมาตั้งแต่ไหนแต่ไร





และสำหรับตัวอย่างหนังใหม่เรื่อง Whiplash นั้นจะบอกเล่าเรื่องราวของ แอนดรูว์ หรือ ไมลส์ เทลเลอร์ จากหนังเรื่อง Divergent ซึ่งเป็นมือกลองหนุ่มวัย 19 ปี ที่ต้องการเป็นมากกกว่าฉากหลังในวงดนตรี ซึ่งความฝันของเขานั้นต้องการที่จะเป็นเป็นมือกลองระดับโลกก็เริ่มต้นขึ้น

และเมื่อเขาถูกค้นพบโดย เทอเรนซ์ เฟลชเชอร์ หรือ เจเค ซิมมอนซ์ ซึ่งเป้นครูสอนดนตรีที่มีวิธีการสอนที่เข้มข้น โดยเฉพาะเมื่อเขาเห็นถึงพรสวรรค์ที่อยู่ในตัวเด็กคนนี้ ถึงแม้ว่าเขาต้องการเป็นนักดนตรีที่ยอดเยี่ยม

เพียงแต่ว่าสิ่งที่ แอนดรูว์ นั้นยังไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจก็คือ เทอเรนซ์ ไม่ต้องการสิ่งอื่นใดนอกจากความสมบูรณ์แบบ และก็พร้อมที่จะทำลายใครก็ตามที่ทำให้วงดนตรีของเขาไม่ได้เป็นที่หนึ่ง นี่คือการเดินทางที่ฝ่านรกเพื่อที่จะไปถึงสวรรค์ แอนดรูว์ จะต้องก้าวข้ามผ่านอุปสรรคมากมายเพื่อที่จะไปถึงจุดหมายที่เขาตั้งใจไว้




โดยที่ตัวหนังมาใหม่นั้นจะมีสไตล์การเล่าเรื่องแบบ Coming of Ages ซึ่งนั่นคือตัวละครอย่างแอนดรูวส์จะได้เผชิญกับความยากลำบากในการฝึกฝนฝีมือของตัวเองเพื่อพัฒนาศักยภาพของเขาให้รุดหน้าขึ้นไปและทำให้เทอเรนซ์สามารถเลือกและมองเห็นความสามารถในตัวเขา ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ง่ายเลย แต่แทนที่ผู้กำกับอย่าง เดเมี่ยน ชาร์เซลลีย นั้นจะเล่ามันออกมาแบบเถรตรงตามสไตล์ของมัน เขากลับเลือกจะใส่เข้มข้น เร้าอารมณ์สุดระทึกใจด้วยการทำให้ตัวละครเทอเรนซ์เป็นครูสอนดนตรีที่มีความเป็นเฟอร์เฟคชั่นนิสในตัวเองจนล้นทะลัก



และคงจะต้องขอบคุณการแสดงของนักแสดงอย่าง เจเค ซิมมอนซ์ ที่เราเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าเขาจะต้องติดโผในสาขานักแสดงสมทบชายในช่วงงานประกาศรางวัลในต้นปีหน้าตามสถาบันต่างๆอย่างแน่นอน เรียกได้ว่าฉากเร้าอารมณ์จากการเคี่ยวกรำของตัวละครเทอเรนซ์ในการตีกลองนั้นกลายเป็นฉากที่ชวนลุ้นจนแทบจะไม่ติดเก้าอี้จนเราหลงลืมไปเลยว่านี่เรากำลังนั่งดูฉากฝึกความสามารถ หาใช่ฉากที่มีการสาดกระสุดกันอย่างบ้าคลั่งในฉากแอ็คชั่น



และสำหรับหนังเรื่องย่อละคร Whiplash นั้นยังตั้งคำถามถึงเรื่องการเป็นครูและลูกศิษย์ได้น่าสนใจ ว่าบางทีความหวังดีเกินไป นั้นอาจจะกลับกลายเป็นความกดดันที่ผลักดันให้เด็กคนหนึ่งเดินไปยังขอบเหว

และทางเลือกของพวกเขามีแค่กระโดดให้พ้นจากหน้าผาหรือถอยหลังกลับไป ซึ่งถ้าเด็กคนนั้นเลือกที่จะกระโดดไปแต่ไปไม่ถึงฝั่ง นั่นหมายความว่าโอกาสที่เขาจะร่วงลงไปในเหวก็มีสูงพอๆกัน มีอยู่ฉากหนึ่งที่เทอเรนซ์เดินเข้ามาในคลาสแล้วบอกเล่าเรื่องการจากไปของลูกศิษย์ตนว่าหลังจากที่เขาประสบความสำเร็จแต่ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้เขา จากโลกนี้ ไปก่อนเวลา ทำให้น้ำตาของเทอเรนซ์ก็ไหลนองเบ้าตา สะท้อนให้เห็นถึงสภาวะบางประการของตัวละคร

ซึ่งอันที่จริงสำหรับตัวโปรแกรมหนังนั้นจัดได้ว่ามีความบันเทิง เร้าอารมณ์ ด้วยองค์ประกอบศิลป์โดยเฉพาะดนตรีประกอบที่เรากล่าวได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่ามันช่วยทำให้อารมณ์ของคนดูพุ่งไปพร้อมๆกับกราฟความน่าสนใจของเรื่อง ฉากโซโล่กลองของตัวเอกเรียกได้ว่าลุ้นระทึกและสั่นสะท้านคนดูไปพร้อมๆกัน และแน่นอนว่าอรรถรสสูงสุดในการฟังก็คือการดูหนังเรื่องนี้ในโรงภาพยนตร์เท่านั้นครับ

@พริตตี้ปลาสลิด

ขอมอบให้ 4.5/5 คะแนน