วันพฤหัสบดีที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

วิจารณ์หนังใหม่ Hercules,รายละเอียดตัวละครเรื่อง Guardians of the Galaxy,รวมทั้งหนังเรื่อง The Maze Runner


วิจารณ์หนังใหม่ Hercules



หนังเรื่องนี้ได้กลายเป็นหนึ่งในหนังที่พลิกความคาดหมายสำหรับตัวเองไปมากพอสมควร ซึ่งเมื่อก่อนหน้าที่จะตัดสินใจเสียเงินเข้าไปดูหนัง หลายต่อหลายคนบอกกันมาว่าหนังไม่ค่อยจะสนุก เดินเรื่องน่าเบื่อ อืดอาดมาก เลยเตรียมใจและลองนั่งอ่านข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตประมาณหนึ่งและค้นพบว่าตัวผู้กำกับอย่างแบรด เรตเนอร์ ที่มีผลงานการกำกับ Rush Hour และ X-Men: Last Stand น่าจะมีมุมมองบางอย่างต่อตัวหนังพอสมควร

ซึ่งหากจะว่ากันไปแล้วเฮอร์คิวลิสในเวอร์ชั่นนี้ถูกดัดแปลงมาจากหนังสือการ์ตูนของสตีฟ มัวร์เรื่อง Hercules: The Thracian Wars ซึ่งแก่นเค้าโครงเรื่องในหนังสือการ์ตูนนั้นก็ตั้งคำถามถังวีรบุรุษที่กังขาในความสามารถและที่มาของตัวเอง



โดยตามที่ผู้คนส่วนใหญ่ได้รับรู้เรื่องราวของเฮอร์คิวลิสนั้น มักจะเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับวีรบุรุษคนนี้ว่า เขาเป็นลูกของเทพซุสและอัลเมนาที่เป็นมนุษย์ และด้วยความหึงหวงของเฮราผู้เป็นมเหสีเอกของเทพซุส นางจึงส่งงูลงมายังโลกเพื่อปลิดชีวิตเฮอร์คิวลิส แต่เขาก็สามารถปราบงูทั้งสองตัวได้ด้วยมือเปล่า เมื่อเติบโตขึ้นเฮอร์คิวลิสได้รับภารกิจ 12 ประการในการจัดการกับเหล่าอสูรกาย ไม่ว่าจะเป็น

1.สิงโตยักษ์
2.ไฮดรา 9 หัว
3.หมาป่าผู้ดุร้าย และอีกมากมาย 

แต่สำหรับตัวหนังในเวอร์ชั่นนี้เลือกที่จะเล่าตำนานที่ผู้คนส่วนมากรับรู้กันมาเป็นทุนเดิมไว้แค่เพียง 5 นาทีแรกของเรื่องพร้อมกับเริ่มตำนานบทใหม่ของเฮอร์คิวลิสในอีกมุมมองหนึ่ง

ซึ่งเฮอร์คิวลิสในเวอร์ชั่นปี 2014 ของแบรด เรตเนอร์นี้ ค่อนข้างที่จะสุ่มเสี่ยงว่าจะมีคนชอบหนังเรื่องนี้มากพอๆกับที่คนรุมเกลียดมัน ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว ก็คงจะโทษตัวหนังอย่างเดียว 100% เต็มคงไม่ได้เนื่องจากตัวหนังทำการประชาสัมพันธ์ให้คนทั่วไปเข้าใจผิดๆผ่านเทรลเลอร์ที่เน้นฉากการผจญภัยและการต่อสู้ของเฮอร์คิวลิส ผสมกับฉากประเภทตะโกนชื่อสมญานามของตัวเองเพื่อแสดงความแข็งแกร่ง เสียจนคนดูเข้าใจกันไปเองว่านี้เป็นหนังที่แสดงสภาวะความ “เป็นชาย” ออกมาเสียเต็มประตู





เมื่อสิ่งที่เราตั้งใจจะชมและไม่ได้ชมอะไรอย่างที่ตั้งใจไว้ก็ย่อมผิดหวังกันเป็นธรรมดา อันที่จริงเรื่องราวในหนังที่พูดถึงการที่เฮอร์คิวลิสผันตัวเองมาเป็นนักรบรับจ้าง ถือได้ว่ามีความน่าสนใจ ไม่เพียงเท่านั้นเขายังถูกตามหลอกหลอนจากอดีตอันมืดมน เนื่องจากเขาจดจำอะไรไม่ได้ในคืนที่ลูกเมียถูกสังหาร และตนเองก็ยังกังขาว่าโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นนั้นเป็นฝีมือของตัวเองหรือสุนัขสามหัวเซอร์บิรัส

โดยการที่เฮอร์คิวลิสและพรรคพวกนั้นได้เข้ามารับงานให้กับลอร์ดโคทิสที่เมืองเทรซในการช่วยฝึกปรือพลทหารให้ไปออกรบ และยุติสงครามกลางเมือง เหตุการณ์ดำเนินไปข้างหน้าอย่างมีลับลมคมใน และระหว่างที่ออกศึกสงครามตัวเฮอร์คิวลิสเองก็เริ่มเรียนรู้ความหวาดกลัวและอดีตอันปวดร้าวของเขา ด้วยการพิสูจน์ตัวตนว่าแท้ที่จริงแล้วเขาเป็นใคร





ซึ่งความน่าสนใจของเฮอร์คิวลิสในเวอร์ชั่นนี้ คือการได้หยิบเอาเทพปกรณัมมาตั้งคำถามย้อนกลับว่า ถ้าหากจริงๆแล้วเรื่องราวทั้งหมดของเฮอร์คิวลิสในการรับรู้ของพวกเรานั้นแท้ที่จริงมันเป็นแค่ “เศษเสี้ยว” ของความจริงล่ะ เรื่องภารกิจ 12 ประการของเขาอาจจะไม่ได้ดูตื่นตาตื่นใจและท้าทายขนาดนั้น อันที่จริงมันอาจจะเป็นแค่การปราบ “อธรรม” ที่มีมนุษย์ยืนอยู่เบื้องหลัง หาใช่สัตว์ประหลาดเหนือธรรมชาติอย่างที่คิดมา แต่ด้วย “เรื่องเล่า” แบบปากต่อปากและผันแปรจนกลายเป็นตำนาน โดยที่ผู้คนอีกมากมายพร้อมจะเชื่อและศรัทธาในเรื่องเล่านั้นจนยกให้เฮอร์คิวลิสกลายเป็นวีรบุรุษผู้เป็นความหวังของผองชนในที่สุด

แต่ว่าหนทางในท้ายที่สุดนั้นไม่ว่าบุคคลดังกล่าวนั้นจะเป็นใครก็ตาม เฮอร์คิวลิสก็ถูกตั้งคำถามโดยแอมเฟียราอุส(เอียน แม็คเชน) ถึงตัวตนที่แท้จริงของเขาว่าท้ายที่สุดแล้วเขา “เลือก” จะเป็นใคร แต่มีคนอีกมากมายที่พร้อมจะ “เชื่อมั่นและศรัทธา” ในตัวตนของเฮอร์คิวลิส ว่าเขาจะเป็นแค่เรื่องเล่าสืบต่อกันมาหรือจะผันตัวเองให้กลายเป็นตำนานที่เล่าขานกันต่อไป ท้ายที่สุดวีรบุรุษผู้นี้ก็ต้องตัดสินใจว่าเขาอยากจะเป็นแบบไหนกันแน่






โดยที่ Hercules ในเวอร์ชั่นดเวย์น จอห์นสันหรือเดอะ ร็อคได้มีประเด็นชวนขบคิดตลอดทั้งเรื่อง จริงอยู่มันอาจจะไม่ใช่หนังแอ็คชั่นผจญภัยอย่างที่หลายต่อหลายคนคาดหวังจะให้หนังเป็นเช่นนั้น แต่เมื่อเราลองตีความไปกับมัน ตัวหนังก็ไม่ได้เลวร้ายเกินกว่าที่คิด


ให้ 3.5/5 คะแนนครับ

@พริตตี้ปลาสลิด




Special Scoop - มาทำความรู้จักเหล่าวายร้ายในเรื่อง Guardians of the Galaxy



อาจจะดูเหมือนว่า Guardians of the Galaxy จะเป็นหนังที่เต็มไปด้วยเหล่าวายร้ายที่ไม่รู้มาจากไหนกันเยอะแยะ แต่ซึ่งก็พอจะเข้าใจได้ว่าจะให้ทีม GOTG หลายคนมาสู้กับวายร้ายตัวเดียวก็ดูท่าจะไม่ค่อยสมน้ำสมเนื้อกันสักเท่าไหร่ ทีมตัวร้ายเลยยกขุนพลกันมาแบบจัดเต็ม ว่าแต่ใครมีความสามารถอะไรกันบ้าง เราตามไปรู้จักพวกเขากันเลยดีกว่าครับ



โรแนน (รับบทโดย ลีเพซ) 

มาเริ่มที่ตัวแรกคือ โรแนนเป็นเอเลี่ยนสุดเหี้ยมโหดจากเผ่าครี เขามีเป้าหมายสำคัญในการทำสงครามล้างเผ่าพันธุ์กับชาวแซนดาร์ เขาได้ทำข้อตกลงกับธานอสผู้ชั่วร้ายในการนำวัตถุลึกลับกลับมาให้เขาแลกกับการทำลายล้างดาวแซนดาร์ นอกจากนี้เขายังต้องคอยดูแลลูกสาวบุญธรรมทั้งสองคนอย่างกาโมร่าและเนบิวล่า เขานี่แหละเป็นผู้ฝึกฝนให้หญิงสาวทั้งสองกลายเป็นเครื่องจักรสังหารสำคัญ




ยอนดู (นำแสดงโดย ไมเคิล รู๊คเกอร์) 

ตัวที่สอง คือมนุษย์ต่างดาวผู้มีสีผิวเป็นสีน้ำเงิน เขาเป็นจอมโจรอวกาศจากเผ่าเซนทัวรี่ เขามีศักดิ์เป็นหัวหน้ากลุ่มราวาเจอร์ส์ที่ออกไปปล้นสะดมทั่วกาแล็กซี่ อย่างไรก็ตามยอนดูเปรียบเสมือนเป็นพ่อที่เลี้ยงดูปีเตอร์ ควิลล์ขึ้นมา ทั้งที่ในเวอร์ชั่นหนังสือการ์ตูนนั้นสองตัวนี้ไม่มีความเกี่ยวพันใดๆกัน




เนบิวล่า (นำแสดงโดย คาเรน กิลแลน) 


ตามมาด้วยตัวที่สาม ลูกสาวบุญธรรมของธานาอสเช่นเดียวกับกาโมร่า ทั้งสองชิงดีชิงเด่นกันมาตลอดจนตัวเองบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้ทำให้เนบิวล่าต้องใช้ชิ้นส่วนจักรกลมาทดแทนอวัยวะ ด้วยชีวิตที่ต้องสู้ได้เปลี่ยนเนบิวล่ากลายเป็นมือสังหารสุดเหี้ยมโหดและมีทักษะการต่อสู้ที่ไม่เป็นสองรองใคร




โคราธ (นำแสดงโดย ไจมอน ฮอนชู) 

ตัวที่สี่นี้ทหารรับใช้ของโรแนน เขาเป็นนักล่าคนสำคัญประจำกาแล็กซี่ อุทิศตนให้กับการฆ่า เขาเป็นชนเผ่าเดียวกับครี เช่นเดียวกับโรแนน



เดอะ คอลเลคเตอร์ ซึ่งนำแสดงโดย 1.เบนิซิโอ เดล โทโร

และแทนเลีย ทิวาน หรือ เดอะ คอลเลคเตอร์ เขามาจากเผ่าพันธุ์ที่เก่าแก่และถูกลืมไปจากกาลเวลา ว่ากันว่าเขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอายุมากที่สุดในจักรวาล เขาคลั่งไคล้ในการเก็บสะสมสัตว์ต่างดาว, วัตถุโบราณ, และสิ่งมีชีวิตต่างๆในกาแล็กซี่ ด้วยบุคคลิกที่ยากจะเข้าใจ เดอะ คอลเลคเตอร์ ดำเนินธุรกิจนอกอวกาศด้วยชื่อที่เหมาะสมว่า “โนว์แวร์” เมื่อเขาได้พบกับปีเตอร์ ควิลล์และพรรคพวก เดอะ คอลเลคเตอร์ ได้ว่าจ้างให้กาโมร่านำ Orb มาให้เนื่องจากเขาต้องการเก็บ Infinity Stones ให้ครบ

ชื่อหนังภาษาไทย : รวมพันธุ์นักสู้พิทักษ์จักรวาล (Guardians of the Galaxy)
จัดทำโดย : MARVAL
วันที่หนังเข้าฉาย : 31 กรกฎาคม 2557

เนื้อเรื่องย่อหนัง



Guardians of the Galaxy 


รวมพันธุ์นักสู้พิทักษ์จักรวาล

โดยที่ภาพยนตร์สุดมันส์จากสตูดิโอของ มาร์เวล บอกเล่าการผจญภัยครั้งใหม่ของจักรวาลมาร์เวลที่มีตัวละครเดินเรื่องอย่าง ปีเตอร์ ควิลล์ นักผจญภัยจอมเจ้าเล่ห์ที่ถูกล่าค่าหัวจากนักล่าเงินรางวัล ซึ่งภายหลังจากที่ที่เขาได้ขโมยวัตถุลึกลับไปทำให้ โรแนน วายร้ายตัวฉกาจที่มีเป้าหมายในการครองจักรวาลนี้ ทำให้ปีเตอร์ต้องจำใจถูกบังคับให้เข้าร่วมการต่อสู้แบบไม่เต็มใจร่วมกับตัวประหลาดอีก 4 ตัวอันประกอบไปด้วย 

1.ร็อคเกต แรคคูนปากมอมจอมสาดกระสุน
2.กรูท ฮิวแมนนอยด์ที่มีรูปร่างเหมือนกับต้นไม้
3.กาโมร่า นับรบสาวตัวสีเขียวที่มีพลังลึกลับ
4.แดร๊กซ์ จอมโหด พวกเขาทั้ง 5 ต้องผนึกกำลังกันเพื่อปกป้องจักรวาลนี้ให้รอดพ้นจากอันตรายครั้งใหญ่

ตัวอย่างหนังใหม่เรื่อง Guardians of the Galaxy - การ์เดี้ยนส์ ออฟ เดอะ กาแล็กซี่ รวมพันธุ์นักสู้พิทักษ์จักรวาล กำหนดเข้าฉาย 31 กรกฎาคม


ตัวอย่างหนัง Guardians of the Galaxy




ญี่ปุ่นเอาจริง หลังประกาศกวาดล้างเว็บการ์ตูนเถื่อนทั้งหมด



โดยคนที่กำลังเสพการ์ตูนและอนิเมะแบบไม่มีลิขสิทธิ์อยู่ ตามเว็บแฟนซับหรือไม่ก็เว็บการ์ตูนอยู่คงร้องจ๊าก! เมื่อเห็นข่าวนี้ เพราะล่าสุดรัฐบาลญี่ปุ่นประกาศใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดเอาผิดกับเว็บไซต์ที่แจกการ์ตูนและอนิเมชั่นโดยไม่มีลิขสิทธิ์แล้ว โดยร่วมมือสำนักพิมพ์การ์ตูนและค่ายผลิตอนิเมชั่นชั้นนำของญี่ปุ่นทั้งหมด 15 บริษัทในการสืบหาข้อมูลเว็บไซต์ที่ปล่อยการ์ตูนผิดกฎหมาย ทั้งในญี่ปุ่นเองและทั่วโลก โดยตอนนี้ได้รายชื่อเว็บไซต์ที่ทำผิดแล้วกว่า 580 เว็บไซต์ ซึ่งส่วนมากนั้นเป็นเว็บไซต์ในประเทศจีน โดยรัฐบาลญี่ปุ่นจะเริ่มกวาดล้างเว็บไซต์เหล่านี้ ในวันที่ 1 สิงหาคม 2014 เป็นต้นไป


โดยมาตรการของรัฐบาลญี่ปุ่นครั้งนี้ ไม่ใช่มีแค่การกวาดล้างเว็บการ์ตูนเถื่อนเท่านั้น ยังได้เตรียมเปิดเว็บไซต์ดูการ์ตูนแบบถูกกฎหมายขึ้นมาแทนที่ด้วยในราคาที่ถูก เพื่อเอาใจคอการ์ตูนที่เคยโหลดและดูการ์ตูนเถื่อน ให้มาดูการ์ตูนแบบถูกลิขสิทธิ์แทน โดยที่จ่ายเงินไม่แพงเกินไป โดยจะมีการ์ตูนถูกต้องตามลิขสิทธิ์ทั้งหมดประมาณ 250 เรื่อง ทั้งเรื่องเก่าและเรื่องใหม่ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน ซึ่งราคาสำหรับดูการ์ตูนนั้นถูกมาก ไม่กี่ร้อยเยนเท่านั้น แต่ว่าคนไทยคงไม่ใช้บริการ เพราะคงภาษาญี่ปุ่นล้วน อย่างมากก็มีซับไตเติ้ลอังกฤษ




และสำหรับสาเหตุที่ญี่ปุ่นออกมาตรการขั้นเด็ดขาดกวาดล้างการ์ตูนเถื่อนครั้งนี้ ก็เพราะญี่ปุ่นขาดรายได้เพราะเว็บไซต์การ์ตูนเถื่อนเป็นเงินจำนวนมหาศาล โดยที่คิดเป็นมูลค่า 560 พันล้านเยนเลยทีเดียว เมื่อปี 2013 ที่ผ่านมา นี่ขนาดนับเฉพาะส่วนที่เสียไปจากเว็บไซต์เถื่อนในประเทศจีนเท่านั้นนะ ซึ่งทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นอาจจะเริ่มกวาดล้างในจีนก่อนเป็นที่แรก



จัดเต็มหลังจากที่โปสเตอร์มาใหม่ของหนังเรื่อง
 The Maze Runner ก่อนที่จะชมตัวอย่างใหม่ซับไทยพรุ่งนี้






หลังจากปล่อยมาให้ชมแบบจัดเต็มแล้วกับโปสเตอร์หลากหลายแบบจากภาพยนตร์ The Maze Runner - เมซ รันเนอร์ วงกตมฤตยู สร้างขึ้นจากนิยายขายดีของ “เจมส์ แดชเนอร์” ซึ่งเป็นเรื่องราวของ "โธมัส (โอ'บรีน) ที่ตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองติดอยู่ในเขาวงกตขนาดใหญ่กับกลุ่มเด็กผู้ชายคนอื่นๆ เขาจำได้เพียงความฝันประหลาดเกี่ยวกับองค์กรลับที่ชื่อ W.C.K.D. เป็นการที่นำเรื่องราวในอดีตกับปมปริศนาต่างๆ เพื่อนำมาปะติดปะต่อกันทำให้โธมัสเกิดความหวังว่าจะรู้ความจริงและหาทางหลบหนีออกไปได้ จากผลงานการกำกับของ เวส บอล The Maze Runner - เมซ รันเนอร์ วงกตมฤตยู 18 กันยายนนี้ ในโรงภาพยนตร์เท่านั้น




ตัวอย่าง The Maze Runner



วันอังคารที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

บทบาทหนังที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษสำหรับ ไอ้ขวัญ หนุ่มเจ้าทุ่งแห่งคลองแสนแสบจากเรื่อง แผลเก่า(ต่อจากเมื่อวาน)





เมคอัพ-คอสตูมในเรื่องนี้

          ถ้าสำหรับผมแล้วมันก็อาจจะคล้ายๆ กันในส่วนของ “เคน” กับ “ขวัญ” ในแง่ของวัยรุ่นชายสมัยก่อนยุคใกล้เคียงกัน ก็จะแต่งตัวเสื้อผ้าคล้ายๆ กัน แต่เรื่องนี้อาจจะแตกต่างจากเรื่องที่แล้วตรงที่ใช้โจงกระเบนมากขึ้นในการแต่งตัวของผม แล้วเป็นชาวนาก็มีการทำให้ตัวดำมากขึ้น ก็มีทั้งเมคอัพช่วยด้วย พยายามตากจริงเพิ่มเติมก่อนเปิดกล้อง 2-3 เดือนก็มีการตากแดดจริง 


          ซึ่งหลังจากที่ได้เล่นฟิตเนสก็จะไปนอนตากแดดริมสระว่ายน้ำ อาจจะมีการฉีดสเปรย์ให้มันดำง่ายขึ้น แล้วก็ป้องกันแสงยูวีต่างๆ มีการทำอย่างนั้น ก็จะมีพี่ขวดช่างแต่งหน้าก็จะบอกว่ามันจะช่วยให้ผิวเนียนยิ่งขึ้น สวยยิ่งขึ้น ถ้าเกิดเราผิวขาวแล้วมาทาดำมันก็จะดูด่างๆ แต่ถ้าเราผิวกลมกลืนมันจะทำให้ผิวสวยยิ่งขึ้น ช่วยๆ กันทั้งเมคอัพเอง ทั้งคอสตูมเองก็คอยช่วยตลอดเวลา


ประทับใจฉากไหนมากที่สุด

          ก็ถ้าพูดในส่วนตัวผมอย่างที่บอกไป ผมชอบฉากกับพ่อ ผมชอบฉากกับพี่อ๊อฟ ถ้าไม่นับฉากกับเรียมที่เป็นฉากเข้าพระนาง มันก็เป็นเรื่องปกติของหนังอยู่แล้วที่เป็นหนังเรื่องของพระนาง ถ้าเกิดนอกเหนือจากนั้นก็ชอบซีนพี่อ๊อฟครับกับพ่อ เรียกได้ว่าทุกๆ ซีนเลย ทั้งในเรื่องของบทที่มันเป็นบทที่สนุก แล้วก็เหมือนเป็นพ่อลูกที่น่ารักด้วย 

          อีกทั้งยังรวมถึงเบื้องหลังข้างนอกที่ตัวพี่อ๊อฟเองคอยสอนคอยแนะนำตลอดเวลา มันเหมือนเราได้ความรู้ทั้งในด้านของการทำงานและนอกการทำงานด้วย เค้าก็จะคอยสอนตลอดวลา


สำหรับการทำงานร่วมกับหม่อมน้อยอีกหนึ่งเรื่องเป็นยังไงบ้าง ได้ความรู้เพิ่มเติมมากขึ้นมั๊ย

          ก็ได้ครับ ได้เพิ่มอยู่แล้ว เราต่างก็ได้ความรู้เพิ่มเติมทุกๆ วันที่อยู่กับหม่อมอยู่แล้ว เพราะว่าเราอยู่กับท่านมาปีนี้ก็ปีที่ 6 แล้วครับ ก็จากเรื่องแรกสุดเลยที่เป็นนักแสดงที่เหมือนเดินผ่านกล้องเฉยๆ ใน “ชั่วฟ้าดินสลาย” ก็คือจะเดินผ่านกล้องเฉยๆ ไม่มีบท ใน “อุโมงค์ผาเมือง” ก็จะเริ่มมีบทขึ้นมาเป็นพี่ชายของมาริโอ้ ใน “จันดารา” ก็จะมีเพิ่มมากขึ้น 

         ซึ่งเรื่องนี้ก็อาจจะเรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่เพิ่มขึ้นมาอีกเยอะที่สุด มันก็เป็นความท้าทาย แล้วก็เป็นข้อสอบที่อาจารย์มอบให้ เหมือนเป็นข้อสอบยากขึ้นเรื่อยๆ ที่ถูกเสนอให้ทำ มันเป็นข้อสอบที่เค้าให้เราทำ ตอนแรกๆ ถามว่ากลัวมั้ย กลัวมาก ถึงตอนนี้ก็ยังกลัวอยู่ มันก็ไม่รู้สิ ในส่วนของผม 

          สิ่งที่ผมคิดพอทุกคนพูดถึงเรื่อง “แผลเก่า” ทุกคนอาจจะคาดหวังไประดับหนึ่งแล้ว และพอพูดอีกว่าหม่อมน้อยกำกับ ความคาดหวังมันก็ยิ่งคูณเข้าไปอีก เหมือนเป็นสิ่งที่เราต้องแบกไว้พอสมควรกับเรื่องนี้ ไม่ใช่ว่าเรื่องอื่นทำไม่เต็มที่ 

          แต่ก็เหมือนอย่างที่บอกไปว่าสิ่งที่เราแบกอยู่ข้างหลังมันหนักขึ้น เราก็ต้องแข็งแรงมากขึ้น เพื่อผ่านมันไปให้ได้ หม่อมก็จะสอนอยุ่ตลอดเวลา คอยให้ความรู้ คอยกำกับ ก็ยังใช้เทคนิคเดิมครับ คือการซ้อมที่บ้าน การเรียนรู้สิ่งต่างๆ ที่ต้องใช้ก่อนเปิดกล้องจริง เวลาถ่ายจริงก็แนะนำแนะแนวเล็กๆ น้อยๆ แล้วก็ปล่อยให้เป็นตัวละครมากที่สุด แต่ว่าทุกๆ วันทุกครั้งก็จะได้สิ่งใหม่ๆ จากหม่อมอยู่เสมอๆ ครับ



เรื่องนี้รวมนักแสดงคับคั่งมาก

          ใช่ครับ เยอะมาก ก็มีอย่าง เช่น “ใหม่ ดาวิกา” ทุกคนก็ได้เห็นอยู่แล้ว รวมถึง “ทีมเดอะสตาร์” หลายๆ คนที่มาร่วมสร้างสีสันในหนังเรื่องนี้ รวมถึง “พี่นก สินจัย”, “พี่อ๊อฟ พงษ์พัฒน์” ที่เป็นศิษย์เอกของหม่อม อย่างที่นกก็ไม่ได้ร่วมงานกับหม่อมมาสิบกว่าปีแล้วได้มาร่วมงานในครั้งนี้ 

          ก็เหมือนมันเป็นบุญของเราด้วยที่เราจะได้มาร่วมอยู่ในภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่มีบรรดาศิษย์ของหม่อมที่เป็นศิษย์เอกจริงๆ หลายๆ คนเข้ามาร่วมด้วย รวมถึง “พี่เจี๊ยบ ศักราช” ที่ก็เป็นสุดยอดอีกคนหนึ่งที่อยู่ในหนังของหม่อมหลายๆ เรื่อง รวมถึง “พี่ปอ ปานเลขา”, “พี่ต๊งเหน่ง รัดเกล้า” ก็อยู่ คือทุกคนล้วนมีฝีมือหมดเลยเก่งๆ ทั้งนั้น แล้วมารวมอยู่ในเรื่องๆ เดียว ทั้งในเรื่องขององค์ประกอบ 
    
          เมื่อตัวนักแสดงอย่างที่ได้พูดไป รวมถึงก่อนๆ หน้านี้ที่ได้พูดไป เรื่องบท เรื่องทุกๆ อย่างมันเข้ากัน ผมว่าเป็นหนังที่สมบูรณ์แบบเรื่องหนึ่งเลย



โลเกชั่นเรื่องนี้

          ผมว่าโลเกชั่นเรื่องนี้ส่วนใหญ่แล้วร้อยละ80 ผมอยู่สุพรรณบุรีนะ ทั้งในส่วนของนาขวัญเอง หรือบ้านเรียมเอง บ้านขวัญหรืออะไรก็แล้วแต่ส่วนใหญ่จะอยู่ที่สุพรรณบุรี ก็จะเป็นอยู่กับทุ่งนา อาจจะเข้าบางกอกบ้างแต่ว่าก็ไม่ได้เยอะเท่าที่สุพรรณ



ซึ่งทุ่งนาเปรียบเสมือนตัวละครในเรื่องด้วย

          อันที่จริงแล้วทุ่งนามันเป็นตัวแปรหลักสำคัญตัวแปรหนึ่งของเรื่องนี้ ด้วยการที่เราถ่ายทำกันแล้วระยะเวลาถ้าเกิดเอาจริงๆ ก็ประมาณ 5 เดือนมกราถึงพฤษภา แต่ถามว่าใช้ทุกวันมั้ยก็ไม่ได้ใช้ทุกวัน แต่ทำไมถึงต้องใช้ขนาดนี้ก็เพราะว่าตัวแปรหลักเลยคือนา มกรามันเป็นเหมือนการเริ่มทำนาที่เป็นการดำนา การไถนา การหว่านนา ก็เหมือนเราเตรียมนาให้พร้อมเพื่อปลูกต้นข้าว พอกุมภาเราเริ่มปลูก 
พอมีนาเริ่มเป็นต้นกล้า เมษาเริ่มโตเป็นต้นใหญ่ พอพฤษภาปุ๊บสีทองค่อยเกี่ยวคือมันเหมือนเป็นวัฏจักรกระบวนการ เป็นชีวิตของข้าวที่ดำเนินตามเวลา 

         
          และเหมือนกับดำเนินเรื่องไปพร้อมๆ กัน กาลเวลาของเรื่องนี้สามารถดูได้จากต้นข้าวเช่นเดียวกัน ที่จะค่อยๆ จากข้าวที่เปิดหัวมาโตเต็มที่แล้วก็ถูกเกี่ยวไป แล้วก็เริ่มการทำนาใหม่ ไถนา หว่านนาเริ่มใหม่เป็นกระบวนการ นี่ก็คือชีวิตของชาวนาแบบหนึ่งที่เป็นวิถีชีวิตของเค้าที่จะเป็นแบบนี้ทุกๆ ปี เป็นทุกๆ หน้าที่จบหน้านี้ปุ๊บ ก็จะเริ่มทำใหม่ 

          ระยะเวลาก็ประมาณสามครั้งต่อปี ก็คือจะทำเป็นอย่างนี้ มันก็เหมือนเราสามารถดูเวลาได้จากการทำนา การเจริญเติบโตของข้าวได้เช่นเดียวกัน



ซึ่งด้านหนึ่งของเรื่องนี้จะสะท้อนให้เห็นวิถีชีวิตประเพณีของคนไทย



          ผมคิดว่าเป็นอาชีพเป็นวิถีชีวิตของคนไทยเลยก็ว่าได้ที่อยู่กับตรงนี้มาไม่รู้กี่ร้อยกี่พันปีที่คนไทยทำตรงนี้มาเป็นเอกลักษณ์ของประเทศนี้ ที่สมัยนี้อาจจะเห็นได้น้อยลง แต่เราก็พร้อมที่จะรักษามันไว้และอยากจะให้คนรุ่นใหม่ๆ ได้เห็น มันเป็นหนังพีเรียดก็จริงแต่อย่างที่บอกว่ามีการปรับใหม่ให้ทันสมัยมากขึ้นเพื่อให้เข้าถึงวัยรุ่นสมัยนี้เช่นเดียวกัน และอย่างที่ผมคิดว่าขวัญเรียมก็เหมือนเป็นวัยรุ่นคู่หนึ่ง ในเวอร์ชั่นนี้ในเรื่องของอายุหม่อมอยากให้เด็กลงมาจากภาคของคุณเชิด 

          ผมอยากให้เด็กลงมาอีกก็เพื่อให้เหมือนกับหนังใหม่วัยรุ่นเรื่องหนึ่ง อาจจะเป็นวัยรุ่นพีเรียดที่เป็นความรักกุ๊กกิ๊กของชายหญิงคู่หนึ่งแล้วก็มีเพื่อน กลุ่มเพื่อนเหมือนเป็นหนังวัยรุ่นเรื่องหนึ่ง แล้วก็ได้เห็นวิถีชีวิต ได้เห็นวัฒนธรรมของคนไทยว่าถึงแม้ว่าเค้าจะเป็นวัยรุ่นนะ อายุ 18-19 เนี่ยเค้าก็ทำนาเหมือนกัน คือคนสมัยก่อนทำนา บางทีไอ้รอด (น้องชายเรียม) เนี่ยเด็ก 8 ขวบก็ทำนาเหมือนกัน 

          ซึ่งก็เหมือนเป็นวิถีชีวิตของเค้าที่อยากจะให้คนรุ่นใหม่ได้เห็น รวมถึงการขี่ควาย การเลี้ยงควาย รวมถึงพายเรือ การแจวเรือก็ได้เห็นกัน ไม่ใช่แค่บางคนพูดถึงว่า อย่างผมเองก่อนถ่ายทำเดี๋ยวต้องพายเรือ อ้อ...พายเรือก็นั่งพายทุกคนคิดอย่างนี้หมด แต่จริงๆ แล้วสมัยก่อนเนี่ย ที่คนสมัยนี้ไม่ได้เห็นแล้วคือการยืนพาย ของเมืองไทยก็มีเหมือนกันการยืนพายก็คือการแจวเรือ จริงๆ การแจวเรือมันคือการยืนพายคือทุกคนคิดว่าแจวเรือคืนั่งพายออย่างนี้ จริงๆไม่ใช่ นี่คือพายเรือ การแจวเรือคือยืน มันจะมีวิธีการของเค้าซึ่งผมก็ได้เรียนอยู่สองวันก่อนถ่ายทำ ก็คือติวเข้มเลยเพื่อถ่ายฉากนั้น ซึ่งต้องพายให้ได้และพายให้ตรง ก็ยากพอสมควร 

         แต่แล้วผมก็ต้องทำให้ได้ แล้วก็จะได้เห็นวิถีชีวิตของคนแบบนี้จริงๆ เพราะขวัญเหมือนเป็นลูกทุ่งบางกะปิ เป็นเจ้าน้ำ คนที่อยู่ริมน้ำต้องเป็นหมด ก็คือทำนา จับปลา พายเรือ ยกยอ เหวี่ยงแห นี่คือเรื่องปกติมาก มันก็ต้องทำให้ได้หมดเลย มันเหมือนเราไปส่องวิถีชีวิตของคนสมัยก่อนคนหนึ่งถ่ายทอดออกมาให้คนปัจจุบันได้เห็น ก็คือต้องเรียนรู้ทุกอย่างให้เป็นให้หมด อย่างน้อยก็ต้องเป็นครับ 

         แต่บางอย่างก็อาจจะดีหน่อยเพราะ อย่างเช่นขี่ควายไม่ใช่ง่ายหรอก แต่เป็นการเข้ากับเราได้ง่ายกว่า แจวเรืออาจจะยากหน่อย แต่ถามว่าทำได้มั๊ย ต้องทำให้ได้ ถ่ายทำไปแล้วก็พอทำได้ครับ



รู้สึกอย่างไรบ้างที่ได้เรียนรู้ทักษะทางด้านนี้

          ผมคิดว่าเป็นกำไรอีกอย่างหนึ่งนะครับที่เราได้เรียนรู้ตรงนี้ ทั้งในเรื่องของการเกี่ยวข้าว บางทีเราก็ไม่รู้หรอกนะเรื่องเกี่ยวข้าวเนี่ย ถามว่ารู้มั้ยว่าการทำนาคืออะไร ก็คือการไถนาเสร็จแล้วก็หว่านนา แล้วก็รอข้าวขึ้นแล้วก็เกี่ยวเนี่ยคือการทำนา 

          แต่อันที่จริงแล้ววิธีการทำมันเยอะกว่านั้นเยอะ บางทีพูดมาสี่ขั้นตอนจริงๆ อาจจะมีซักสิบ ไถนี่เสร็จปุ๊บต้องเกลี่ยหน้าดินอีก ต้องทำคูคลองอีก หว่านเสร็จปุ๊บมันมีดำนา ก็ต้องแกะต้นกล้าไปทำเป็นแถว บางทีหว่านเสร็จปุ๊บก็รอโตเลย รอเพาะ รอเกี่ยว เกี่ยวเสร็จปุ๊บต้องฟาดข้าวให้เม็ดออกมา เม็ดออกมาต้องเก็บไปฝัดเพื่อให้พวกผงพวกเศษมันออกไป ได้ข้าวปุ๊บไปสีอีก คือขั้นตอนเนี่ยมหาศาล 

          เพียงทำแค่นี้ก็เหมือนเราได้เรียนรู้ตรงนี้ได้เหมือนกัน ได้กำไร ได้ขี่ควายที่แบบคงไม่มีโอกาสได้ขี่ในชีวิตประจำวัน แล้วก็การพายเรือแล้วก็เหมือนได้เรียนพายเรือไปด้วย บางทีอาจจะเอาไปใช้ในอนาคต พายเรือแคนูเล่นกับเพื่อน ก็สามารถพายได้ หลักการพายเรือก็คงคล้ายๆ กัน ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่เราไม่เคยได้เรียนรู้ และยากที่จะมีโอกาสได้เรียนรู้ ก็ได้เรียนรู้ครับ



ผู้ชมจะได้อะไรจากเรื่องนี้บ้าง

          สิ่งที่แน่นอนอย่างแรกเลย ในแง่ของคำว่าภาพยนตร์ต้องได้ความสนุกสนานได้ความบันเทิงกลับไป แต่ว่าในส่วนที่มีความหมายแฝงอยู่ในนั้นก็แล้วแต่นะว่าคนจะมองยังไง แต่ในสำหรับตัวผม ผมได้เรื่องของความรัก อย่างแรกเลยคือความรักเมื่อคนพูดถึงขวัญเรียมอย่างน้อยแน่นอนคนต้องพูดถึงความรัก ความรักของขวัญเรียมเองก็แล้วแต่ที่มนุษย์คู่หนึ่งจะรักกันได้ถึงขนาดนี้ 

          ผมคิดไว้ว่านี่แหละมันคือคำว่ารักแท้จริงๆ ซึ่งสมัยนี้อาจจะเห็นได้น้อยลงหรืออะไรก็แล้วแต่ มันก็อาจเป็นตัวจุดประกายให้คำว่ารักแท้กลับมามากขึ้นก็เป็นได้จากการที่คนได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้ รวมถึงความรักของลูกกับพ่อที่ขาดแม่ แต่ถามว่าขาดแม่แล้วมีปัญหาอะไรเข้ามาในชีวิตมั้ย ก็ไม่นะ บางคนบอกว่าที่เกเรทุกวันนี้ก็เพราะไม่มีแม่ มีพ่ออยู่คนเดียว บางคนบอกไม่มีพ่อก็มีแม่อยู่คนเดียว บางคนบอกแบบนี้เพราะว่าเป็นแบบนี้ ถามว่ามันมีส่วนมั้ย มันก็มีส่วนเหมือนกัน 

          แต่ถ้าถามว่าเราเลือกที่จะเรียนรู้หรือเลือกที่จะหาอย่างอื่นมาทดแทนได้มั้ย หรือบางทีอาจจะเป็นอยู่ที่ตัวของผู้ปกครองเองด้วย ตัวผู้ใหญ่เขียนเนี่ยสามารถมอบความรักทุกๆ อย่างให้แก่ขวัญได้ในทุกๆ ทาง ทำให้ขวัญออกมาเป็นมนุษย์ได้สมบูรณ์ในระดัหนึ่ง มันก็สอนทั้งในแง่ของตัวเด็กเองที่เป็นตัวขวัญและตัวผู้ปกครองเองด้วยได้เช่นกัน รวมถึงความรักของคนกับสัตว์ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกัน 

          ซึ่งถ้าจะเปรียบเทียบสมัยนี้ก็อาจจะเป็นคนกับหมาที่เป็นสัตว์เลี้ยงในบ้าน ที่รักกันมาก ไอ้นี่ก็เช่นเดียวกันอาจเป็นคนสมัยก่อนอาจจะไม่ได้เลี้ยงหมา เลี้ยงควาย ซึ่งถามว่าควายเป็นสัตว์เลี้ยงมั๊ย เป็น แต่ไม่ใช่แค่สัตว์เลี้ยงธรรมดา เป็นทั้งสัตว์เลี้ยง ใช้เดินทาง ใช้ในการทำงาน ใช้เป็นเพื่อนเล่นทุกอย่างอยู่ในตัวๆ เดียว ซึ่งมันก็เป็นอีกความรักหนึ่งที่น่ารักแล้วก็สวยงามมาก

          รวมไปถึงสิ่งที่เห็นอีกอันหนึ่งก็คือความรักของเพื่อน กลุ่มเพื่อนที่แต่ละคนก็มีนิสัยแตกต่างกันออกไป บางคนก็อาจจะมีเลวบ้างดีบ้าง อยู่ที่แต่ละคน และก็อยู่ที่คนจะมองแต่ละคนที่แตกต่างกันออกไป ถามว่ามันมีเกิดเรื่องทะเลาะกันในกลุ่มเพื่อนมั้ย 

          ซึ่งในเรื่องนี้ก็มีเหมือนกัน มันก็แค่เป็นการทะเลาะกันปกติของเพื่อนผู้ชายที่ต้องมีการทะเลาะเบาะแว้งกันเป็นเรื่องปกติ แต่ถามว่าเมื่อทะเลาะกันแล้วเราสามารถกลับมาคืนดีกัน กลับมาคุยกัน กลับมาแชร์ความคิดกัน 

          ผมเชื่อว่าทุกคนต่างก็มีความคิดที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนกัน บางทีคนในครอบครัวเดียวกัน หรือว่าใครก็แล้วแต่ทุกคนมีความคิดเป็นของตัวเองอยู่แล้วแหละ 

          แต่เราจะเอาความคิดของตัวเองนั้นเป็นบรรทัดฐานอย่างเดียวมันก็ไม่ใช่ เราก็ต้องรับความคิดของคนอื่นเข้ามา เพื่อรับความคิดของเค้าแล้วก็มาปรับใช้ แล้วเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองและสังคมได้ยังไงบ้าง มันก็อยู่ที่ความคิดและมุมมองของคนหลายๆ คน เราจะได้เห็นสิ่งตรงนี้จากหนัง
เรื่องนี้

นิยามของ “แผลเก่า”

          ถ้าในแง่คิดของผมเอง พอพูดถึง “แผลเก่า” ปุ๊บ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าแผลเก่า มันก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่ออดีตและยังส่งผลถึงปัจจุบันอยู่ ซึ่งสิ่งนั้นสำหรับตัวขวัญเอง ถ้าเกิดเปิดเรื่องมาปุ๊บ 

          ซึ่งถ้าถามว่ามันมีเรื่องขึ้น ผมว่ายังไม่มีนะ แต่พอมันมีเนี่ย มันก็เริ่มมีขึ้นหลายๆ อัน อาจจะบางแผลบ้าง แผลเล็กบ้างแผลใหญ่บ้าง แต่แผลใหญ่ที่สุดน่าจะเป็นแผลที่เราสร้างขึ้นมาเองมากกว่า


ท่านสามารถติดตามชมข่าว หนัง โปรแกรมหนัง เช็ครอบหนัง หรือดูหนังใหม่ เพิ่มเติมได้ที่


วันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

บทบาทหนังที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษสำหรับ ไอ้ขวัญ หนุ่มเจ้าทุ่งแห่งคลองแสนแสบจากเรื่อง แผลเก่า




บทบาท-คาแร็คเตอร์

     ตัวอย่างหนังใหม่ : กับคาแร็คเตอร์สำหรับ “ไอ้ขวัญ” ในเวอร์ชั่นนี้ก็จะเหมือนเป็นผู้ชายนักเลงๆ แล้วก็เป็นลูกผู้ชายจริงๆ ลูกผู้ชายตัวจริงไม่ได้รังแกคนทั่วไปที่ไม่มีทางสู้ แต่ว่าจะคอยช่วยเหลือคนที่โดนรังแก อย่างที่คุยกับหม่อม หม่อมอยากจะได้คนที่อารมณ์ค่อนข้างเหวี่ยงไปมาตลอดเวลา เปลี่ยนค่อนข้างเยอะ ถ้าดีใจก็ดีใจสุด ถ้าเสียใจก็เสียใจสุด โกรธก็โกรธสุด แต่ละอย่างมันจะเปลี่ยนเร็วมาก อารมณ์จะเปลี่ยนเร็วมาก 

    ซึ่งในแต่ละเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น เหมือนในซีนๆ หนึ่งก็ไม่ได้เหมือนว่ามีแค่อารมณ์เดียว บางทีหัวซีนอาจจะเป็นดีใจ ท้ายซีนอาจจะเป็นเสียใจ กลางซีนอาจจะโกรธ คือจะเปลี่ยนไปตลอดเวลา แล้วก็จะเป็นคนที่ไม่ยอมใครเลย แต่จะยอมอยู่สองคนคือพ่อ (ผู้ใหญ่เขียน) กับเรียม จริงๆ แล้วก็เหมือนเป็นผู้ชายปกติทั่วไป ผู้ชายสมัยก่อนที่แมนๆ เป็นนักเลงหน่อย 

    แต่พอในด้านของความรักนั้นก็จะต้องแพ้เรียม แต่ว่าเป็นผู้ชายที่ไม่เจ้าชู้ เหมือนรักเรียมมาตั้งแต่เด็กแล้ว เห็นมาตั้งแต่เด็ก คือรักมาตั้งแต่ตอนนั้น อาจจะเขิน ไม่กล้าบอก เปิดเรื่องมาก็เหมือนเราจีบเค้าไปเรื่อยๆ จนเหมือนได้คุยกันครับ


เรื่องราวของ “แผลเก่า"

      นี่ก็จะเป็นเรื่องราวความรักของขวัญกับเรียม คือขวัญจะเห็นเรียมมาตั้งแต่เด็ก หลงรักผู้หญิงคนนี้มานาน แล้วก็รักผู้หญิงคนนี้อยู่คนเดียว ไม่เคยมีแฟนมาก่อน รักคนนี้คนเดียวก็พยายามตามจีบตามคุยแต่เค้าก็ไม่คุยด้วย ด้วยเหตุที่ว่าเหมือนบ้านเรากับบ้านเค้าไม่ถูกกันเรื่องที่นา ก็จะมีคลองมากั้นตรงกลางฝั่งนึงก็ของเรา ฝั่งนึงก็ของเค้า คนสองฝั่ง ไม่ค่อยได้เจอกัน 

     เซึ่งราก็คอยแอบมอง คอยดูเค้าตลอดเวลา พอมาถึงวันหนึ่งอายุเข้า 18-19 เป็นวัยหนุ่มคึกคะนอง มันก็เกิดความท้าทายความกล้าขึ้นมาที่จะแบบเราอยากคุย อยากเจอ แล้วก็จีบกันไปจีบกันมาจนรักกัน แต่ก็โดนผู้ใหญ่ของทั้งสองครอบครัวห้ามให้รักกัน ห้ามยุ่งเกี่ยวกัน 

     แต่ลูกชายกับลูกสาวดันมารักกันจนได้เกิดเรื่องบานปลายกลายเป็นโศกนาฏกรรมขึ้นมา


เวอร์ชั่นนี้แตกต่างจากเวอร์ชั่นก่อนๆ ยังไงบ้าง

      หนังมีความแตกต่างกันทุกอย่างนะครับ ผมว่ามันเป็นภาพยนตร์เรื่องใหม่มากกว่า คือมันมาจากนวนิยายเรื่องเดียวกันก็จริง แต่มันก็เป็นการตีความใหม่ของผู้กำกับทั้งเรื่องราวและมีการเสริมเติมแต่งหลายๆ ตัวละครเข้ามาเป็นสีสัน รวมถึงให้ร่วมสมัยมากขึ้น 

     ซึ่ง หนังของคุณเชิดจะเน้นเรื่องความดราม่าหนักมาก เวอร์ชั่นนี้ก็จะมีดราม่าหนักเหมือนกัน แต่ก็จะมีคอเมดี้เข้ามาเสริมมาแทรกให้ความแรงของเรื่องมันมีทั้งเศร้าทั้งตลกหลากหลายอารมณ์ แต่ถ้าถามว่าจุดเด่นของหนังเรื่องนี้ ผมว่าก็น่าจะเป็นการเอานิยายอมตะเรื่องหนึ่งของไทยสมัยก่อนที่เขียนเมื่อ 70-80 ปีที่แล้วมาทำในยุคสมัยนี้ แล้วก็ตีความใหม่โดยใส่ความเป็นปัจจุบันเข้าไปได้อย่างผมว่าผสมผสานกันอย่างลงตัวพอสมควร เป็นหนังพีเรียดที่มีการนำลูกเล่นสมัยใหม่เข้าไปใส่เพื่อให้มันตรงกับยุคสมัยนี้ รวมถึงการถ่ายทำเทคนิคต่างๆ ก็เปลี่ยนไป มันก็ทำให้หนังยิ่งน่าสนใจ 

      และยังรวมถึงหนังหม่อมทุกคนก็ทราบอยู่แล้วว่าต้องภาพสวยงาม แล้วก็กินใจได้ในระดับหนึ่งแน่นอน อย่างเนื้อเรื่องที่ทุกคนรู้กันอยู่แล้วว่าเป็นเรื่องโศกนาฏกรรมความรักของชายหญิงคู่หนึ่งที่รักกันมาก คุณก็จะได้เห็นในหนัง เรื่องนี้เช่นเดียวกัน ผมว่าได้ทุกๆ รสในเรื่องของความรัก ไม่ใช่แค่รักของขวัญเรียม แต่ยังมีรักของขวัญกับพ่อ รักของขวัญกับเรียว ขวัญกับเพื่อน 

      หรือแม้แต่ กระทั่งเรียมกับครอบครัวเค้า แม้กระทั่งตัวละครอื่นๆ ที่เชื่อมโยงกัน ก็จะได้เรื่องของความรัก และก็มีเรื่องของความเศร้าสูญเสียที่ตามมา เรื่องของคอเมดี้อย่างที่ผมบอก เรื่องของแอ็คชั่นนิดๆ หน่อยๆ ให้ชมเหมือนกัน คือมันเป็นหนังที่รวมทุกอย่างยู่ด้วยกัน 

      สำหรับผม ผมว่าผสมผสานได้ตามสไตล์หม่อมน้อย แต่แฝงด้วยความเป็นโมเดิร์นเข้าไป ผมว่าอาจจะมากที่สุดเรื่องหนึ่งของหม่อมเลยก็ว่าได้





ถือเป็นเป็นการแสดงที่หนักที่สุดในชีวิต

       ผมคิดว่า ก็น่าจะหนักที่สุดในชีวิตที่เคยแสดงมาแล้วครับ จากที่เป็น “เคน” (ใน “จันดารา”) ที่หนักที่สุดในชีวิต พอมาเป็น“ขวัญ” นี่จะยากกว่าเยอะครับ คือโดยลุคภายนอกคล้ายๆ กันคือเป็นชายหนุ่มวัยรุ่นโบราณเหมือนกัน แต่เคนอาจจะทำงานสบายกว่านะ อยู่ในบ้านรวยหลังใหญ่ที่เลี้ยงดูค่อนข้างดี 

       แต่สำหรับขวัญจะอยู่ในทุ่งบางกะปิที่ไม่มีใครเลย อยู่กับพ่อสองคน ดูเหมือนมันน่าจะเหงานะแต่ด้วยความที่สนิทสนมกันมาก พ่อเลี้ยงดูเราดีมากเหมือนไม่ได้ขาดอะไรไปเลย เช้าเย็นก็ทำนา 

       แต่แล้วแล้วก็มีอีกตัวหนึ่งคือเป็นเพื่อนสนิทของเราเลยคือ “ไอ้เรียว” คือควายคู่ใจเรา จะอยู่ด้วยกันตลอดเวลา เราจะเหมือนพี่น้องกัน แล้วเราก็จะมีเพื่อนสนิทมีสมุนอีก 4 คนก็คือ
 
       1.แฉ่ง 
       2.เยื้อน
       3.สมิง
       4.เปีย

       ซึ่งเป็นคนที่คอยช่วยเหลือเรา ก็เป็นความรักของเพื่อนกับพ่อ มันก็ทำให้เติมเต็มตัวละครให้เหมือนไม่ขาดอะไรไปเลย ส่วนในเรื่องของอารมณ์ความรู้สึกต่างๆ นี่จะต่างกันเยอะด้วยอะไรหลายๆ อย่างและขวัญจะเป็นคนที่อารมณ์ค่อนข้างจะสุดโต่งอะไรอย่างนี้ครับ 

       ด้วยเหตุนี้มันจะมีความซีเรียสเข้ามาด้วยในเรื่องของผู้หญิง เรื่องของความรัก มีโศกนาฏกรรมเกิดขึ้น มีการทำร้ายร่างกายกัน มีการฆ่าแกงกัน มันก็เป็นเรื่องราวของวัยรุ่นผู้ชายที่โตขึ้นมาอีกระดับหนึ่งมีเรื่องราววุ่นๆ เกิดขึ้นมากมาย เนื่องมาจากความบาดหมางระหว่างคนในหมู่บ้านเดียวกัน คนสองฝั่งคลอง โดยรวมก็เป็นการแสดงที่หนักที่สุดกว่าเรื่องอื่นๆ ที่เคยเล่นมาครับ


ต้องมีการปรับลุคภายนอกด้วย

       ใช่ครับ ก็อาจจะดูว่าตัวใหญ่ขึ้นหน่อย เพราะหม่อมอยากให้ตัวใหญ่กว่าเดิม มีการฟิตเนสเพิ่มมากขึ้น ตอนเคน กระทิงทองน้ำหนักประมาณ 69 กิโล ตอนเล่นเป็นขวัญนี่แตะ 75 กิโล ตัวจะใหญ่กว่าเคน สีผิวก็จะดำขึ้น สีผิวของขวัญก็เป็นชายไทยสมัยก่อน ก็จะทำนาอยู่กับแดด ตากแดดเลี้ยงควาย สีผิวก็เป็นไปตามนั้น ก็คือจะดำขึ้นตามสภาพของแดด


ก่อนการถ่ายทำต้องไปซ้อมอะไรหลายอย่างที่สุพรรณบุรีด้วย

       พวกเราต้องไปเรียนทำนา การหว่าน การดำ การไถ่นาด้วยควาย การปลูกต้นกล้า ย้ายต้นกล้า รวมไปถึงการขี่ควายที่เราจะต้องอยู่กับมันตลอด ไปซ้อมกับไอ้เรียวตัวจริงเลย การขี่มัน บังคับมัน พามันไปอาบน้ำ พาไปดื่มน้ำ พามันไปกินอาหารทานหญ้า รู้วิถีชีวิตของชาวนาเลย 

       ในส่วนตัวผมชอบขี่ควายมาก สนุกมาก ชอบจริงๆ เราไปฝึกอยู่กับมันประมาณ 3-4 เดือนก่อนเปิดกล้อง ก่อนซ้อมอย่างอื่นก็ไปขี่ควายเลย ไปอยู่ที่บ้านควาย บางทีก็อาทิตย์ละสองวัน ก็ไปอยู่กับควายตัวนี้ที่ชื่อไอ้เสาร์ ทุกครั้งที่ไปก็ตัวนี้ตัวเดียว ฝึกให้คุ้นชินเลย 
      
       แต่ว่าทุกครั้งที่ไปตอนแรกๆ ก็จะไปคุยกับมันก่อน ลูบหัวมัน พามันออกไปเดินเล่น ทำความคุ้นเคยเรากับมันก่อน ไปขี่ อาบน้ำ หลังๆ มาก็เริ่มพามันไปไถ่นา ไปดำนา ไปด้วยทุกอย่างเลย คือพามันไปด้วยหมดเลย เหมือนเราใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันให้มันคุ้นชิน แล้วเราก็ถามพี่เค้าว่ามันชอบกินอะไร ก็จะเอาไปฝากมัน มันชอบกินกล้วยน้ำว้า ก็จะพยายามเอากล้วยไปเป็นของที่ทำให้สนิทกัน ของกำนัลให้มันหน่อย




เข้าฉากครั้งแรกกับมันเป็นยังไงบ้าง

        ผมสนุกครับ และไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเลย ไม่มีอะไรที่ผิดพลาด เพราะว่าอย่างที่บอกคือเราไปอยู่กับมันมานานหลายเดือนแล้ว ทำให้ความคุ้นชินของเรากับมันก็เยอะ 

        ทั้งยังรวมถึงมันเป็นควายที่ถูกฝึกมาอย่างดี แล้วก็เคยผ่านผลงานทางภาพยนตร์, โฆษณามาแล้วด้วยเหมือนกัน ไอ้เสาร์เคยผ่านมาหมดแล้ว เผลอๆ อาจจะประสบการณ์มากกว่าผมอีก เพราะมันเล่นมาหลายเรื่องแล้ว

มีซ้อมคิวแอ็คชั่นด้วย

        ใช่ครับ ก็สนุกนะครับ ได้มีการเรียนคิวกระบองเพิ่มขึ้น ก็ฝึกซ้อมอยู่นานพอสมควร คิวกระบองนี่จะเป็นคิวอันหลังๆ ที่หม่อมเพิ่มเข้ามา หม่อมอยากได้แบบนี้ก็คิดกับพี่พันนาแล้วก็มีผู้ช่วยพี่พันนาคอยดูให้ ไปซ้อมที่บ้านพี่พันนาอาทิตย์ละหนึ่งวัน ประมาณซัก 4-5 เดือนก่อนถ่าย เพื่อให้มันคล่อง 

        เหตุเพราะว่ากระบองค่อนข้างยาก มันเป็นไม้จริงๆ ไม่ใช่กระบองหรอก เพราะว่าเราเป็นแบบชาวบ้าน ถ้าดูในหนังจริงๆ ก็จะเป็นไม้ไผ่ เป็นต้นไผ่แล้วก็ก้านไผ่ยาวๆ แล้วก็เอามาใช้ต่อสู่เป็นแบบศิลปะแม่ไม้ของไทย


กดดันหรือหนักใจมากน้อยแค่ไหนกับการแสดงบทนำเต็มตัวครั้งแรก

        ครับ กดดันเยอะมาก เพราะจริงๆ แล้วพอพูดถึงเรื่อง “แผลเก่า” มันก็หนีไม่พ้นเรื่องของดราม่าโศกนาฏกรรม เรื่องของความรัก บางทีมันก็เป็นของคู่กันกับแผลเก่า ก็ต้องซ้อมต้องฝึกต้องเรียนรู้พอสมควร เคยพูดว่าตอนที่เล่น “จันดารา” เป็น “เคนกระทิงทอง” เป็นเรื่องที่หนักที่สุดในชีวิตตั้งแต่เคยเล่นมา 

        แต่ในตอนนี้ก็คงต้องพูดอีกครั้งหนึ่งว่า เรื่อง “แผลเก่า” นี้เป็นเรื่องที่หนักที่สุดจริงๆ หนักทุกๆ ด้านเลย ตั้งแต่อย่างที่บอกเลยก็มีทั้งขี่ควายทำนาด้วย เพราะว่าเราก็เกิดในเมืองกรุง แล้วต้องไปเรียนรู้ของชาวบ้านจริงๆ และยิ่งไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดา เป็นชาวบ้านสมัยก่อนด้วยมันก็ต้องเรียนรู้เพิ่มเติมมากขึ้น รวมถึงขี่ควายด้วย แล้วก็ร้องเพลงเต้นกำรำเคียว แล้วก็มีฉากบู๊ด้วย รวมถึงฉากดราม่าก็มี หลายๆ อย่างผสมกันมันก็หนักมาก 

        พอผมได้อ่านบทมา คนดูก็จะคาดหวังในความเป็นดราม่า แต่ว่าพอเราเล่นเราก็พยายามไม่สนใจมันให้ได้มากที่สุด ไม่ได้คิดถึงมันว่ามันจะเป็นยังไง ถามว่าเครียดมั้ย ก็เครียด เครียดมากพอสมควร แต่หม่อมก็จะบอกเสมอว่าปล่อยมันไปในเรื่องของผลลัพธ์ที่ออกมาว่าคนดูจะได้ความรู้สึกยังไง ไม่ใช่เรากำหนดว่าเราต้องเล่นให้เศร้าหรืออะไรก็แล้วแต่ เราก็พยายามปล่อยไป แล้วเล่นออกมาตามที่เราเข้าใจ แล้วก็ทำเต็มที่ที่สุดครับ


ร่วมงานกับ “ใหม่ ดาวิกา” เป็นครั้งแรก

         ก็ดีครับเพราะว่า ตั้งแต่ตอนซ้อม ตอนเวิร์คช็อปก็มีการเจอกันก่อน มีการพูดคุย มีการซ้อมกันที่บ้านหม่อมก่อน มันก็ทำให้เราเหมือนสนิทกันมากขึ้น มาเข้าฉากมันก็ง่ายกันมากขึ้น จากตอนแรกที่ไม่รู้จักกันเลย เรียกได้ว่าไม่เคยเจอเลยดีกว่า ผมไม่เคยเจอตัวจริง 

         ยิ่งพอได้รู้ว่าจะต้องได้มาเล่นด้วยกันก็รู้สึกเครียด กดดันเหมือนกัน เพราะเค้าก็นางเอกพันล้าน เราก็เล่นหนังมาไม่กี่เรื่องเอง เราก็เหมือนเครียดๆ กลัวๆ กล้าๆ แต่พอเจอที่บ้านหม่อม ได้ซ้อมได้อะไรกัน มันก็ดี สนุกขึ้น พอเข้าฉากมันก็ช่วยได้มากขึ้น ทำให้เราสนิทกันมากขึ้น 

         และในเวลาเรามาเข้าฉากกุ๊กกิ๊ก เข้าฉากจีบกันก็ทำให้ดีขึ้น และเพิ่งมารู้ตอนซ้อมที่บ้าน หม่อมว่าเป็นลูกครึ่งไทย-เบลเยี่ยมเหมือนกัน แล้วชื่อก็คล้ายกัน ความหมายเดียวกันอีก “นิว กับ ใหม่” มันก็ตลกดี แปลกดี


เข้าฉากด้วยกันครั้งแรกสุดเลยเป็นยังไง

         ในครั้งแรกสุดเลย เรื่องฉากอะไรจำไม่ได้แล้ว ก็มีเขินๆ บ้าง อาจไม่เชิงตะกุกตะกัก แต่ว่าเขินๆ อะไรอย่างนี้ครับ แต่ว่าเรื่องการซ้อมมันช่วยได้เยอะมาก ถ้าตอนแรกไม่เคยซ้อมเลย ไม่รู้จักกันเลย ไม่เคยเจอแล้วมาเข้าด้วยกัน มันคงแบบตะกุกตะกักจริงๆ 

         แต่ว่านี่มันเป็นการเขินอายกันในตอนแรกๆเท่านั้น มากกว่า แต่พอหลังๆ มันก็คุ้นขินกันมากขึ้น มันก็ปล่อยไหล สบายมากขึ้น การซ้อมมีส่วนช่วยมากๆ เลยครับ อย่างน้อยเนี่ยที่เห็นชัดๆ เลย จากคนไม่รู้จักกันก็มารู้จักกันก่อนที่จะได้เล่น นี่คืออย่างแรกที่เห็นชัดที่สุด 

         ยิ่งถ้าหลังจากที่ได้พูดคุยกันแล้ว และได้รู้จักกันแล้ว ก็ได้มาซ้อมบทเข้าฉากกัน ทำให้เราแม่นกับตัวละครมากยิ่งขึ้น เค้าก็ได้แม่นกับตัวละครมากยิ่งขึ้น แล้วได้เข้าฉากด้วยกันก็เหมือนกับว่า รับรู้จังหวะแต่ละคนมากยิ่งขึ้นว่าจะเป็นยังไง แล้วเวลามาเข้าฉากจริงๆ ร่างกายมันก็จะไปของมันเองครับ


กับพี่ “อ๊อฟ พงษ์พัฒน์” มาเล่นเป็นพ่อเรา เป็นยังไงบ้าง

         ผมรู้สึก ดีมากครับ รู้สึกดีใจมาก สนุกมาก วันแรกที่ได้เข้าฉากกับพี่อ๊อฟเลยก็มีความสุขมาก ทุกฉากที่ได้เล่นกับพี่อ๊อฟ เหมือนเราอยากเล่นกับพี่อ๊อฟมานานแล้ว อย่างในเรื่อง “จันดารา” ก็เหมือนจะได้เล่นด้วยกันเพราะว่าอยู่ในหนังเรื่องเดียวกัน แต่จริงๆ แล้วไม่ได้เล่นด้วยกันเลย เหมือนแค่ร่วมซีนกันผ่านๆ แต่ว่าในเรื่องนี้เราได้มาเป็นลูกของเค้า ได้เข้าฉากกันมากขึ้นเยอะ 

         และยิ่งเป็นฉากซึ่งมีพ่อลูกแบบไม่มีแม่ เป็นพ่อลูกที่สนิทกันมาก มันก็เล่นแล้วสนุก มีความสุขมาก ทุกๆ ฉาก ในทุกๆ ครั้งที่เล่นกับพี่อ๊อฟ รวมถึงตอนซ้อมที่บ้านหม่อมแล้ว ทุกครั้งพี่อ๊อฟจะมีอะไรใหม่ๆ มาเสนอ มาพูดคุย เหมือนมาสอนเราตลอดเวลา 

         ซึ่งนอกจากหม่อมที่เป็นอาจารย์สอนเรื่องการแสดงแล้วด้วยเนี่ย พี่อ๊อฟก็เป็นลูกศิษย์ของหม่อมเหมือนกัน แล้วก็เป็นผู้ที่มีประสบการณ์มากๆ ในตรงนี้ แล้วเค้าก็มีส่วนที่เอาความรู้ของเค้ามาสอนเราเหมือนกัน เช่นเดียวกัน เวลาว่างพักกินข้าว เราก็ได้พูดคุยกัน มันก็ทำให้เราสนิทกันมากขึ้น ยิ่งเล่นยิ่งสนุกเพราะเป็นไอดอลคนหนึ่งที่เราอยากจะเจริญรอยตามครับ


กับพี่ “เจี๊ยบ ศักราช” เป็นยังไงบ้าง

         จริงๆแล้ว เราก็สนิทกันพอสมควรอยู่ เพราะว่ารู้จักกันเล่นกันมาก็หลายเรื่องแล้ว ส่วนใหญ่ก็เจอกันมาตลอดในหนังทุกๆ เรื่องของหม่อม ก็ทำให้เรารู้จักสนิทสนมกันอยู่แล้ว พอเวลาเข้าฉากมันก็สบาย พี่เจี๊ยบก็คอยมากระซิบตลอดเวลาเรื่องสอน เรื่องอะไรอย่างนี้ก็จะเป็นการช่วยเราได้ดีมากอีกทางหนึ่ง โดยเฉพาะกับฉากที่ต้องปะทะอารมณ์กันด้วย


ฉากในน้ำที่ต้องมีค่อนข้างเยอะ

         ผมว่า ก็สนุกครับ เพราะผมเป็นคนที่ชอบว่ายน้ำ แล้วช่วงถ่ายทำนี่อากาศยิ่งร้อน คนอื่นอาจจะแต่งตัวใส่สูทใส่อะไรกัน คนมาจากพระนคร หรือว่าคนอื่นที่อยู่ในทุ่งบางกะปิ บางคนก็แบบเสื้อผ้าเยอะ แต่เราก็เหมือนแบบได้กระโดดน้ำอยู่ตลอดเวลามันก็เป็นข้อดีข้อหนึ่งที่เราได้คลายร้อนกว่าคนอื่นเค้า 

         เพียงแต่ว่าบางทีทุกคนก็จะเป็นห่วงในเรื่องปลิงกัน แต่ที่ถ่ายมาก็ยังไม่โดน แต่ก็มีการป้องกัน มีการเซฟเอาไว้เหมือนกันครับ

ติดตามบทสัมภาษณ์ตอนที่ 2 ได้ในวันพรุ่งนี้ ^_^

ท่านสามารถติดตาม เช็ครอบหนัง โปรแกรมหนัง ดูหนังเข้าใหม่ เพิ่มเติมได้ที่

วันศุกร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ตัวอย่างหนังใหม่อย่างเรื่องGONE GIRLและผลงานการกำกับของเจมส์ คาเมรอน



นารูโตะเดอะมูฟวี่ภาคใหม่ The Last


ซึ่งในขณะที่นารูโตะฉบับหนังสือการ์ตูนกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดในช่วงนี้ แต่ในด้านภาพยนตร์นารูโตะแบบมูฟวี่หรือหนังโรงกลับเงียบเหงา เพราะไม่ได้ทำภาคใหม่ฉายมาเป็นเวลาถึง 2 ปีแล้ว นับตั้งแต่เมื่อปี 2012 ฉายภาค Road to Ninja: Naruto the Movie แล้วก็เงียบไปเลยเน้นแต่เนื้อเรื่องฉบับหนังสือการ์ตูนอย่างเดียว ซึ่งล่าสุดทางนิตยสาร Shonen Jump ประกาศข่าวดีว่าจะทำนารูโตะมูฟวี่ภาคใหม่ให้ชมกันแล้ว ซึ่งภาคนี้ไม่ใช่มูฟวี่ธรรมดาด้วย แต่เป็นการเนื้อเรื่องใหม่

ภาพยนตร์อย่างเรื่องนารูโตะภาคใหม่นี้จะใช้ชื่อว่า The Last -Naruto the Movie- ชื่อว่าสุดท้ายแต่ก็ไม่ได้ระบุว่าจะเป็นภาคสุดท้ายของมูฟวี่หรือเปล่า กำหนดฉายในวันที่ 6 ธ.ค. 2014 ซึ่งค่อนข้างไว แสดงว่าแอบสุ่มสร้างกันอยู่นานพอสมควรแล้ว และจุดสำคัญของภาพยนตร์นารูโตะมูฟวี่ภาคนี้ก็คือ มันจะเป็นส่วนหนึ่งของโปรเจคใหญ่ "Naruto Shin Jidai Kaimaku Project" (Naruto's New Era Opening Project) หรือแปลว่าโปรเจคเปิดตัวนารูโตะภาคยุคใหม่นั่นเอง เพื่อฉลองครบรอบ 15 ปีของการ์ตูนนารูโตะนี้ นั่นหมายความว่า หลังจากจบเนื้อเรื่องการ์ตูนนารูโตะในภาคปัจจุบันนี้ น่าจะมีนารูโตะภาคใหม่ให้ดูกันต่อแน่นอน ซึ่งเป็นเนื้อเรื่องของยุคใหม่เลย



ทั้งนี้มูฟวี่และโปรเจคการ์ตูนยุคใหม่นั้นล้วนเป็นความคิดมาจากอาจารย์ คิชิโมโตะ มาซาชิ ผู้วาดนารูโตะ ซึ่งเขาเป็นคนออกแบบตัวละครใหม่ๆและเนื้อเรื่องของมูฟวี่รวมไปถึงเนื้อเรื่องในการ์ตูนยุคใหม่ด้วย และเป็นที่ปรึกษาในการสร้างอนิเมชั่นมูฟวี่ อาจารย์ได้ทำการออกแบบนารูโตะใหม่สำหรับมูฟวี่ภาคนี้และการ์ตูนยุคใหม่ไว้แล้ว ดังภาพด้านบน ซึ่งจะมีตัวละครนารูโตะจากตอนสมัยเด็กและตอนวัยรุ่นให้ดูเปรียบเทียบด้วย ซึ่งนารูโตะตอนโตนั้นใส่เสื้อยาวเหมือนชุดนักเรียนกักคุรัน ผมก็ตัดให้สั้นลง และมีสีหน้าท่าทางใจเย็นสมกับเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นด้วย

ภาพยนตร์เรื่องนารูโตะ The Last -Naruto the Movie- จะมี Teaser ให้ดูเป็นตัวอย่างเล็กๆในวันที่ 31 กรกฎาคม 2014 และจะมี Trailer ตัวอย่างเต็มๆอีกทีให้ดูในโรงภาพยนตร์วันที่ 1 สิงหาคม 2014 เป็นต้นไป ซึ่งเป็นข่าวดีสำหรับแฟนนารูโตะ ที่กำลังคิดว่าการ์ตูนนารูโตะกำลังจะจบแล้ว เพราะจากประกาศโปรเจคใหม่นี้ เชื่อว่าคงมีภาคต่อให้ดูกันอีกแน่ แต่เดากันว่าภาคนี้น่าจะเป็นภาคสุดท้ายแล้ว


GONE GIRL ( เมื่อเมียผมกลายเป็นศพ )



ในภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของผู้กำกับจอมเนี้ยบที่เพิ่งจะเซย์กู๊ดบายหนังชีวประวัติของ สตีฟ จ๊อบส์ เพราะตกลงเรื่องค่าเหนื่อยค่าเสียเวลากับทางสตูดิโอไม่ได้ ซึ่งกลับมาคราวนี้เขาหยิบนวนิยายขายดีในชื่อเรื่องเดียวกับตัวหนัง Gone Girl ซึ่งเขียนโดยกิลเลียน ฟลินน์ และนอกจากนี้ตัวกิลเลียนเองยังรับหน้าที่ในการดัดแปลงหนังสือของตัวเองให้กลายเป็นบทภาพยนตร์ด้วยอีกต่างหาก

ขณะที่เรื่องราวที่เกิดขึ้นใน Gone Girl พูดถึงนิค ดันน์ (เบน อัฟเฟลค) ชายหนุ่มที่ตามหาภรรยาของตัวเองอย่าง เอมี่ (โรซามุนน์ ไพค์) ภายหลังจากการหายตัวไปอย่างลึกลับในคืนฉลองครบรอบวันแต่งงาน 5 ปี แต่ทว่าจู่ๆ กลายเป็นว่าเอมี่กลายเป็นศพเสียแล้ว และหลักฐานที่ตำรวจพบเจอกลายเป็นว่านิคกลายเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับ 1 ที่วางแผนฆ่าภรรยาของตัวเอง




ซึ่งถ้าลองมองย้อนกลับไปจะพบว่าผลงานเรื่องก่อนหน้านี้ของฟินเชอร์อย่าง The Girl With the Dragon Tattoo ก็ได้ถูกดัดแปลงมาจากนวนิยายเช่นเดียวกัน ซึ่งเสียงวิจารณ์ก็ออกมากลางๆและรายได้ก็ไม่ค่อยจะสู้ดีซักเท่าไหร่ จนตัวฟินเชอร์เองต้องออกโรงมาโต้โผว่า “บางทีผมก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่หรอกนะครับว่าผู้ชมอยากจะดูอะไร บางทีเราอาจจะซื่อตรงกับตัวนวนิยายเกินไปหน่อยก็เป็นได้” (ออกแนวน่าหมั่นไส้)

ไม่ว่าอย่างไรก็ตามทีตัวแฟนหนังสือนิยายเล่มนี้อาจจะเกิดอาการผิดหวังได้ เนื่องจากตัว กิลเลียน ฟลินน์ นั้นอยากจะให้ตัวหนังมีความแตกต่างกับเวอร์ชั่นหนังสือด้วยการเปลี่ยนเนื้อเรื่องในช่วงไคลแมกซ์เสียใหม่ เพื่อสร้างความเร้าใจ โดยตัว เบน อัฟเฟลค ที่เคยอ่านนิยายมาก่อนและมารับบทในหนังเรื่องนี้กล่าวว่า “เธอจะทำแบบนั้นไปทำไมกันนะ ในเมื่อของเดิมที่เธอเขียนมันก็เยี่ยมยอดในตัวเองอยู่แล้วแท้ๆ”




และแน่นอนว่าสำหรับผู้ชมที่ไม่เคยอ่านนิยายมาก่อน ตัวหนังก็ไม่ได้ยากเย็นต่อความเข้าใจนัก และด้วยสไตล์การทำหนังของฟินเชอร์เองแล้ว งานเก่าๆของเขาก็เต็มไปด้วยความมืดหม่น แอบโรคจิต และเต็มไปด้วยความรุนแรง คนชอบงานทริลเลอร์ดาร์คๆน่าจะหลงรักหนังเรื่องนี้อย่างไม่ยากเย็นนัก

ตัวหนังน่าจะเข้าฉายในช่วงปลายปีนี้







เมื่อ เจมส์ คาเมรอน ได้นำคุณดำดิ่งสู่จุดที่ลึกที่สุดของโลก 
DEEPSEA CHALLENGE 3D


ซึ่งการกลับมาสร้างความฮือฮาครั้งใหม่ให้โลกภาพยนตร์นับจาก Avatar ของผู้กำกับพันล้านฯ และ เจ้าของรางวัลออสการ์จาก Titanic “เจมส์ คาเมรอน” ในผลงานภาพยนตร์ผจญภัย-สารคดี 3 มิติ ที่จะนำ ผู้ชมเดินทางเสี่ยงชีวิตไปพร้อมกับเขา ฝ่าขีดจำกัดของท้องทะเลลึก สู่ดินแดนที่มนุษยชาติยังไม่เคยดำดิ่งไป ถึง ณ จุดที่ถือว่าลึกที่สุดของโลกกับ“Deepsea Challenge 3D” (ดีพซี ชาเลนจ์ ทรีดี)



โดยที่  Deepsea Challenge 3D (ดีพซี ชาเลนจ์ ทรีดี) เป็นภาพยนตร์ผจญภัย-สารคดีฟอร์มยักษ์ที่ เจมส์ คาเมรอน ร่วมกับ National Geographic (เนชันแนล จีโอกราฟฟิก) สร้างปฏิบัติการอันน่าเหลือเชื่อเท่าที่มนุษย์คนหนึ่งจะทำได้ให้ เป็นจริงในการดำดิ่งสู่ใต้มหาสมุทรที่ความลึกมากกว่า 36,000 ฟุต บริเวณมหาสมุทรมาเรียน่า ใกล้กับเกาะกวมพน่อมกับยานดำน้ำที่พัฒนาขึ้นเพื่อปฏิบัติการครั้งนี้โดยเฉพาะตามลำพัง พร้อมกับต้องฝ่าอันตรายนานัปการที่เกิดขึ้นจากความท้าทายของธรรมชาติ และการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าสุดระทึก “Deepsea Challenge 3D (ดีพซี ชาเลนจ์ ทรีดี) คือภาพยนตร์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ ซึ่งจะสร้างทั้งแรงบันดาลใจและความประหลาดใจให้แก่ทุกคนที่ได้ชม แล้วคุณจะพบว่า โลกใบนี้ยังมีสถานที่อัศจรรย์อีกมากมายที่ยังรอให้มนุษย์ไปค้นพบ” เจมส์ คาเมรอน กล่าว เตรียมตัวให้พร้อม เจมส์ คาเมรอน จะนำคุณเดินทางไปสัมผัสประสบการณ์ดำดิ่งสู่จุดที่ลึกที่สุดของโลกที่มนุษย์ยังไม่เคยไปถึงอย่างสมจริงสูงสุด 21 สิงหาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์






Special Scoop ใหม่


โปรเจ็คหนังใหม่ของซุปตาร์ฮอลลีวูด

หนังโปรเจ็คตัวใหม่ล่าสุุดของผู้กำกับอย่าง คาเมรอน โครว์ ซึ่งจะเป็นหนังแนวโรแมนติกคอมมาดี้ มีแพลนจะเปิดตัวภาพยนตร์ ในวันที่ 29 พฤษภาคม 2015 และจัดจำหน่ายในนามของสตูดิโอ Sony Pictures ซึ่งจะมีนักแสดงระดับซุปตาร์อย่าง 
1.เอ็มม่า สโตน
2.แบรดลีย์ คูเปอร์
3.ราเชล แม็คอดัมส์
4.อเล็กซ์ บอลวินด์
5.เจย์ บารูเชลม
6.ไมเคิล เชิร์นนัส
7.บิลล์ เมอร์เรย์ 
โดยที่ทีมงานได้ยกกองไปปักหลักถ่ายทำหนังกันที่ฮาวาย ตัวหนัง ที่ยังไม่ได้ตั้งชื่อเรื่องนั้น บอกเล่าเรื่องราวของนายทหารรูปหล่อ (แบรดลีย์ คูเปอร์) ที่กำลังประสบความสำเร็จในอาชีพการงานในระดับขีดสุด เขาพยายามจะสานต่อความรักกับแฟนสาว (ราเชล แม็คอดัมส์) แต่ระหว่างนั้นเองเขากลับไปตกหลุมรักกับสาวสวยนักบินในกองทัพอีกคน (เอ็มมา สโตน) ซะอย่างนั้น ถึงคราวที่พ่อหนุ่มคนนี้จะต้องเลือกคนที่ใช่แล้วล่ะ 



โดยที่ ไมเคิล เคน ร่วมประกบดารารุ่นลูกอย่าง วิน ดีเซล และ โรส เลสลีย์ ใน The Last Witch Hunter ตัวหนังบอกเล่าเรื่องราวของชายผู้อ้างตัวเองว่าเป็นนักล่าแม่มด (วิน ดีเซล) ซึ่งเขากำลังตามล่าหญิงสาวที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มด (โรส เลสลีย์) ในการแพร่โรคระบาดแก่มนุษย์ ตัวหนังจะกำกับโดยเบรก ไอส์เนอร์ มีกำหนดการเปิดกล้องเดินสิงหาคมที่จะถึงนี้


โดยเจค จิลเลน ฮาลผอมซูบ กับการได้รับบทในหนังใหม่ของ แดน กิลรอยด์ ผู้เขียนบทเรื่อง 1.Real Steel, 2.The Fall, 3.The Bourne Legacy โดยเรื่อง Nightcrawler ซึ่งตัวเจ็คนั้นเรียกได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงตัวเองพอสมควร เขาพยายามอย่างยิ่งยวดในการหางานทำ ตัวเจ็คจะรับบทเป็นชายหนุ่มที่พยายามหาบ้านและหางานทำ แม้ว่าเขาอาจจะต้องออกไปประกอบอาชญากรรมในเมืองใหญ่อย่างลอสแองเจอลิสก็ตามที ตัวหนังมีกำหนดเปิดตัวในวันที่ 17 ตุลาคม และมีดาราร่วมแสดงอย่าง 1.เรเน่ รุสโซ่, 2.บิลล์ แพกซ์ตัน และ 3.ริซ อาห์เมด 



วิจารณ์หนังเรื่อง The Fault in our Stars



หนัง อย่าง The Fault in our Stars อาจจะเป็นแค่หนังรักวัยรุ่นที่มีพล็อตบีบน้ำตาสุดแสนธรรมดาสามัญเนื่องจากหนังมีองค์ประกอบอันประกอบไปด้วยตัวละครที่ป่วยไข้จวนเจียนจะตายเพราะป่วยเป็นโรคมะเร็ง แต่เอาเข้าจริงๆแล้ว TFIOS ซึ่งดัดแปลงมาจากนวนิยายต้นฉบับของผู้เขียน “จอห์น กรีน” นั้นมีอะไรกว่าแค่ความรักน้ำเน่าของหนุ่มสาว

ซึ่งก็จริงอยู่ที่ว่าพล็อตเรื่องมันไม่ได้มีอะไรหวือหวาหรือเหนือความคาดเดา ทว่าการผสมผสานอารมณ์ซึ่งใส่ความละเมียดละไมของผู้เขียน ในการเร้าอารมณ์ผู้อ่านให้เริ่มหลงรักและทำความเข้าใจไปกับตัวละครจนพวกเขาเข้าไปนั่งอยู่ในหัวใจของคนอ่าน และพร้อมจะบีบต่อมน้ำตาให้คุณน้ำตาไหลพรากยามที่พวกเขาจะเผชิญกับมรสุมชีวิต ผู้กำกับอย่าง จอช บูนนั้น เลือกจะหยิบงานต้นฉบับมาถ่ายทอดอย่างซื่อตรง และพึ่งพาทักษะทางการแสดงของเหล่าซุปตาร์ดาวรุ่นหน้าใหม่อย่างไชลีน วู๊ดลีย์และแอนเซล เอลกอร์ทแทน

โดยที่เรื่องราวใน TFIOS บอกเล่าเรื่องราวของเด็กสาววัยรุ่นอย่าง ฮาเซล แลนคาสเตอร์ (ไชลีน วู๊ดลีย์) เธอป่วยเป็นโรคมะเร็งเฉียบพลันตั้งแต่เด็กและเธอหวุดหวิดเกือบเสียชีวิตไปแล้วครั้งหนึ่งตอนอายุ 13 ปี จากเหตุการณ์ครั้งนั้นเธอกลับรอดตายมาอย่างปาฏิหาริย์และมีชีวิตอยู่มาถึงอายุ 16 ปี ฮาเซลมีแม่ที่ชื่อแฟรนนี่(ลอร่า เดิร์น์) ซึ่งดูแลเธออย่างเยี่ยมยอด และมีพ่อผู้แสนอ่อนไหวอย่างไมเคิล(แซม แทรมเมลล์)

และหลังจากที่ฮาเซลรอดชีวิตมา เธอยังใช้ชีวิตแบบชาญฉลาด เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ขัน แต่ด้วยความป่วยไข้ที่เธอเป็นโรคมะเร็งนั้นทำให้เธอไม่สามารถออกไปมีเพื่อนในสังคมใหม่ๆ ชีวิตเธอมักจะวนเวียนอยู่แค่กลุ่มช่วยเหลือและให้คำปรึกษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง ประกอบกับอุปกรณ์ช่วยหายใจที่ถูกเสียบคาจมูกของเธอไว้ตลอดเวลาทำให้เธอไม่สะดวกที่จะทำอะไรโลดโผนมาก เพราะมันมีหน้าที่ช่วยให้ปอดของเธอทำงานอย่างปกติ




ในวันหนึ่งระหว่างที่ฮาเซลกำลังนั่งเซ็งซังกะตายกับการบำบัดในศูนย์ให้คำปรึกษาเพื่อนผู้ป่วยโรคมะเร็งอยู่นั้น เธอก็ได้พบกับ กัส วอเตอร์ส(แอนเซล เอลกอร์ท) หนุ่มหล่อวัย 18 ปีที่เขาสูญเสียขาไปเพราะโรคมะเร็งซึ่งกำลังพักฟื้นร่างกายจนถึงทุกวันนี้ ความฝันอันสูงสุดของกัสก็คือการทำให้ตัวเองเป็นคยที่พิเศษและหวังว่าจะออกไปทำอะไรใหม่ๆในโลกกว่าง เมื่อฮาเซลและกัสได้ทำความรู้จักกัน ทั้งสองกลับถูกเชื่อมโยงด้วยหนังสือที่เฮเซลชอบอ่านอย่าง An ImperialAffliction ซึ่งเล่าเรื่องราวของผู้ป่วยโรคมะเร็ง เขียนโดย ปีเตอร์ ฟาน ฮูเต็น(วิลเลียม เดโฟ)

และเมื่อฮาเซลได้เขียนอีเมล์โต้ตอบไปหาปีเตอร์ และกัสก็ช่วยสานฝันให้เธอด้วยการเขียนอีเมล์แจ้งความจำนงค์ไปว่าฮาเซลนั้นอยากจะไปพบตัวจริงของปีเตอร์เพื่อพูดคุย และฮาเซลก็ได้รับจดหมายตอบกลับมาเพื่อเชื้อเชิญให้เธอเดินทางไปยังอัมสเตอร์ดัม ทริปท่องเที่ยวที่ทำให้ฮาเซลได้เดินทางไปพบกับนักเขียนในดวงใจพร้อมกับหลายเรื่องเซอร์ไพรส์ที่ชีวิตเธอก็คาดไม่ถึงมาก่อน

โดยหนัง TFIOS ในเวอร์ชั่นภาพยนตร์นั้นสามารถทำให้ตัวละครสามารถเข้าไปนั่งอยู่ในหัวใจของคนดูได้เพราะนักแสดงมีเสน่ห์มากและเคมีระหว่างฮาเซลและกัสก็ลงตัวกันตั้งแต่ฉากแรกพบ ประกอบกับทักษะทางการแสดงที่เข้าถึงของตัวละคร ฮาเซลเป็นเด็กสาวที่เข้าใจในชีวิต เธอไม่ได้เป็นเด็กสาววัยรุ่นที่มัวแต่เศร้าโศกกับเรื่องความตายที่อาจจะถามหาเธอได้ทุกครู่ทุกยาม แต่เธอพยายามจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างคุ้มค่าและมีความสุขที่สุดตามสภาพ



แก่นสารของของหนัง TFIOS นั้นหยิบเรื่อง “ความตาย” เอามาเป็นแกนหลักของหนัง ได้อย่างคมคาย ลึกซึ้ง ไม่ว่าจะเป็นฉากงานศพของตัวละคร ที่นางเอกได้พูดว่า “งานศพนั้นไม่ได้จัดขึ้นเพื่อคนที่จากเราไปแล้ว หากแต่จัดขึ้นเพื่อคนที่ยังมีชีวิตอยู่ต่อไปต่างหาก” ซึ่งมันสะท้อนให้เราเห็นว่าการคร่ำครวญกับความสูญเสียนั้นไม่ควรจะเอามาเป็นอุปสรรคให้กับชีวิต ความตายล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นวนเวียนอยู่รอบๆตัวเรา ความตายของคนรอบข้างนั้นเป็นสิ่งหนึ่งที่จะต้องเกิดขึ้นกับตัวเราเช่นกันไม่วันใดก็วันหนึ่ง

สภาพการระลึกรู้สึกถึงความตายของฮาเซลนั้น สะท้อนให้ผู้ชม “ใช้ชีวิตที่มีอยู่ในทุกวัน” ให้คุ้มค่าที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ สิ่งที่ทำเราน้ำตาริน (และไม่ใช่แค่ฉากเดียวของหนังเรื่องนี้) ก็คือฉากที่นางเอกของเรื่องพยายามจะเดินขึ้นไปดูบ้านของแอน แฟรงค์ซึ่งไม่มีลิฟต์ มีแต่บันไดชันๆ ซึ่งการไต่ขึ้นที่สูงมากๆทำให้เธอเหนื่อยจับ แต่เธอก็ยังคงยืนกรานที่จะเดินขึ้นไปพร้อมกับหอบถังออกซิเจนไปพร้อมๆกับเธอ มันเป็นฉากที่เราเอาใจช่วยและรู้สึกถึงชัยชนะเล็กๆของมนุษย์ที่ “เอาชนะ” หัวใจของตัวเองได้อย่างงดงาม




และอีกฉากหนึ่งที่สะเทือนอารมณ์ไม่แพ้กันก็คือฉากปะทะอารมณ์ระหว่างแม่ลูก เมื่อฮาเซลบอกแม่ของเธอว่าสิ่งที่ทำให้เธอโกรธก็คือภาพฝังใจที่เธอได้ยินแม่ของเธอพูดว่า หลังจากที่เธอตายไป(ตอนอายุ 13) เธอกลัวว่าจะไม่ได้เป็นแม่ลูกกับฮาเซลอีก คำพูดเบาๆอันนั้นทำให้เธอฝังใจมาจนถึงทุกวันนี้ และเราเชื่อว่าคนที่เป็นคน “รักแม่” มากๆ จะบ่อน้ำตาแตกไปกับการแสดงของลอร่า เดิร์นในบทคุณแม่ที่ดูแลลูกอย่างชิดใกล้อย่างแน่นอน

TFIOS คือความงดงามในการเล่าเรื่องของความตายให้เราเข้าใจและเข้าถึงไปกับมัน เพราะสุดท้ายแล้วไม่ว่าใครจะเดินทาง “จาก” เราไปก่อนกันสิ่งที่เกาะกุมหัวใจเรานั้นก็คือเรื่องดีๆที่มนุษย์มีให้กันและกันตราบวันสิ้นลมให้ใจ และจะอยู่ในความทรงจำของคนคนหนึ่งตลอดไป

ให้ 5 คะแนนจาก 5 คะแนน

@พริตตี้ปลาสลิด

วันพฤหัสบดีที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

AVATARภาค2,โปรแกรมหนังใหม่ประจำสัปดาห์นี้และตัวอย่างหนังใหม่เรื่องThe Equalizer

AVATAR 2 ชาวหนังนาวีตัวฟ้าที่ทุกคนต่างรอคอย




ภายหลังจากที่โปรเจ็ค Avatar ภาคแรกซึ่งออกฉายไปเรียบร้อยในปี 2009 และสามารถกวาดรายได้ไปอย่างถล่มทลาย โดยสามารถทำรายได้ในประเทศไป 760 ล้านเหรียญ และกวาดจากทั่วโลกไปถึง 2,787 ล้านเหรียญ อีกทั้งยังกวาด 3 รางวัลบนเวทีออสการ์มานอนกอดในสาขาถ่ายภาพ, สเปเชียล เอฟเฟ็คและกำกับศิลป์ยอดเยี่ยม ยังไม่รวมถึงเวทีอื่นๆที่หนังเรื่องนี้เข้าชิงรางวัลอีกมากมาย และแน่นอนว่าเมื่อกำไรที่บานเบอะขนาดนี้ย่อมทำให้ทางสตูดิโออนุมัติในการสร้างภาคต่อและให้เจมส์ คาเมรอนกลับมารับตำแหน่งเป็นผู้กำกับเช่นเดิม




อาจจะเป็นที่แน่นอนแล้วว่าบทของซิกอร์นีย์ วีเวอร์จะยังคงอยู่และเธอจะกลับมาเล่นในภาคต่อของ Avatar ทั้ง 3 ภาค (2–4) อย่างแน่นอน รวมไปถึงทีมนักแสดงชุดเดิมอย่าง


1.แซม เวิร์ธทิงตัน
2.โซอี้ ซาดานา
3.สตีเฟ่น เหลียง 

โดยภาคที่ 2 หนังมีกำหนดเปิดกล้องภายในปี 2014 แต่ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดของตัวละครออกมาอย่างแน่ชัด

โดยอย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าการกลับมารับบทเกรซ ของซิกอร์นีย์นั้นยังเกิดคำถามที่ตามมาว่าในหนังภาคแรกนั้นเธอได้เสียชีวิตลงไปแล้ว แต่วิญญาณของเธอได้อวตารไปอยู่ในร่างของชาวนาวี ซึ่งไม่ว่าการกลับมาในครั้งนี้ของซิกอร์นีย์จะเป็นอย่างไรเราก็คงได้แต่รอหาคำตอบเอาจริงๆในช่วงเดือนธันวาคมปี 2016 และจะได้ดูภาคที่ 3 และ 4 ในเดือนธันวาคม 2017 และ 2018 ตามลำดับ



โดยในปีนี้ เจมส์ คาเมรอน ได้มีผลงานแนวเผจญภัย-สารคดี 3 มิติที่จะพาผู้ชมดำดิ่งลงไปสู่ท้องทะเลในดินแดนที่มนุษย์นั้นยังไม่เคยลงไปถึงกับหนัง Deepsea Challenge 3D ซึ่งตัวคาเมรอนได้ร่วมโปรเจ็คนี้กับรายการทำสารคดีชื่อดังอย่างเนชั่นแนลจีโอ กราฟฟิค ซึ่งตัวคาเมรอนเองจะเป็นคนดำดิ่งสู่ใต้มหาสมุทราเรียน่า ใกล้กับเกาะกวมพน่อมกับยานดำน้ำที่พัฒนาขึ้นเพื่อปฏิบัติการครั้งนี้โดยเฉพาะตามลำพัง 

หนังเรื่องนี้มีกำหนดการเข้าฉายในประเทศไทยวันที่ 21 ส.ค. 2558





หนังใหม่ประจำสัปดาห์ (วันที่ 24 กรกฎาคม - 30 กรกฎาคม 57)

โปรแกรมหนังสำหรับคนรักหนัง หนังใหม่ประจำสัปดาห์นี้ ระหว่างวันพฤหัสบดีที่ 24 กรกฎาคม 2557 ถึงวันที่ 30 กรกฎาคม 2557 ทุกโรงภาพยนตร์ฉบับล่าสุด!! คอหนังใหม่ไม่ควรพลาด!! อัพเดทใหม่ สดๆร้อนๆ!!!


หนังเรื่องความลับนางมารร้าย



วันที่เข้าฉาย 24/07/2014

เรื่องย่อ

ผู้หญิงทุกคนนั้นมีความลับที่แสนแสบซ่าส์ที่เธอไม่เคยปริปากบอกให้ “ผู้ชาย” รู้เลย…“บุษบา” (มิน-พิชญา) เป็นหัวหน้าแก๊งค์นางมารร้ายมีกฎเหล็ก “รักสนุกไม่ผูกพัน” เที่ยวได้ สนุกได้ แต่อย่างลงลึก มีสมาชิกประกอบไปด้วย 
1.ซินดี้ ซึ่งเป็นแอร์โฮสเตสาวพราวด์ ยูนิฟอร์ม 
2.แอ้ เธอเป็นสาวแบงค์ผู้คุ้มกฎของเพื่อนๆ 
3.ลาล่า พีอาร์สาวผู้ทำตัวเงียบๆเชียบๆแต่ชอบหลอกกินตับผู้ชาย 

ซึ่งทุกคนพร้อมใจยกตำแหน่ง “นางมารร้ายตัวแม่” ให้กับเธอ วันหนึ่ง “บุษบา” ไปเที่ยวผับกับเดอะแกีงค์ เธอดันไปเจอกับ “เหนือสมุทร” (อาเล็ก ธีรเดช) หนุ่มหล่อสุดเพอร์เฟ็กต์ที่มาเกี่ยวกับ “ปองชาย”(ยัด เฟ็ดเฟ่) เพื่อนเกย์สุดแสบที่แอบสะใจ เพราะได้ควงผู้ชายหน้าตาดีทำให้สาวแท้สาวเทียมทั้งร้านต้องอึ้งตะลึงหันมามองค้อนด้วยความอิจฉา แต่ไม่ใช่กับนางมารร้ายตัวแม่อย่าง “บุษบา” เธอวางแผนในใจแล้วเดินเข้าไปฉก “เหนือสมุทร” ออกมาจากอ้อมอกของ “ปองชาย” โชว์ทุกคนอย่างหน้าตาเฉยทำเอา “เหนือสมุทร” ถึงกับเซอร์ไพร้ส์

“บุษบา” คิดจะเล่นสนุกปั่นหัว “เหนือสมุทร” แล้วจะทิ้งเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาแต่ “เหนือสมุทร” กับเซอร์ไพร์ส์เธอด้วยลูกชื่อ และ จริงใจ จนทำให้ “บุษบา” เริ่มแปลกใจกับความรู้สึกของตัวเอง แต่ “บุษบา” ก็ไม่ยอมรับความรู้สึกนั้นเพราะโดนเพื่อนกดดันว่าเธอจะทำลายกฎที่ตัวเองตั้งขึ้นมาได้อย่างไร เธอจึงบอกเลิก “เหนือสมุทร” อย่างไม่ใยดี “เหนือสมุทร” เสียใจมาก “ปองชาย” จึงแนะนำเขาให้ไปปลดปล่อยความเศร้าที่คอนเสิร์ต “หัวใจสลาย” ที่นั่นเขาได้บังเอิญพบกับ 3 สาวเพื่อซี้สุดน่ารัก 
1.ป่า โปรดิวเซอร์สาวมั่น
2.คิม สปอร์ตตี้เกิร์ล 
3.จิ พริตตี้จีเนียส พูดได้ 5 ภาษา ที่เข้ามาใจช่วงเวลาที่เขาเสียหลักจาก “บุษบา” พอดี ความน่ารักสดใสของ 3 สาว 

ทำให้เหนือสมุทรเริ่มสดชื่น และ เอนเอียง แต่ฝั่งนางมารร้ายจอมแสบอย่าง “บุษบา” กลัยหงอยเหงาและดูไม่มีความสุขมากขึ้นทุกวัน จนกลุ่มเพื่อนสังเกตเห็นว่า “นางมารร้ายตัวแม่” กำลังสิ้นลาย ทุกคนจึงยอมให้บุษบาแหกกฎ และเชียร์ให้เธอใช้ความเป็นนางมารร้ายตัวแม่ไปตาม เหนือสมุทรกลับมาให้ได้ แต่เธอกลับต้องเจอกับก้างขวางคอชิ้นใหญ่ คือ 3 สาว 1.ป่า,2.คิม,และ 3.จิ ที่งัดทุกกลยุทธ์ลงสนามแข่งชิงหัวใจของเหนือสมุทร อย่างไม่ยอมอ่อนข้อ จนทำให้เธอดูเหมือนจะพ่ายแพ้

แต่ขึ้นชื่อว่านางมาร้ายตัวแม่แล้ว “บุษบา” ก็ไม่มีทางยอมแพ้ศึกครั้งนี้ เธองัดทุกกลเม็ดและอึกหลายสิ่งหลายอย่างที่เธอไมเคยคิดว่าตัวเองจะทำเพื่อที่จะเอาตัวเขากลับมาให้ได้ “เหนือสมุทร” กลับมาหาเธออีกครั้ง โดยที่สาวๆที่พลาดโอกาส ต่างก็สงสัยว่า นางมารร้ายตัวแม่อย่าง “บุษบา” ผู้ที่ไม่เคยก้มหัวให้ใคร เธอมีความลับอะไรถึงได้ผู้ชายสุดเพอร์เฟคอย่าง “เหนือสมุทร” คืนมา???

หนังเรื่องโคตรเซียนมาเก๊าเขย่าเวกัส



วันที่เข้าฉาย 24/07/2014

เรื่องย่อ

หนังใหม่ : นักพนันอันเลื่องชื่อนามว่า “เคน” (โจวเหวินฟะ) ได้เดินทางกลับมาจากลาสเวกัส หลังจากการทำหน้าเป็นหัวหน้าที่ปรึกษาให้กับระบบรักษาความปลอดภัยของคาสิโนในลาสเวกัส ลูกศิษย์ต่างยินดีต้อนรับการกลับมาของเคน ในขณะเดียวกัน “คูล” (เซี๊ยะถิงฟง) สุดยอดมือแฮกเกอร์ ที่ต้องการสานต่อตำนานอันเลื่องชื่อ ด้วยการขอเสนอตนเป็นลูกศิษย์ แต่เคนไม่ได้รับใครเป็นลูกศิษย์ง่ายๆ เขาได้เสนอคูลว่า ถ้าหากคูลสามารถโกงเขาชนะได้เพียงแค่ครั้งเดียว เขาถึงจะยอมรับคูลเป็นลูกศิษย์



The Rover ดุกระแทกเดือด



วันที่เข้าฉาย  24/07/2014

เรื่องย่อ

กลับมาพบกับการพลิกโฉมครั้งใหญ่ของพระเอกหนุ่มขวัญใจสาวๆทั่วโลก โรเบิร์ต แพททินสัน จาก The Twilight Saga ที่จะมาแทคทีมไล่ล่า กับยอดฝีมือรุ่นพี่ กาย เพียร์ซ ในภาพยนตร์แอคชั่น อาชญากรรมสุดเข้มข้นฝีมือผู้สร้าง Animal Kingdom และโปรดิวเซอร์จาก 1.
Crouching Tiger, 2.Hidden Dragon 

ซึ่งเรื่องราวของเอริค หรือกาย เพียร์ซ ชายหนุ่มผู้ที่ตัดสินใจละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อออกเดินทางอย่างไร้จุดหมายในทะเลทรายอันกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาของประเทศออสเตรเลียที่ในขณะนั้นได้กลายเป็นดินแดนรกร้าง ไร้ซึ่งข้อกฏหมาย 

วันหนึ่ง รถยนต์ซึ่งมันเป็นสมบัติเพียงชิ้นเดียวที่เอริคเหลืออยู่กลับถูกขโมยไปโดยแกงค์อาชญากรใจโฉด เบาะแสเดียวที่เขามีคือ เรย์ (โรเบิร์ต แพททินสัน) หนึ่งในสมาชิกหัวขโมยที่บาดเจ็บและถูกทิ้งไว้ขณะที่คนอื่นๆหลบหนี ทั้งเอริคและเรย์ตัดสินใจร่วมมือกันเพื่อทวงคืนของรักและทวงแค้นผู้คนที่หักหลังพวกเขาให้ได้


หนังเรื่อง The Fault in Our Starsหรือ(ดาวบันดาล)




วันที่เข้าฉาย  24/07/2014

เรื่องย่อ

หนังเรื่องนี้ซึ่งเฮเซลและกัสเป็นสองวัยรุ่นที่มีความพิเศษที่มีไหวพริบอย่างน่าประหลาด การดูถูกเหยียดหยามจากสังคม และความรักที่เกิดขึ้นเกิดขึ้นระหว่างพวกเ­ขา รวมถึงพวกเรา ในประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือน มิตรภาพของพวกเขาเต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ที่นำพาให้พวกเขาได้พบกัน และตกหลุมรักกันท่ามกลางกลุ่มให้กำลังใจผู้ป่วยโรคมะเร็ง ภาพยนตร์เรื่อง THE FAULT IN OUR STARS สร้างขึ้นจากนิยายขายดีเป็นอันดับ 1 ของจอห์น กรีน ที่มีความสนุกสนาน ความตื่นเต้น เรื่องราวชวนเศร้าสลดของการใช้ชีวิตและควา­มรัก



หนังเรื่อง No Tears for the Dead กระสุนเพื่อฆ่า น้ำตาเพื่อเธอ



วันที่เข้าฉาย  24/07/2014

เรื่องย่อ

จากผลงานการกำกับเรื่อง The Man From Nowhere ที่มีนักแสดงนำซึ่งเป็นสุดยอดพระเอกตลอดกาล แจงดองกัน เรื่องราวของกอน (แจงดองกัน) นักฆ่ามือฉมังที่ทำเรื่องผิดพลาดในอดีต เมื่อเขาพลั้งฆ่าเด็กสาวผู้บริสุทธิ์โดยไม่ตั้งใจ และต้องแบกรับกับความรู้สึกผิดมาโดยตลอด แต่โชคชะตาก็เล่นตลกเมื่อเป้าหมายคนล่าสุดของเขาก็คือ โมกุง (คิมมินฮี) ซึ่งเป็นแม่ของเด็กสาวคนนั้นนั่นเอง เขาปฏิเสธที่จะฆ่าและต้องการปกป้องเธอ นั่นทำให้องค์กรที่จ้าง กอน ตัดสินใจส่งทีมนักฆ่ามาจัดการเก็บทั้งเขาและเธอไปพร้อมๆกัน



หนังเรื่อง Hercules  เฮอร์คิวลีส




วันที่เข้าฉาย 24/07/2014

เรื่องย่อ

หนังอย่าง Hercules (เฮอร์คิวลีส) ซึ่งเป็นอภิมหาภาพยนตร์แอ็คชันผจญภัยแห่งปี 2014 โดยที่พาราเมาท์ พิคเจอร์ส และเมโทร-โกลด์วิน-เมเยอร์ พิคเจอร์ส นำแสดงโดย นายดเวย์น จอห์นสัน หรือ เดอะร็อค นักแสดงขวัญใจมหาชน ซึ่งมีผลงานภาพยนตร์ทำเงินสูงสุดในปี 2013 ได้มารับบท เฮอร์คิวลีส วีรบุรุษแห่งกรีก ผู้ทรงพลังมหาศาล นอกจากนี้ ยังได้นักแสดงอย่าง 
1.เอียน แม็คเชน
2.รูฟัส ซีเวล
3.โจเซฟ ไฟน์ 
3.ปีเตอร์ มุลแลน
4.จอห์น เฮิร์ท
5.รีเบ็คกา เฟอร์กูสัน 
6.อิรินา เชย์ค นางแบบชาวรัสเซีย แฟนสาวของคริสเตียโน โรนัลโด ร่วมแสดงด้วย 

ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้สร้างจาก Hercules โดยเรดิคัล คอมิกส์ เป็นการนำเสนอมุมมองใหม่ของตำนานสุดคลาสสิกในโลกแห่งความเป็นจริง โดยปราศจากสิ่งเหนือธรรมชาติ


หนังเรื่อง The Equalizer ระห่ำลืมตาย


โดยภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของผู้กำกับอย่าง อังตวน ฟูคาว่า (ที่หายหน้าหายตาไปพักใหญ่) ซึ่งได้ดัดแปลงมาจากทีวีซีรีย์ในปี 1980 ได้เล่าเรื่องราวของ เอ็ดเวิร์ด วูดวาร์ด(เดนเซล วอชิงตัน) อดีตนายทหารหน่วยคอมมานโดฝีมือดีที่ต้องหลบหนีชีวิตอันแสนวุ่นวายด้วยการแกล้งว่าตนเองนั้นได้ตายจากโลกใบนี้ไปแล้วเรียบร้อยเพื่อไปใช้ชีวิตแบบสันโดษ แต่แล้วเมื่อความรักในความยุติธรรมก็ได้ทำให้เขาต้องออกโรงเป็นฮีโร่ไปคอยช่วยเหลือคนที่กำลังประสบปัญหาอยู่บ่อยครั้ง จนกระทั่งเขาได้พบกับโสเภณีเด็ก เทอรี่ (รับบทโดยโคลอี้ เกรซ มอเรซ) จนเขาต้องเข้าไปพัวพันกับแกงค์มาเฟียรัสเซีย

ตัวหนังมีกำหนดเปิดตัวในวันที่ 26 ก.ย. ภายในปีนี้ ซึ่งนอกจากดาราอย่าง 
1.เดนเซล วอชิงตัน 2.โคลอี้ เกรซ มอเรซ แล้วยังมีดารามากฝีมืออย่าง 1.เมสลีซ่า ลีโอ, 2.บิลล์ พูลแมน, 3.ฮาร์เลย์ แบนเนต, 4.เดวิด ฮาร์เบอร์ และ 5.มาร์ตัน คอสคาส




และเดนเซลยังได้เล่าถึงการมารับบทในครั้งนี้ว่า  การที่ผมได้ร่วมงานกับน้องโคลอี้เป็นอะไรที่น่าสนใจทีเดียวครับ ซึ่งตัวละครของโคลอี้เป็นเด็กไร้เดียงสา เธอถูกชักจูงไปในทางที่ผิด การที่เอ็ดเวิร์ดพยายามจะช่วยเหลือเธอด้วยการสร้างความเชื่อมั่นให้ตัวเอง เพราะเทอรี่ไม่เชื่อมั่นว่าตัวเองดีพอ เขาจึงพาเธอไปเปิดมุมมองใหม่ๆให้กับชีวิต โดยทั้งคู่ต่างก็มีความเปราะบางและไม่สมบูรณ์แบบในชีวิตของตัวเอง ทั้งคู่ต่างก็ช่วยกันเยียวยาซึ่งกันและกัน



สิ่งที่น่าสนใจของหนังอย่าง The Equalizer คือการทำหนังแอ็คชั่นทริลเลอร์ที่มีตัวละครที่ยังดูมีความเป็นมนุษย์อยู่ภายในตัวของพระเอก ตัวละครเอ็ดเวิร์ดมีบุคลิกของคนชอบย้ำคิดย้ำทำมีข้อบกพร่องในตัวเอง นอกเหนือไปจากนี้เดนเซลยังชมฝีมือการทำงานของโคลอี้ เกรซ มอเรซ ว่า “ถึงเธอจะเด็ก แต่เธอทำงานแบบนักแสดงมืออาชีพเลยทีเดียวครับ”

The Equalizer เป็นการกลับมาทำงานร่วมกันอีกครั้งระหว่างผู้กำกับอังตวน ฟูคาว่าและเดนเซล วอชิงตันหลังจากที่เคยร่วมกันทำงานใน Training Day และทำให้เดนเซลคว้ารางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมบนเวทีออสการ์มาครอง

วันอังคารที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ตัวอย่างหนังใหม่เรื่องวันพีชหนังสงครามมารีนฟอร์ด,หนังใหม่เรื่อง Step Up 5 !!!


จาดที่มีทีเซอร์แรก One Piece 3D2Y ตอนพิเศษที่ไม่มีในหนังสือการ์ตูน




ตอนนี้แฟนๆการ์ตูนวันพีชบางคนอาจจะสังเกตเห็นว่า ที่อาจารย์โอดะแกะวาดวันพีชออกมาเดือนนึงประมาณ 2-3 ตอนแล้วก็ต้องมีงดหนึ่งสัปดาห์ เหมือนเป็นเรื่องปกติประจำทุกเดือน ซึ่งจริงๆแล้วแกไม่ได้อู้หรือขี้้เกียจวาดหรือว่ามุกตันอะไรหรอกครับ แต่งานแกมีเยอะไม่ได้มีแค่วาดการ์ตูนฉบับมังงะอย่างเดียว ต้องไปดูส่วนของอนิเมะและอื่นๆด้วย และในช่วงนี้ก็มีอนิเมะตัวใหม่มาอีก เป็นตอนพิเศษฉลองครบรอบ 15 ปีวันพีชด้วยชื่อว่า One Piece 3D2Y Overcome Ace's Death! The Oath With Luffy's Crewmates ฉายยาวๆ 2 ชั่วโมงทางช่อง Fuji TV ของญี่ปุ่น วันที่ 30 สิงหาคม 2014

ซึ่งหลังจากสงครามครั้งใหญ่ในศึกมารีนฟอร์ด ลูฟี่ ได้เจ็บใจในความอ่อนแอของตัวเองที่ไม่สามารถสู้กับศัตรูได้ เขาจึงตัดสินใจฝึกฝนตัวเองอยู่ที่เกาะอเมซอนลิลลี่ของโบอาแฮนค็อก เพื่อฝึกฝนวิชาฮาคิ
กับราชานรกเรย์ลี่ ก่อนที่ลูฟี่จะไปรวมตัวกับเพื่อนกลุ่มโจรสลัดหมวกฟางในอีก 2 ปีข้างหน้า ซึ่งช่วงที่ลูฟี่ฝึกวิชานี้ ในฉบับหนังสือการ์ตูนไม่ได้เล่าเนื้อเรื่องไว้ จึงนับเป็นเนื้อเรื่องปริศนาที่แฟนๆส่วนมากข้องใจว่าลูฟี่ฝึกวิชากันอย่างไรบ้าง และมีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นบ้างช่วงนี้

โดยที่นอกจากเหตุการณ์ที่ลูฟี่ฝึกกับเรย์ลี่แล้ว ตอนนี้ยังเล่าถึงเนื้อเรื่องของตัวละครอื่นในช่วงสองปีนั้นอีกด้วย อย่างเบื้องหลัง 

1.บากี้ โจรสลัดตัวตลกที่ได้มาเป็นเจ็ดเทพโจรสลัด 
2.เบื้องหลังมิฮอร์คตาเหยี่ยวกับโซโล และเพโรล่า 
3.เบื้องหลังการต่อสู้ระหว่างพลเอกอาคาอินุ กับพลเอกอาโอคิยิ 
4.เบื้องหลังตัวละครอื่นๆๆในกลุ่มหมวกฟาง 

     แต่ว่าเนื้อเรื่องของลูฟี่จะเยอะสุด เพราะเขาต้องรับมือกับ Bandy World ศัตรูตัวฉกาจที่บุกเข้ามารุกรานเกาะอเมซอนลิลลี่ มันเป็นถึงนักโทษระดับ 6 ผู้มีพลังของผลโมอาโมอา ซึ่งแหกคุกออกมาจากอิมเพลดาวน์ช่วงที่ลูฟี่บุกเข้าไป

ติดตาม เช็ครอบหนัง ดูหนังฟรี รอบหนัง ดูหนังใหม่ เพิ่มเติมได้ที่



วิจารณ์หนังใหม่ STEP UP 5 ALL IN



เราค่อนข้างมั่นใจว่าผู้ชมกว่า 90% ที่เป็นแฟนหนัง Step Up คงไม่ได้คาดหวังพล็อตเรื่องที่แปลกใหม่แต่อย่างใด เพราะเราก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่าหนังแนวเต้นนั้นสามารถเล่าเรื่องได้ไม่กี่อย่างและส่วนมากสูตรบังคับที่ต้องทำให้หนังคืบเรื่องต่อไปข้างหน้าได้ก็มาจากปมขัดแย้งของตัวละครเอกของเรื่องซึ่งมักจะมีเงื่อนไขอยู่ไม่กี่อย่างอาทิเช่น 
1.การเอาชนะตัวเอง 
2.การฝ่าฟันอุปสรรคที่รออยู่ 
3.การที่ต้องพิสูจน์ความสามารถของตัวเองให้เป็นที่ประจักษ์กับผู้คน และด้วยสูตรบังคับเหล่านี้ก็ถูกใช้มานับครั้งไม่ถ้วนในหนังตระกูลเต้น

หนังอย่างเรื่อง STEP UP จะใช้จุดเด่นของความร่วมสมัยทุกอย่างมาเข้ามาหลอมรวมปรับใช้ในภาพยนตร์ไม่ว่าจะเป็นเทรนด์แฟชั่นการแต่งตัวของคนยุคปัจจุบัน เพลงฮิตติดหู และสไตล์การเต้นที่กำลังได้รับความนิยม วิวัฒนาการของหนังชุดนี้เริ่มต้นขึ้นจากหนังโรแมนติก (STEP UP ภาคแรก) และเริ่มขยับตัวเองมาเป็นหนังแดนซ์เต็มรูปแบบในภาคที่ 2 (มีการโชว์ฉากเต้นสุดหวือหวา) และก้าวเข้าสู่การต่อสู้ (BATTLE) ระหว่างทีมเต้นอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ในภาคที่ 3 ก่อนที่ฉีกแนวใช้ Flash Mob เพื่อเป็นวัตถุประสงค์ในการเล่าเรื่องของภาคที่ 4





ความโดดเด่นของหนังแต่ละภาคล้วนแล้วแต่สร้างคาแรกเตอร์ให้กับหนังแฟรนชายส์ชุดนี้เหมือนเป็นการสั่งสมบารมีให้มันกลายเป็นแฟรนชายส์หนังเต้นแห่งยุคสมัย ที่วัยรุ่นและนักเต้นส่วนมากหลงรักหนัง STEP UP แต่สิ่งที่ค่อนข้างน่าเสียดายก็เกิดขึ้นกับหนังใหม่ในภาคที่ 5 STEP UP ALL IN ที่นอกจากจะไม่สามารถหาจุดเด่นที่สุดให้กับหนังภาคนี้ได้แล้ว องค์ประกอบหลายอย่างที่ควรจะสร้างให้หนังตื่นตาตื่นใจแบบที่ควรจะเป็นก็มลายหายไปกับสายลม

เหตุผลแรกที่ทำให้ STEP UP 5 กลายเป็นหนังที่ดูเลอะเทอะกว่าที่ควรจะเป็นคือตัวอย่างหนังใหม่ใช้การตัดต่อภาพที่ค่อนข้างไม่ลื่นไหลเท่าที่ควร ถ้าเราสังเกตให้ดีว่ากระบวนการเล่าเรื่องของพระเอกฌอน (ไรอัน กุซแมน) นั้น ผู้กำกับไม่สามารถงัดเอาเสน่ห์ของเขาออกมาใช้ได้เลย มิหนำซ้ำตัวละครนี้ยังถูกทำร้ายด้วยการวางคาแรกเตอร์ให้เขาเป็นพวกหัวดื้อที่เหมือนเด็กไม่รู้จักโต ฌอนไล่ตามความฝันจนไม่สนใจคนอื่น ลงไม่เป็นและคิดว่าอนาคตที่สดใสยังรอเขาอยู่เสมอ (ทั้งที่ไม่จะกินก็ตาม), เอาแต่ใจตัวเอง (พยายามบังคับให้นางเอกเต้นท่ายากๆทั้งที่ไม่เคยซ้อมกันมาก่อน) จึงทำให้เขาดูน่าหมั่นไส้มากกว่าจะน่าหลงรัก




เหตุผลข้อที่สองคือ จุดเปลี่ยนในฉากแต่ละช่วงของเรื่องดูเร่งรีบจนแห้งแล้งความตื่นเต้น (รวมไปถึงความสมเหตุสมผล) จริงอยู่ว่าหนังอาจจะมีความเว่อร์หรือเหลือเชื่อได้สำหรับผู้ชม แต่ในขณะเดียวกันหนังเรื่องนั้นก็สมควรจะมีตรรกะในจักรวาลของตัวมันเองด้วยเช่นกัน ฉากเต้นที่ดูเร่งรีบและดูไร้สติพอสมควรก็คือฉากที่ฌอนและมูสเดินทางไปตามหาแอนดี้(บริอันก้า เอวิแกน) ให้มาเข้าร่วมทีมกับเขา ลงเอยด้วยการท้าดวลเต้นในสถานที่ถ่ายแฟชั่น จนทำให้ข้าวของ พร็อพประกอบฉากพังพินาศจนทีมงานต้องเดินมาต่อว่า และแอนดี้ก็เชิดใส่แบบสวยๆว่า “ฉันลาออก” จริงอยู่มันอาจจะเป็นสิ่งที่พาฝันสำหรับคนที่อยากทำอะไรตามใจตัวเอง แต่สิ่งที่ตัวละครนี้ทำก็ดูไม่ต่างอะไรจากพฤติกรรมของเด็กอายุ 15 เลยแม้แต่น้อย

เมื่อเราได้ซึบซับความไม่รู้จักโตของตัวละครพวกนี้มากขึ้นเท่าไหร่ เรายิ่งรู้สึกว่าพฤติกรรมของพวกเขายิ่งดูไม่อยากจะเอาใจช่วยหรือหลงรักพวกเขาในแบบที่เคยเป็นมาในภาคก่อนๆ พวกเขาดูก้าวร้าว เอาแต่ใจตัวเองเป็นที่ตั้งจน “ขาดเสน่ห์” ไปหมด

ซึ่งอันที่จริงแล้วตัวละครอย่าง มูสหรืออดัม จี เซวานี่ ด้วยการกลับมาในภาคนี้เขากลายเป็นตัวละครที่มี “พัฒนาการ” มากที่สุดเมื่อเขาประกอบอาชีพอย่างวิศวกรเป็นเรื่องเป็นราว มี คามีเลีย(อลิสัน สโตนเนอร์) เป็นแฟนสาว เขาเติบโตขึ้นพร้อมๆกับความคิดที่ว่าสุดท้ายแล้วอาชีพนักเต้นนั้นก็ไม่สามารถใช้มันเพื่อหาเลี้ยงชีพได้อย่างมั่นคง เขาจึงลังเลอยู่ไม่น้อยเมื่อฌอนชักชวนให้เขาร่วมทีมเพื่อไปลงแข่งรายการเรียลลิตี้ วอลแทกซ์ซึ่งมีเงินรางวัลล่อใจในการทำโชว์ขนาดยาวในลาสเวกัส ที่นักเต้นจะได้มีโชว์เป็นของตัวเอง



เหตุผลประการที่สามการตัดต่อฉากเต้นของโปรแกรมหนังภาคนี้อยู่ในระดับวิกฤต เมื่อความต่อเนื่อง (Continues) แทบจะเป็นปัญหาสำคัญกับฉากเต้น “โชว์ของ” ต่างๆอาทิ ฉากในห้องแล็บของมูสที่กลายเป็นว่าแทนที่ผู้ชมจะได้ดูฉากเต้นเจ๋งๆ ของบรรดาเหล่านักเต้นจากหนังทั้ง 4 ภาค กลายเป็นแค่ฉากตัวละครมาเต้นกะยึกกะยักจนเราเกิดความสงสัยว่าคลิปออดิชั่นนี้ “เบนซ์ พรชิต ให้ผ่านได้อย่างไรคะ” ไม่เพียงเท่านั้นฉากแดนซ์แบทเทิ้ลครั้งแรกในรายการวอลเท็กซ์ก็ดูเร่งรีบจนเกินไป เหมือนหนังจะรีบๆคัดทีมที่เรารู้ว่ายังไงก็ต้องตกรอบทิ้งๆไปจะได้ไม่เปลืองไฟค่าถ่ายภาพ จนเราไม่ได้ดูทีมเต้นอื่นๆโชว์ศักยภาพในการเต้นสักเท่าไหร่ (เพราะตัดฉึบๆฉับๆ) โผล่มาอีกทีทีมพระเอก(แอลลาเมนทริกซ์) ทีมคู่แข่ง(กริม ไนท์) ทีมเก่าพระเอก(เดอะม็อบ) และทีมหญิงล้วนก็เข้ารอบไปซะดื้อๆ และฉากที่ประสบปัญหานี้อย่างหนักหน่วงก็คือฉากไคลแมกซ์ที่ทีมพระเอกต้องวาดลวดลายในตอนท้าย ซึ่งเห็นได้ชัดเป็นอย่างยิ่งยวดถึงความต่อเนื่องและความสมเหตุสมผลของฉากดังกล่าว

ซึ่งฉากเต้นสุดอลังการของเรื่องนั้น จริงอยู่ที่มันอาจจะน่าสนใจมากตื่นตาตื่นใจมากในแง่ของความเป็น "โชว์” แต่อย่าลืมว่าหนังเรื่องนี้สร้างตรรกะมารองรับตัวเองว่า “นี่เป็นรายการแข่งขันเต้น” คำถามที่ผุดขึ้นมาในหัวของเราก็คือ ตัวละครไปบล้อกกิ้งเวที (Blocking) เวทีกันตอนไหนเพราะใช้พร็อพประกอบฉากเยอะมากขนาดนี้ ไม่มีทางที่พวกเขาจะเต้นได้หากไม่มีการมาร์คจุดกันมาก่อน มิหนำซ้ำหนังยังมีการใช้ “ทราย” ที่ตัวละครโผล่ขึ้นมาจากหลุมแท่นกลางเวที คำถามจึงงอกเพิ่มออกมาอีกว่าพวกเขาไปมุดอยู่ในนี้ตั้งแต่ตอนไหน และต่อจากฉากนี้เพียงวินาทีเดียวก็เป็นฉากโชว์คบเพลิง ซึ่งไม่มีทรายกระจายอยู่บนพื้นฟลอร์แม้แต่นิดเดียว (ทรายเป็นสสารระเหิดได้งั้นสินะ ?) เหล่านี้จึงกลายเป็นเหตุผลคร่าวๆที่หนังขาดความสมจริงสมจังในแง่ของความต่อเนื่องของฉาก





จะว่าไปแล้วก็ใช่ว่าหนังเรื่องนี้จะไร้จุดดี อันที่จริงหนังเปิดหัวเรื่องมาได้น่าสนใจมากกับฉากออดิชั่นเพื่อไปที่ทีมตัวเองจะได้เข้าไปเต้นให้กับงานโฆษณา ด้วยการใส่ประโยคที่ว่า “อาชีพแดนเซอร์นั้นเป็นอาชีพที่ใช้ทักษะในการทำโชว์สูง แต่เมื่อเทียบกับค่าตอบแทนอันต้อยต่ำแล้ว อะไรคือความยุติธรรมสำหรับพวกเขา” นี่อาจจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดของหนังเรื่องนี้แล้วก็ได้

2 คะแนนจาก 5 คะแนน

@พริตตี้ปลาสลิด






แซ่บเว่อร์เมื่ออุ้ม-ลักขณาจัดเต็มลีลาเซ็กซี่ เต้นรูดเสายั่ว “นายหัวหม่ำ”

ถูกผู้กำกับ “หม่ำ-เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา” เลือกมารับบทตัวละครสำคัญ สำหรับนักแสดงสาวเซ็กซี่สตาร์ตัวแม่ของวงการ “อุ้ม-ลักขณา วัธนวงส์ศิริ” ในตัวอย่างหนังใหม่รักหฤโหด โคตรหฤฮา “ทาสรักอสูร” ของค่ายใบโพธิ์ “สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล” และ “บั้งไฟฟิล์ม” ซึ่งงานนี้สาวอุ้มก็จัดเต็มความเซ็กซี่ ให้สมกับบทบาท “เจ็ทสกี” สาวสุดเซ็กซี่ประจำเกาะที่หมายมั่นปั้นมือจะเคลมหัวใจของ “นายหัวเพิ่ม” (รับบทโดย หม่ำ จ๊กม๊ก) ให้จงได้ ทั้งงัดไม้ตาย ทั้งออดทั้งอ้อน ทั้งยั่วทั้งยวนนายหัวเพิ่มแบบสุดตัวอย่างในฉากนี้ที่บอกได้คำเดียว่าสาวอุ้ม แซ่บเว่อร์!! จนทีมงานตาค้างกันไปทั้งกอง





ซึ่งในฉากนี้สาวอุ้มจะต้องโชว์เสต็ปเต้นโพลแดนซ์แบบจัดเต็ม ที่มาพร้อมกับชุดกระต่ายบันนี่สีชมพูสุดเริ่ด ตามสเปคที่ผู้กำกับหม่ำเลือกมาโดยเฉพาะ งานนี้สาวอุ้มถึงกับออกปากว่าฉากนี้หินสุดๆ ด้วยความที่ไม่มีพื้นฐานทางด้านการเต้นโพลแดนซ์มาก่อน จึงต้องมีทีมงานมาติวเข้มให้แบบตัวต่อตัว ซึ่งพอถึงเวลาถ่ายจริงสาวอุ้มก็โชว์ลีลาการเต้นได้ไม่แพ้มืออาชีพ

ซึ่งสาวอุ้มสุดเซ็กซี่พูดถึงการถ่ายทำฉากนี้ว่า........ยากมากค่ะฉากนี้ ขาเขียวไปเลยสองสามวัน คืออุ้มไม่ได้มีพื้นฐานทางการเต้นโพลแดนซ์มาก่อน วันถ่ายพี่หม่ำก็เอาครูมาสอนที่กองเลย ก็เลยเบาใจหน่อย แล้วชุดที่ใส่ก็ไม่ธรรมดา เป็นชุดกระต่ายบันนี่ชมพูมาเลย ก็เต็มที่เพื่อพี่หม่ำค่ะฉากนี้ ตอนถ่ายจริงครูสอนเต้นก็ทำท่าทางต่างๆ ให้ดู แล้วอุ้มก็ต้องจำท่าให้ได้ แล้วก็ต้องเต้นให้ได้เลย แต่โชคดีที่ไม่ได้ถ่ายคัทยาวมาก ก็เลยพอถูๆ ไถๆ ไปได้ แต่พอภาพออกมาแล้ว โอ้โห เรานี่ดูโปรเฟสชั่นนอลมากๆ ก็สนุกมาก ก็ถือว่าเป็นการเปลี่ยนคาแร็คเตอร์อุ้มไปอีกแบบเลย ชมลีลาเซ็กซี่ยั่วยวนปนความฮาของ “อุ้ม ลักขณา” ใน “ทาสรักอสูร” ได้แล้ววันนี้ ทุกโรงภาพยนตร์




เตรียมผวากันอีกรอบ The Ring 3 มาแน่!




แฟนหนังสยองขวัญทั่วโลกคงไม่มีใครไม่รู้จักซาดาโกะหรือซามาร่าอย่างแน่นอน เธอเป็นผีร้ายต้นแบบในชุดขาวพร้อมกับผมยาวสยายที่ปกคลุมหน้าจนทำให้ผู้ชมหลอนผวาติดตากันไปพักใหญ่ๆ และอย่างไรก็ตามที แฟรนชายส์การแตกหน่อหนังสยองขวัญนั้นก็นิยมทำกันไม่แพ้หนังแนวซูเปอร์ฮีโร่เช่นกัน แต่ส่วนมากแล้วชะตากรรมของหนังสยองขวัญภาคต่อมักจะถูกส่งตรงลงตลาดวิดีโอหรือดีวีดีเลยซะมากกว่า

ซึ่งล่าสุดหลังจากที่ The Ring 2 ในเวอร์ชั่นฮอลลีวูดได้เข้าฉายไป จนถึงวันนี้ก็นับรวมเวลาได้ 9 ปีแล้วโปรเจ็ค The Ring 3 ก็เริ่มจะมีความคืบหน้าออกมาให้ผู้ชมเตรียมผวากันครั้งใหม่ ถ้ายังจดจำกันได้ผู้กำกับกอร์ เวอร์บินสกี้ คนทำหนังในปี 2002 ได้รีเมค The Ring จากหนังสยองขวัญญี่ปุ่นสุดฮิตจนมันทำเงินได้ทั่วโลกถึง 249 ล้านเหรียญและในปี 2005 ฮิเดโอะ นากาตะก็มารับหน้าที่กำกับ The Ring 2 ก็สามารถโกยรายได้ทั่วโลกไปถึง 161 ล้านเหรียญ






โดยที่ทางพาราเมาต์สตูดิโอได้เดินหน้าโปรเจ็คหนังภาคต่อเรื่องนี้ด้วยการดึงตัว เอฟ จาเวอร์ กุยเทอร์เรซมารับหน้าที่กำกับหนังภาคใหม่ มี วอเตอร์ พาร์คเกสและ ลอรี่ แมคโดนัลมารับหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ของเรื่อง ซึ่งตัวผู้กำกับอย่าง เอฟ จาเวอร์ กุยเทอร์ นั้นมีผลงานการกำกับหนังไซไฟทริลเลอร์อย่าง Before the Fall และ The Crow ที่กำลังจะมีการรีเมคใหม่

และโครงเรื่องของ The Ring ภาค 3 นั้นก็ยังคงจะวนเวียนอยู่กับเรื่องวิดีโอเทปผีสิง (ซึ่งมาดูกันซิว่าเมื่อเทคโนโลยีก้าวหน้ากันจนเลยยุคเทปไปแล้วหนังจะใช้อะไรมาเป็นตัวแทน) ซึ่งคาดหวังกันเป็นอย่างยิ่งว่าหนังภาคนี้คงจะไม่ใช้วิธีเล่าเรื่องแบบฟาวน์ฟุตเทจ (วิดีโอที่ถูกค้นพบหลังเหตุการณ์จบลงไปแล้ว)






อย่างที่เรารู้กันดีว่าเรื่องราวของเดอะ ริง นั้นกลายเป็นสิ่งที่แทบทุกคนรู้จักและคาดหวังรอคอยกับเรื่องราวใหม่ๆของผีสาวผมยาวตนนี้อยู่...