วันศุกร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ข่าวหนัง 007 Spectre โดนมือดีแฮ็ค และ Stand by Me: Doraemon

เมื่อบท 007 Spectre โดนแฮ็ค นั่นทำให้ทีมงานต้องรีบแก้ไขโดยด่วน




โดยหลังจาก เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2557 ที่ผ่านมา ทางผู้อำนวยการสร้างหนังภาพยนตร์ 007 เจมส์ บอนด์ ไมเคิล จี วิลสัน และ บาบาร่า บร็อคเคอรี่ นั้นได้ประกาศชื่อตอนของภาพยนตร์ 007 เจมส์ บอนด์ อย่างเป็นทางการ กับภาคใหม่ล่าสุดที่มีชื่อว่า SPECTRE โดยที่มีผู้กำกับจากภาคก่อน แซม แมนเดสมากุมบังเหียนอีกครั้ง และ แดเนียล เคร็ก ก็ยังคงกลับมารับบทบอนด์เป็นครั้งที่ 4 อีกตามเคย

ซึ่งทางกองถ่ายจะเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่วันจันทร์ที่ 8 ธันวาคม 2557 และจะมีกำหนดเข้าฉาย วันที่ 6 พฤศจิกายน 2558 โดยที่โปรแกรมหนังเหล่าดารานำที่จะตบเท้าเข้าร่วมแสดงก็ได้แก่

  1. คริสตอฟ วอลท์
  2. ลีอา เวย์ดูซ์
  3. เดฟ บัลทิสต้า
  4. โมนิก้า เบลลุคซิ
  5. แอนดรูวส์ สก็อตต์


เพียงแต่ ว่าเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาทางโซนี่ก็ต้องกุมขมับครั้งใหญ่ เมื่อบทภาพยนตร์ของหนังภาคล่าสุดนั้นเกิดรั่วไหลเพราะโดนแฮ็คเกอร์นำมาเผยแพร่ต่อ ซึ่งในบทภาพยนตร์นั้นมีการกล่าวถึงจุดสำคัญของเรื่องไม่ว่าจะเป็นฉากหลัง – และชื่อตัวละคร นั้นลามไปถึงจุดหักมุมของเรื่องที่สำคัญมาก ซึ่ง 100 หน้าของบทที่รั่วออกมานั้นเต็มไปด้วยฉากแอ็คชั่นและพล็อตตัวละครที่เรียกได้ว่าทั้งตัวละครเลือดเก่าและใหม่คละเคล้ากันไป

ซึ่งถ้าใครยังไม่อยากรู้จุดรั่วไหลของหนังภาคล่าสุดขอแนะนำว่าให้เลิกอ่านจากจุดนี้ไปครับ

โดยที่ในภาคนี้บอนด์จะเริ่มตั้งคำถามถึงอนาคตของตัวเองหลังจากการจากไปของ M หรือ จูดี้ เดนท์ ในภาคก่อน ส่วน ลีอา เวย์ดูซ์ นั้นจะมารับบทเป็นลูกสาวของ M คนก่อน ด้าน แอนดรูวส์ สก็อตต์ จะมารับบทศัตรูของ คนใหม่ ราฟท์ ไฟนน์ ส่วนโมนิก้า เบนลุคซิ น่าจะกลายเป็นสาวบอนด์ฝั่งตัวร้ายที่มีเอี่ยวกับฝ่ายก่อการร้าย

และในตัวบทหนังใหม่นั้นเขียนโดย 1.จอห์น โลแกน , 2.นีล เพอร์วิส และ 3.โรเบิร์ต เวด

เพียงแต่ว่าหลังจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นทางสตูดิโอ MGM จึงต้องหาทางแก้ไขเป็นการด่วนและอาจจะมีการปรับแก้บางส่วนของหนังใหม่เลยทีเดียว






การ์ตูนเรื่อง Stand by Me: Doraemon จากวันที่เรารู้จักกันจนวันลาจาก




โดยหลังจากที่ตัวอย่างหนังใหม่ Stand by Me ได้หยิบช่วงเวลาของโดราเอมอน ในโมเมนต์สำคัญโดยจะเล่าเรื่องราวตั้งแต่ช่วงเวลาที่โดราเอมอนได้เดินทางมายังช่วงเวลาของโนบิตะเพื่อช่วยเหลือในการเปลี่ยนแปลงอนาคตข้างหน้า

ซึ่งโนบิตะ นั้นจะได้รู้จักกับของวิเศษต่างๆ นา ไปจนถึงโนบิตะจะต้องเดินทางไปยังโลกอนาคตเพื่อช่วยเหลือโนบิตะในตอนโตและช่วยเหลือ ชิซูกะ ระหว่างตอนี่เธอกำลังลำบาก และช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดคือตอนนี่โนบิตะจะต้องลาจากจากโดราเอมอนเพื่อกลับโลกอนาคต

และตัวหนังเรื่อง Stand by Me : Doraemon ซึ่งได้ผู้กำกับชาวญี่ปุ่นชื่อดังอย่าง ยามาซากิ ทาคาชิ ที่มีความโดดเด่นในการเล่าเรื่องราวสุดกินใจใน Always: Sunset on the Third Street ทั้งสามภาค ซึ่งตัวเขาเองก็เป็นแฟนหนังสือการ์ตูนโดราเอมอนมาอย่างยาวนานจนเขาต้องเอ่ยปากยอมรับว่าจริงๆ แล้วผลงานงานหลายๆเรื่องของเขานั้นได้รับอิทธิพลอย่างมากจากผลงานของ ฟูจิโกะ เอฟ ฟูจิโอะ อาทิเช่นหนังเรื่อง Juvenile

สำหรับความแตกต่างระหว่างโดราเอมอนในเรื่อง Stand by Me : Doraemon กับโดราเอมอนในตอนยาวๆ แบบอื่นๆ ที่มักจะออกฉายเป็นประจำทุกๆ ปีนั้นอยู่ตรงที่ครั้งนี้งานด้านภาพจะถูกออกแบบมาเป็น 3D และมีการเขียนพล็อตเรื่องขึ้นมาใหม่

โดยที่ทางทีมงานหนังออนไลน์โปรดิวเซอร์นั้นก็ต้องเจรจากับทางฟูจิโกะโปร ผู้ถือลิขสิทธิ์โดราเอมอน ทำให้ทีมงานต้องส่งพล็อตเรื่องไปให้พิจารณา แต่ท้ายที่สุดแล้วทีมงานก็ได้รับไฟเขียวให้กลายเป็นภาพยนตร์ขนาดยาวได้ทันที

สำหรับตัวหนังแล้วจะถูกดัดแปลงมาจากหนังสือการ์ตูนทั้งสิ้น 7 เล่มประกอบไปด้วย

  1. ผู้มาจากโลกอนาคต
  2. ชิซูกะจังในไข่
  3. ชิซูกะจังลาก่อน
  4. ความโรแมนติกบนภูเขาหิมะ
  5. คืนก่อนงานแต่งงานของโนบิตะ
  6. ลาก่อนโดราเอมอน
  7. โดราเอมอนกลับมาแล้ว 


ซึ่งเป้าหมายจริงๆ ของการทำหนังเรื่องนี้ก็คือการเชิญชวนให้ผู้ใหญ่ที่เติบโตมากับโดราเอมอนกลับมาเพื่อเข้าโรงหนังและระลึกความหลังไปพร้อมๆ กัน






วันพฤหัสบดีที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2557

หนัง: มาดูตัวอย่างหนังใหม่ที่จะเข้ามาให้ชมกันต้นปีหน้ากันหน่อยดีกว่า

มาลองย้อนรอยหนังเรื่อง Night at the Museum





ซึ่งถ้าจะพูดถึงหนึ่งในหนังยอดฮิตประจำปี 2006 ซึ่งอันที่จริงแล้วต้นกำเนิดของหนังเรื่องนี้มาจากหนังสือนิทานสำหรับเด็กในปี 1993 ซึ่งเขียนโดย มิลาน เทรนซ์ ได้บอกเล่าเรื่องราวของคุณพ่อที่สมัครงานเข้ามาทำหน้าที่เป็นยามดูแลพิพิธภัณฑ์กะดึกและค้นพบว่านิทรรศการจัดแสดงเหล่านี้ดันมีชีวิตได้ยามวิกาล ตัวหนังกำกับโดยชอนน์ เลวี่ และ สามารถทำเงินไปได้ทั้งสิ้นถึง 574 ล้านเหรียญสหรัฐ

โดยที่เหตุการณ์ในหนังภาคแรกเล่าเรื่องราวของ ลาร์รี่ หรือ เบน สติลเลอร์ คุณพ่อที่เพิ่งหย่าจากภรรยามาหมาดๆ ได้ทำการสมัครทำตำแหน่งยามกะดึก และ ได้พบว่าชาวเผ่ามายัน ที่เป็นนักรบโรมันรวมไปถึงคาวบอยก็ออกมาสู้รบกัน แถมบรรดามนุษย์ยุคหิน นักรบชาวฮั่น ก็ได้เผาฉากหลังของที่จัดแสดงจนเหี้ยน และเจ้าโครงกระดูกทีเรกซ์ก็ดันเข้าใจว่าตัวเองเป็นสุนัขเชื่องๆ ตัวหนึ่ง ท่ามกลางความอลม่านสุดๆ ซึ่งมีแต่ประธานาธิบดี ธีโอดอร์ รูสเวลท์ หรือ โรบิน วิลเลี่ยมส์ ที่ดูพอจะช่วยเหลือเขาและให้คำปรึกษาได้บ้าง อีกทั้งลาร์รี่ยังต้องยับยั้งแผนการชั่วร้ายของการฮุบพิพิธภัณฑ์นี้อีกด้วย


สำหรับตัวหนังนั้นได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบพิพิธภัณฑ์มาจากพิพิธภัณฑ์แห่งชาติประจำประเทศอเมริกาเหนือ แต่ถูกสร้างขึ้นในโรงถ่ายจำลองอีกที ถึงแม้ว่าหนังภาคแรกอาจจะไม่ได้ถูกปากนักวิจารณ์เท่าไหร่นักส่วนมากคะแนนของหนังจะเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ C+ แต่ทว่ากระแสตอบรับจากผู้ชมที่ส่วนมากเป็นครอบครัวซะส่วนใหญ่ก็ทำให้หนังประสบความสำเร็จจนเกิดภาคต่อขึ้นมาในปี 2009





โดยที่หนังเข้าใหม่เรื่อง Night at the Museum: Battle of the Smithsonian นั้นคือภาคต่อภาคดังกล่าว เหตุการณ์ให้หลังจากภาคแรก 3 ปี เมื่อลาร์รี่ตัดสินใจลาออกจากการเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยพิพิธภัณฑ์เงินเดือนน้อย ไปเป็น พนักงานผู้ประดิษฐ์คิดค้นผลิตภัณฑ์ แต่ว่าความคิดถึงอาชีพเดิมทำให้เขาต้องกลับมาทำอาชีพเก่า และ ได้พบว่าบรรดาผองเพื่อนจัดแสดงจากภาคแรก กำลังกลายเป็นวัตถุที่ไม่ควรนำมาจัดแสดงอีกต่อไป รอคอยการส่งไปอยู่รวมกับบรรดาวัตถุโบราณขึ้นหิ้งทั้งหลายที่สถาบันสมิธโซเนี่ยน และทำให้เขาได้พบกับเพื่อนกลุ่มใหม่อาทิ เช่น

  1. อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
  2. อับบราฮัม ลินคอร์น 
  3. อมีเลีย เอียฮาร์ท หรือ เอมี่ อดัมส์


ส่วนในภาคที่ 2 ตัวหนังยังได้รับนักแสดงกลุ่มเดิมกลับมาอย่างครบทีม เสียก็แต่ว่าคำวิจารณ์และรายได้น้อยกว่าภาคแรกอย่างเห็นได้ชัด แต่ถึงอย่างนั้นหนังก็ยังทำกำไรให้กับสตูดิโออย่างฟอกซ์จนหลายปีผ่านไป ปี 2014 ก็มีภาคต่อที่ชื่อว่า Night at the Museum Secret of the Tomb ตามออกมาโกยเงินคนดูอีกครั้ง


พระเอกแชนนิ่ง เททั่ม มาร์ค รัฟฟาโล่ ขอฟิตหุ่น ฝึกมวยปล้ำนาน 4 เดือน เพื่อหนังเรื่อง FOXCATCHER ปล้ำแค่ตาย


เรียกได้ว่าเพราะเป็น ภาพยนตร์ที่สร้างจากเหตุการณ์จริงของ 2 นักแสดงนำของเรื่องเลยก็ว่าได้ ที่ได้จัดเต็มทุ่มเท เพื่อบทบาทที่ได้รับกันแบบสุดตัว โดยที่ แชนนิ่ง เททั่ม และ มาร์ค รัฟฟาโล่ นั้นต้องเพิ่มน้ำหนักและฟิตร่างกาย กว่า 10 ปอนด์ และ ยังต้องเข้าฝึกมวยปล้ำนานกว่า 4 เดือน

เพื่อที่จะได้รับบท มาร์ค และ เดฟ ชูทส์ 2 พี่น้องแชมป์มวยปล้ำเหรียญทองโอลิมปิค ทั้ง เททั่ม และ รัฟฟาโล่ นั้นต่างก็ไม่มีทักษะด้านมวยปล้ำมาก่อน

และนั่นทำให้พวกเขาต้องเรียนรู้ท่าทาง การเคลื่อนไหว โดยทีมงานได้นำ โค้ชผู้ฝึกสอนนักกีฬาของทีมฟ็อกซ์แคชเชอร์ ตัวจริงมาเป็นผู้ฝึกให้ รวมทั้งศึกษาจากวิดิโออีกด้วย แม้ว่า รัฟฟาโล่ จะเคยเล่นมวยปล้ำมาบ้างในสมัยมัธยมปลาย แต่เดฟ ชูทส์เป็นคนถนัดซ้าย ซึ่งทำให้นักแสดงหนุ่มต้องลืมทุกอย่างที่เขาเคยรู้ไปให้หมด  ผมขอท้าให้ใครก็ตามที่เคยคิดว่ากีฬาที่พวกเขาเล่นนั้นโหดหินที่สุดแล้วให้มาลองเล่นมวยปล้ำดู




โดย แชนนิ่ง เททั่ม นั้นเช็ครอบหนังเป็นเพียงคนเดียวในบรรดานักแสดงหลังทั้ง 3 คนที่จะต้องรับบทตัวละครที่ยังคงมีชีวิตอยู่จริงอย่าง มาร์ค ชูทส์ ซึ่งปัจจุบันทำงานเป็นโค้ชมวยปล้ำในโอเรกอน โดยเขามักจะมาเยี่ยมเยียนกองถ่ายอยู่บ่อยๆ การมีเขาอยู่ด้วยเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากครับ และ มาร์คตัวจริงปรากฏตัวในฐานะนักแสดงรับเชิญในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย





สำหรับทาง FOXCATCHER หรือ ฟ็อกซ์แคชเชอร์ หรือปล้ำแค่ตาย คือผลงานการกำกับของ


  • เบ็นเน็ต มิลเลอร์ จากเรื่อง 1.Capote, 2.Moneyball  


ที่ได้รวมนักแสดงแถวหน้าอย่าง 1.แชนนิง เททั่ม สตีฟ และ 2.คาเรล มาร์ค รัฟฟาโล่ หนังที่สร้างจากเรื่องจริงของคดีฆาตกรรมที่สั่นสะเทือนไปทั่ววงการกีฬา กับเหตุการณ์สะเทือนขวัญครั้งยิ่งใหญ่ของวงการมวยปล้ำสหรัฐ เรื่องราวของสองพี่น้องนักมวยปล้ำผู้ยิ่งใหญ่ เดฟ มาร์ค รัฟฟาโล่ และ มาร์ค แชนนิ่ง เททัม ชูทส์ เจ้าของดีกรีเหรียญทองโอลิมปิกและแชมป์มวลปล้ำโลก 2 สมัย




ที่ต้องผ่านการดิ้นรนต่อสู้จนกลายมาเป็นสุดยอดนักมวยปล้ำที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่ก่อนที่จะได้เป็นเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิคสมัยต่อไป เดฟ ชูทส์ กลับถูกฆาตกรรมลงอย่างเลือดเย็น

ซึ่งนักวิจารณ์ทั่วโลกต่างก็ยกย่องให้ FOXCATCHER เป็นภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแห่งปีซึ่งจะเปิดเผยเบื้องหลังเหตุการณ์จริงที่สะเทือนใจคนทั้งประเทศ FOXCATCHER ปล้ำแค่ตาย เข้าชิง 3 รางวัลลูกโลกทองคำ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม นักแสดงสบทบชายยอดเยี่ยม 8 มกราคม 2015


ตัวอย่างหนังใหม่ Foxcatcher ปล้ำแค่ตาย Official Trailer HD [ซับไทย]


วันพุธที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2557

บทวิจารณ์หนังเรื่อง The Hobbit: The Battle of the Five Armies+Boruto

บทวิจารณ์หนังเรื่อง The Hobbit: The Battle of the Five Armies





ซึ่งต้องขอออกตัวไว้ก่อนว่าจริงๆ แล้ว ว่าส่วนตัวไม่ได้ชื่นชอบ หนังไตรภาคของฮอบบิทมากถ้าเทียบเท่ากับเรื่อง The Lord of The Ring สักเท่าไหร่ เนื่องจากตัวนิยายของ The Hobbit นั้นเรียกได้ว่าความยาวสั้นกว่า หนังสือ 1 ภาคของหนังเรื่อง The Lord of the ring ด้วยซ้ำไป

และการที่จะนำหนังมายืดขยายให้มีความยาวถึง 3 ภาคนั้นเหตุผลประการเดียวที่ฟังขึ้นที่สุดก็คือการที่สตูดิโออาศัยบุญเก่าและชื่อของ ปีเตอร์ แจ็คสัน ผู้กำกับในการนำมาหากินเพื่อโกยรายได้ให้กับสตูดิโออย่างวอร์เนอร์นั่นเอง

แต่เราก็ไม่ขอปฏิเสธเรื่องความบันเทิงของหนัง แฟรนชายส์มัชฌิมโลก ถึงแม้ว่าตัวเองจะแอบสัปปะหงกตลอดทั้งสองภาคก่อนที่ผ่านมาก็ตามที และถ้าหากเอามาเปรียบเทียบกับไตรภาคมหากาพย์แหวนครองพิภพแล้ว ฮอบบิทก็ล้วนเป็นรองในทุกๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นความบันเทิงหรือเนื้อหาสาระของตัวเรื่องเองที่คาราวานแห่งแหวนนั้นจะมีรายละเอียดในการทำภารกิจมากกว่า การผจญภัยของบิลโบ แบ๊กกินส์

และจะว่าไปแล้วอันที่จริงนั้นเหตุการณ์ของหนังในภาคเรื่อง The Battle of the Five Armies สามารถรวบจบได้ตั้งแต่ The Hobbit: The Desolation of Smaug เพราะว่าหลังจากที่บรรดาเหล่าคนแคระไปปลุกมังกรสมอว์กให้ตื่นขึ้นมาแล้ว

สำหรับเนื้อเรื่องต่อจากนั้นก็มีแค่เพียงการที่กองทัพทั้ง 5 เหล่าทัพบุกมาเพื่อช่วงชิงทรัพย์สมบัติคืน ซึ่งถ้าว่ากันในเชิงการทำโปรแกรมหนังแล้วเหตุการณ์เหล่านี้สามารถเล่าจบได้ภายในครึ่งชั่วโมง




แต่ว่าก็อย่างที่ได้กล่าวไว้ตามที่ได้เกริ่นนำไว้ว่าด้วยเหตุผลทางการตลาด ฉากการสู้รบกว่า 45 นาทีที่อัดแน่นไปด้วยฉากแอ็คชั่นจึงจัดเต็มให้ผู้ชมสนุกไปกับการโรมรันกันอย่างบ้าเลือด จนเราอาจจะกล่าวได้ว่ามันเป็นฉากรบที่สนุกและยาวมากเรื่องหนึ่งในรอบปี 2014 แต่เมื่อเทียบกับองค์ประกอบอื่นๆในหนังแล้ว ภาคนี้ก็แทบจะจัดได้ว่าเป็น ภาคยืด มากกว่าภาคจบ

ซึ่งถึงแม้ว่าทุกอย่างในตัวอย่างหนังใหม่จะล่องลอย ไม่ได้มีเนื้อหาสาระเป็นชิ้นเป็นอัน การเกริ่นเรื่องราวของศัตรูผู้ยิ่งใหญ่อย่างซอรอนที่จะมีบทบาทสำคัญมากในเรื่อง The Lord of the ring ก็เป็นจุดที่น่าสนใจไม่ว่าจะเป็นพล็อตช่วงสั้นๆ ตอนที่เลดี้การาเดรียลเดินทางมาช่วยแกนดัลฟ์ และใช้พลังขับไล่ซอรอนไป รวมไปถึงฉากจบก่อนที่จะเป็นฉากเปิดเรื่องในไตรภาคแห่งแหวนด้วย


โดยสิ่งที่คิดว่าคุ้มค่าอีกประการก็คือการชมภาพยนตร์เรื่องนี้ในรูปแบบ 3D รวมไปถึง IMAX ที่เรียกได้ว่างานด้านภาพนั้นค่อนข้างตื่นตาตื่นใจมากๆ ในการรับชมแบบจอใหญ่ยักษ์ เพราะอย่างน้อยใครก็ตามที่ติดตามแฟรนชายส์หนังชุดนี้มานมนาน ปรากฏการณ์แบบนี้ไม่ได้มีกันบ่อยๆในโรงภาพยนตร์

@พริตตี้ปลาสลิด

มอบให้ 3 คะแนนจาก 5 คะแนน


การ์ตูน Boruto - Naruto the Movie เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว






หลังจากที่ อาจารย์ คิชิโมโตะ มาซาชิ ได้ออกมาเปิดเผยภาพยนตร์ภาคใหม่ Boruto  Naruto the Movie  อย่างไม่เป็นทางการไปแล้วในงานเปิดฉายภาพยนตร์เรื่อง The Last  Naruto the Movie  ในวันที่ 6 ธันวาคม 2014 ที่ผ่านมา

โดยในตอนนั้นยังไม่มีภาพและข้อมูลอะไรออกมาให้ดูกันเลย เพราะเป็นการเปิดเผยจากปากเท่านั้น และในวันนี้ได้มีการเปิดตัวภาพยนตร์อย่างเป็นทางการแล้ว ที่เว็บไซต์ http://www.boruto-movie.com

และสำหรับการ์ตูนเรื่อง นารูโตะ แม้ว่าจะอวสานไปแล้วในตอนที่ 700 และมีภาพยนตร์ The Last Naruto the Movie ออกมาเพื่อเสริมเรื่องราวความรักของนารูโตะก่อนที่จะแต่งงานและมีลูก

ซึ่งหากดูจากชื่อก็คิดว่าจะหมดแค่นี้ แต่ดูเหมือนทาง Jump จะยังไม่อยากให้จบลงง่ายๆ เพราะกระแสก็ยังค่อนข้างดีอยู่ จึงมีการดำเนินเรื่องต่อไปยังรุ่นลูกของนารูโตะแทน

และหากใครที่อ่านตอนจบของหนังเข้าใหม่การ์ตูนนารูโตะมาแล้วก็คงรู้จัก Boruto ลูกชายของนารูโตะกันดี ซึ่งจริงๆ แล้วโปรเจคภาคลูกนี้ก็มีการวางแผนทำมานานแล้ว ในชื่อ Naruto's New Era Opening Project ที่เคยเกริ่นไปก่อนหน้านี้




และสำหรับภาพที่ปรากฎอยู่ในเว็บไซต์ของภาพยนตร์เรื่องย่อละคร Boruto Naruto the Movie น่าเสียดายว่ายังไม่ใช่ภาพใหม่ แต่เป็นการตัดเอาภาพส่วนหนึ่งของการ์ตูนนารูโตะตอนที่ 700 มาให้ดูเท่านั้น เพราะมันสื่อถึงเนื้อหาหลักๆ ในภาพยนตร์ นั่นก็คือการฝึกฝนเป็นนินจาของโบรูโตะ ตามที่นารูโตะได้กล่าวกับลูกของเขาในการ์ตูนตอนที่ 700 ไว้ว่า พ่อรู้ว่าลูกอาจจะต้องลำบาก แต่ลูกก็ต้องเรียนรู้และอดทน เพราะลูกก็เป็นนินจาเหมือนกัน และมีข้อความด้านล่างว่า ยุคใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

วันอังคารที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2557

เช็ครอบหนัง : เบย์แมกซ์ ที่น่ากอดในหนังเรื่อง BIG HERO 6

กว่าจะกลายมาเป็น เบย์แมกซ์ ที่น่ากอดในหนังเรื่อง BIG HERO 6







สำหรับตัวหนังของเรื่อง เบย์แมกซ์ ที่ดูออกจะเป็นห่วงคุณ เพราะว่าเขาถูกออกแบบมาเพื่อการนั้น หน้าที่ของหุ่นยนต์ยักษ์เบิ้มที่พองลมได้ นั่นก็คือการเป็นพยาบาลส่วนตัว เพียงแค่สแกนแบบง่ายๆ เบย์แมกซ์ก็สามารถตรวจสภาพร่างกาย และสามารถรักษาอาการเจ็บไข้ได้ป่วยได้ทุกชนิด ตามแต่ระดับความเจ็บปวดของคนไข้ โดยเบย์แม็กซ์ที่ถูกคิดค้นและสร้างขึ้นโดย ทาดาชิ ฮามาดะ อาจจะเป็นสิ่งที่พลิกโฉมหน้าของวงการสุขอนามัยก็เป็นได้  และนี่คือนิยามของเจ้าหุ่นตัวขาวที่ใครๆ ก็หลงรัก




ซึ่งแม้ว่าจุดเริ่มต้นของเรื่อง Big Hero 6 นั้นจะเกิดขึ้นจากคลังของมาร์เวล ทีมผู้สร้างโปรแกรมหนังก็กล่าวว่าซีรีส์การ์ตูนเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องเล็กๆ และไม่เป็นที่รู้จักมากนัก

แต่ว่า ดอน ฮอลล์หนึ่งในผู้กำกับ Big Hero 6 ถามจอห์น ลาสซีเตอร์ว่า เขาจะเข้าไปในโลกมาร์เวลเพื่อหาแรงบันดาลใจสำหรับหนังเรื่องถัดไปของตนได้รึเปล่า ดอนได้รับการสนับสนุนให้ลองมองเข้าไปในคลังของมาร์เวล และ หนึ่งในโปรเจ็กต์ที่ผมพบก็มีชื่อว่า Big Hero 6 เขาไม่เคยรู้จักชื่อมันมาก่อน แต่ดอนก็ชอบมากทีเดียว

สำหรับกระบวนการงานสร้างและการค้นคว้าเรื่องของหุ่นยนต์ เบย์แมกซ์ ฮอล ได้ใช้เวลาขลุกอยู่กับนักวิจัยที่มหาวิทยาลัย คาร์เนจี้ เมลลอน เขาได้พูดคุยกันอย่างสนุกสนานเกี่ยวกับหุ่นยนต์ใน ป็อป คัลเจอร์ และ ได้เรียนรู้ว่าพวกเขากำลังค้นคว้าเรื่องของหุ่นยนต์ตัวอ่อนนุ่ม ที่ทำจากยางไวนิล พองลมได้และไม่เป็นอันตราย น่าสนใจแค่ไหน




และถึงแม้ว่าในโลกภาพยนตร์หนังเข้าใหม่ไม่ค่อยจะมีหุ่นยนต์ถูกนำเสนอในแง่ดีซักเท่าไหร่ แต่ความรักในเรื่องเทคโนโลยีของตัวละครฮิโระได้รับแรงบันดาลใจส่วนหนึ่งมาจากนักวิจัยชาวญี่ปุ่นอีกเช่นกัน


โดยที่ตัวหนังนั้นจะนำเสนอเรื่องราวหลังจากเกิดความสูญเสียขึ้นกับฮิโระ และนั่นเป็นเรื่องลำบากเช่นกันในการสร้างเรื่องราวต่อมา คริส วิลเลียมส์ ผู้กำกับร่วมอีกคน กล่าวว่า ผมชอบตัวละครอย่างเบย์แมกซ์ที่เพิ่งเกิดใหม่ และได้มองเห็นโลกในรูปแบบแปลกใหม่ แล้วเราก็ได้เห็นโลกทั้งใบอีกครั้งผ่านทางดวงตาของพวกเขา ตัวอย่างหนังใหม่ตัวละครอย่างเบย์แมกซ์ทั้งไร้เดียงสา บริสุทธิ์ เรียบ ความใสซื่อของเบย์แมกซ์ทำให้ฮิโระอ่อนอกอ่อนใจและกลายเป็นเพื่อนกับเขาในที่สุดครับ





วันศุกร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2557

บทวิจารณ์หนัง EXODUS: GODS AND KING

บทวิจารณ์หนัง EXODUS: GODS AND KING




ถ้าจะว่ากันตามตรงหนังของผู้กำกับริดลีย์ สก็อตต์นั้นไม่ได้มีจุดประสงค์สร้างขึ้นเพื่อสดุดีศาสนาคริสต์ หรือแม้กระทั่งอยากจะโชว์อิทธิปาฏิหาริย์ของโมเสสเองก็ตาม แต่ด้วยท่าทีของหนังและสายตาที่ผู้กำกับเล่าเรื่องราวนั้นเรียกได้ว่ามีความแตกต่างในเชิงรายละเอียดปลีกย่อยกับตัวพระคัมภีร์ไบเบิ้ล

หรือจะกระทั่งผลงานหนังคลาสสิคของ ซีซิล บี เดอมิลล์ ผู้กำกับชั้นครูกับเรื่อง The Ten Commandments ในปี 1956

หรือแม้แต่ผลงานแอนิเมชั่นของค่ายดรีมเวิร์กอย่าง The Prince of Egypt ซึ่งเอาเข้าจริงๆ แม้กาลเวลาจะผ่านไปแต่ดูเหมือนผู้คนจะจดจำกันได้แต่เพลงประกอบภาพยนตร์ When You Believe ที่มารายห์ แครี่ร้องคู่กับวิทนีย์ ฮูสตันผู้ล่วงลับ


ตัวอย่างหนังใหม่ เรื่อง EXODUS: GODS AND KING




สำหรับเรื่อง EXODUS: GODS AND KING ที่ได้เปิดเรื่องราวมาที่ช่วงเวลาที่ โมเสส และ รามเสส ได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว โดยทั้งสองเป็นพี่น้องที่ดูเหมือนจะสนิทชิดเชื้อกันพอสมควร

แต่แล้วเหตุการณ์สำคัญก็ได้เกิดขึ้น เมื่อเทพพยากรณ์ได้ทำนายทายทักว่าในสนามรบที่ทั้งสองจะต้องออกไปต่อกรกับพวกฮิทไตท์ที่ได้ยกทัพมาจะเข้าโจมตี ประเทศอียิปต์  ซึ่งเมื่อคนหนึ่งพลาด อีกคนจะเข้ามาช่วยเหลือไว้และเขานั้นจะได้เป็นใหญ่ในภายภาคหน้า และในสนามรบรามเสสเกิดเพลี่ยงพล้ำให้กับศัตรู และโมเสสได้เข้ามาช่วยเหลือเขาได้ทันเวลา แต่นั่นทำให้รามเสสเกิดนึกถึงคำพยากรณ์ขึ้นมาและจับคันธนูขึ้นเพื่อจะยิงศรใส่โมเสส เพราะเขาคิดว่าโมเสสอาจจะเป็นคนที่ขึ้นบัลลังก์กษัตริย์แทนเขา




ซึ่งเหตุการณ์ในวันนั้นเริ่มก่อชนวนแห่งความขัดแย้งระหว่างทั้งสอง เวลาผ่านไปไม่นานเมื่อพระบิดาของรามเสสสิ้นชีพตามอายุขัย ทำให้รามเสสต้องขึ้นครองราชย์ การขึ้นเป็นกษัตริย์ของเขาเป็นไปอย่างชอบธรรม แต่ทว่าฝีมือในการบริหารจัดการนั้นยังเรียกได้ว่าอ่อนหัดและต้องอาศัยความช่วยเหลือจากโมเสส

แต่ว่ารามเสส นั้นเป็นคนหูเบา และมีขุนนางที่ต้องการจะกำจัดโมเสสไปให้พ้นทาง เรื่องราวทางสายเลือดของโมเสสจึงโดนขุดคุ้ยขึ้นมาว่าแท้จริงแล้วเขาไม่ใช่เชื้อสายราชวงศ์แต่เป็นลูกทาสชาวฮิบรูที่ถูกเก็บมาจากตะกร้าริมน้ำ นั่นเป็นผลให้โมเสสต้องถูกเนรเทศออกจากเมืองไป

และเหตุการณ์ต่อจากนี้โมเสสได้พบกับเมืองเล็กๆ ที่เลี้ยงแกะเป็นอาชีพ เขาได้แต่งงานและมีลูกกับหญิงคนหนึ่ง ก่อนวันหนึ่งเขาก็เหมือนจะได้รับโองการจากพระเจ้า ในรูปลักษณ์ของเด็กคนหนึ่ง ให้เดินทางกลับไปช่วยเหลือชาวฮิบรูที่ตกเป็นทาสของชาวอียิปต์ซึ่งถูกกดขี่และใช้แรงงานอย่างหนักเพื่อสร้างพระราชวังใหม่ของรามเสส จุดเปลี่ยนครั้งนี้ทำให้เขาต้องเดินทางกลับยังนครที่เขาถูกเนรเทศออกมา




และความน่าสนใจของหนังเริ่มก่อตัวขึ้นตั้งแต่การปรากฏตัวของพระเจ้า เพราะเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ภายหลัง จากหินถล่มมากระแทกหัวของโมเสส ซึ่งความเคลือบแคลงของผู้กำกับหนังเผยออกมาให้เห็นว่านิมิตของโมเสสกับการเห็นพระเจ้านั้นอาจจะเกิดจากสมองกระทบกระเทือนหรือเขาเห็นพระเจ้า แบบที่คนอื่นไม่เห็นจริงๆ

ทั้งยัง ด้วยสายตาแบบการตั้งข้อสงสัยของผู้กำกับริดลีย์ สก็อตต์ ตามไบเบิ้ล ที่เกิดเหตุอาเพศเกิดขึ้นกับเมืองอียิปต์ที่เริ่มต้นขึ้นจากการที่จระเข้ในแม่น้ำไนล์เกิดกัดกินกันเองจนทำให้แม่น้ำเปลี่ยนแปลงเป็นสีเลือด จน ทำให้เกิดเหตุต่อเนื่อง ด้วยการที่เหล่าสัตว์น้ำก็พากันล้มตาย ซึ่งเหตุการณ์แต่ละอย่างนั้นตัวผู้กำกับเหมือนจะพยายามโน้มน้าวให้คนดูเชื่อว่า เป็นปรากฏการณ์ เหล่านี้ยังยืนอยู่บนพื้นฐานของหลักการทางวิทยาศาสตร์ ไม่ได้เป็นเรื่องเหนือธรรมชาติแต่อย่างใด

ไม่ว่าอย่างไรก็ตามแม้ว่าทุกอย่างในหนังเข้าใหม่จะถูกคละเคล้าระหว่างวิทยาศาสตร์กับไสยศาสตร์ก็ตาม เพราะฉากไฮไลท์ท้ายเรื่องอย่างตอนทะเลแดงนั้น ก็ไม่ได้ถูกถ่ายทอดออกมาในมุมมองของปาฏิหาริย์ น้ำในทะเลแดงลดลงราวกับปรากฏการณ์น้ำขึ้นน้ำลงเป็นเวลาชั่วคราว มากกว่าในเวอร์ชั่นอื่นๆ ที่โมเสสปักไม้เท้าลงแล้วทะเลแดงก็แหวกออกเหมือนเป็นม่านน้ำ




โดยที่อีกหนึ่งฉากของรอบหนังที่น่าจดจำไม่แพ้กัน ก็คือฉากหลังจากที่ชาวฮิบรูรอดพ้นจากกองทหารอียิปต์มาได้สำเร็จแล้ว พวกเขาก็เฉลิมฉลองกันอย่างสนุกสนานจนพระเจ้าในร่างเด็ก ถึงกับส่ายหน้าไม่พอใจและเป็นผลสืบเนื่องให้โมเสสได้รับโองการให้เขียน แผ่นหินบัญญัติสิบประการ ขึ้นมาเพื่อเป็นคำสอนให้กับชาวฮิบรู

ถ้ามองโดยรวมแล้ว EXODUS: GODS AND KING ไม่ใช่หนังที่รีเมคงานเก่า แต่มันคือการเลือกตีความตำนานในมุมใหม่ แม้มันอาจจะไม่ได้โดดเด่นในแง่ของบท แต่งานโปรดักชั่นของเรื่องเรียกได้ว่าคุ้มค่าและเหมาะอย่างยิ่งที่จะรับชมปรากฏการณ์นี้ในโรงภาพยนตร์

มอบให้ 4 ดาวจาก 5 ดาว

@พริตตี้ปลาสลิด

วันอังคารที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2557

5 เรื่องน่ารู้ก่อนดูหนัง The Hobbit: The Battle of the Five Armies

มาดู 5 เรื่องน่ารู้ก่อนดูหนัง The Hobbit: The Battle of the Five Armies




1.ปิดฉากหนังเรื่อง HOBBIT เตรียมกรุยทางสู่เรื่อง The Lord of The Ring

หลังจากที่ทาง บิลโบ แบ๊กกินส์ และ เพื่อนๆ นั้นได้ไปปลุกมังกร แห่งสมอว์ก ขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ นั่นทำให้มันโกรธแค้นและทำร้ายผู้คน ที่ไม่มีทางสู้ในเมืองทะเลสาบด้วยความเดือดแค้น ด้วยความต้องการที่อยากจะไปทวงคืนทรัพย์สมบัติ

นั่นทำให้ธอรินยอมเสียสละมิตรภาพและเกียรติยศเพื่อใส่ร้ายว่าเป็นแผนชั่วของบิลโบ เพื่อทำให้เขาเห็นเหตุผลที่ควรให้ฮอบบิทเดินหน้าต่อไปท่ามกลางความรุนแรงและภัยอันตราย แต่กลับมีอันตรายที่โหดร้ายกว่ารออยู่เบื้องหน้า ซึ่งไม่มีใครมองเห็นได้นอกจากพ่อมดแกนดัล์ฟ ศัตรูผู้ยิ่งใหญ่อย่างซอรอนได้เคลื่อนทัพไปพร้อมกับกองทัพออร์คเพื่อแอบซุ่มโจมตีที่หุบเขาเดียวดาย ซึ่งศึกครั้งสำคัญแห่งมิดเดิ้ลเอิร์ธกำลังจะเริ่มต้นขึ้น

2.ความยาวของรอบหนังเรื่อง The Battle of the Five Armies นั้นสั้นกว่า Transformers 4

ซึ่งหลังจากที่ ปีเตอร์ แจ็คสัน ได้ตัดต่อหนังภาคนี้เสร็จแล้วเป็นที่เรียบร้อย ตัวหนังก็มีความยาว แบบไม่รวมเครดิต ก็ประมาณทั้งสิ้น 2 ชั่วโมง 30 นาที ซึ่งจะว่าไปแล้วตัวหนังมีความสั้นกว่า Transformers 4 ถึง 15 นาที ซึ่งตัวผู้กำกับกล่าวว่าหนังภาคนี้จะมีความเป็นหนังระทึกขวัญมากขึ้น โครงสร้างเรื่องจึงต้องมีความกระชับมากขึ้น

3.ในการทำงานล้วนต้องมีการเปลี่ยนแปลง

ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีตัวหนังตั้งใจจะสร้างแค่เป็นดูหนังใหม่สองภาคจบ ตัวหนังเลยถ่ายแบบเรียงลำดับความต่อเนื่องจาก 1 ไป 2 และพบว่ามีความยุ่งยากหลายประกาเกิดขึ้นตั้งแต่ผู้กำกับอย่าง กิลเยโม เดลโตโร่ ขอถอนตัวออกจากโปรเจ็คไป ซึ่งวันที่ฉายที่ถูกวางเอาไว้อย่างแน่นอนและไม่สามารถเลื่อนกำหนดได้ สถานที่ในการถ่ายทำไม่เอื้ออำนวย จนกระทั่งวันที่หนังภาคสามเสร็จสมบรูณ์พร้อมฉาย ปีเตอร์ แจ็คสันได้แต่บอกตัวเองว่า ผมภูมิใจกับผลงานชิ้นนี้จัง

4.ตัวหนังใช้ทุนสร้างถึง 754 ล้านเหรียญเลยทีเดียว

ซึ่งก็ได้กลายเป็นหนังเรื่องแรกที่เมื่อหารเฉลี่ยให้กับหนังทั้งสามภาคแล้วตกภาคละ 248 ล้าน ซึ่งเยอะมาก ในเชิงสถิติแล้ว Pirate of The Caribbean 3 เคยใช้ทุนสร้าง 665 ล้านเหรียญ และ Spider-man ของแซม ไรมี่ ก็มีต้นทุนการสร้าง 597 ล้านเหรียญ

5. ตัวของ Billy Boyd จะมารับหน้าที่ของเพลงปิดท้ายภาพยนตร์ที่มีชื่อว่า The Last Goodbye

สำหรับเพลง The Last Goodbye ได้ทำการขับร้องโดยบิลลี่ บอยด์เป็นทั้งการบอกลามิดเดิ้ล เอิร์ธและบอกลาผู้ชม เหตุผลที่ทางทีมงานเลือกให้ บิลลี่ บอยด์ ซึ่งร่วมงาน ตั้งแต่แรกเริ่มและเป็นผู้รับบท เพอรีกริน ทุค ในภาพยนตร์เรื่อง The Lord of The Rings ได้มาช่วยแต่งและบรรเลงเพลงปิดท้ายผลงานไตรภาคเรื่องนี้ บิลลี่ไม่ได้เป็นแค่นักแสดงที่น่าทึ่งตัวอย่างหนังใหม่ แต่ยังเป็นนักร้องและนักแต่งเพลงที่มีความชำนาญมากด้วย




วันจันทร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2557

หนังใหม่: ไอฟาย แต๊งกิ้ว เลิฟยู้,Big Hero 6 บิ๊กฮีโร่ 6

ทุบสถิติหนังไทย ไอฟาย แต๊งกิ้ว เลิฟยู้ เปิดตัวรายได้สูงสุดถึง 29 ล้าน




เพียงแค่เปิดตัววันแรกก็ทำรายได้อึ้งกันทั้งบางแล้ว สำหรับภาพยนตร์เรื่องล่าสุดจาก GTH ไอฟาย แต๊งกิ้ว เลิฟยู้ ที่ทำลายสถิติหนังไทย ทำรายได้วันเปิดตัวสูงสุดตลอดกาล ที่ 29.17 ล้านบาท ส่วนแชมป์เก่าอย่าง ภาพยนตร์เรื่อง พี่มาก พระโขนง ภาพยนตร์จากค่ายเดียวกัน ที่เคยทำร้ายได้เปิดตัวไว้ที่ 21.20 ล้านบาท

สำหรับรอบหนังเรื่อง ไอฟาย แต๊งกิ้ว เลิฟยู้ ผลงานการกำกับของ เมษ ธราธร ที่ได้เคยฝากผลงานกำกับภาพยนตร์เรื่อง ATM ให้คนดูได้ฮากรามค้างมาแล้ว โดยหนังเรื่องนี้ได้พระเอกมาดเซอร์อย่าง ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ จะมาประกบคู่กับนางเอกร้อยล้านอย่าง ไอซ์ ปรีชญา พงษ์ธนานิกร และทีมนักแสดงสุดฮาที่ขนความฮามาไว้ในเรื่องให้ได้หัวเราะอย่างหยุดไม่อยู่




เพียงแค่วันแรกยังเปิดตัวแรงขนาดนี้ ใครอยากสัมผัสความแรงของภาพยนตร์เรื่อง ไอฟาย แต๊งกิ้ว เลิฟยู้ ต้องไปติดตามกันได้ ทุกโรงภาพยนตร์ งานนี้อาจ ฟุดฟิดฟอไฟ ไม่ถนัด แต่รับประกันความฮาสนั่นโรงแน่นอน!

ตัวอย่างหนังใหม่เรื่อง ไอฟาย แต๊งกิ้ว เลิฟยู้





ดูหนัง Big Hero 6 บิ๊กฮีโร่ 6




  • ชื่อหนังภาษาไทย : บิ๊กฮีโร่ 6 
  • ชื่อหนังภาษาอังกฤษ : BIG HERO 6 
  • จัดจำหน่ายหนังโดย : Disney


เนื้อเรื่องย่อละคร/หนัง Big Hero 6  บิ๊กฮีโร่ 6

เริ่มต้นด้วยเรื่องราวอันน่าประทับใจและมุกตลกที่แฟนๆคาดหวังจาก วอลท์ ดิสนีย์ แอนิเมชั่น สตูดิโอส์ สู่ภาพยนตร์แอ็คชั่นผจญภัยแฝงอารมณ์ขันอย่าง Big Hero 6  บิ๊กฮีโร่ 6 ที่เป็นเรื่องราวของหนุ่มน้อยนักประดิษฐ์ ฮิโระ ฮามาดะ ที่กำลังเรียนรู้ถึงอัจฉริยภาพที่เขามี

ซึ่งก็ต้องขอบคุณ

  • ทาดาชิ พี่ชายจอมปราดเปรื่องของเขา 

รวมถึงเพื่อนๆ อย่าง

  • โกโก ทามาโกะ จอมคนไฮเปอร์
  • วาซาบิ โนะ-จินเจอร์ จอมเจ้าระเบียบ
  • ฮันนี่ เลม่อน จอมแม่มดเคมี
  • แฟนบอย เฟรด 

ซึ่งเมื่อหายนะกำลังคลืบคลามเข้ามาและดึงพวกเขาเข้าไปสู่เรื่องราวสุดอันตรายที่เกิดขึ้นใน ซานฟรานโซเกียว เมืองลูกผสมระหว่าง ซานฟรานซิสโก กับ โตเกียว

โดยที่ฮิโระ จึงต้องพึ่งหุ่นยนต์เพื่อนซี้ของเขาที่ชื่อ เบย์แมกซ์ และเปลี่ยนเพื่อนๆ ของเขาให้กลายเป็นกลุ่มของฮีโร่สุดไฮเทคเพื่อคลี่คลายเรื่องราวที่เกิดขึ้น

สำหรับภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่มีกลิ่นอายของมังงะ หรือการ์ตูนญี่ปุ่น เรื่องนี้ได้นักแสดงมากมายมาร่วมให้เสียง ตัวละครต่างๆ ซึ่งได้แก่




  1. คนแรก ไรอัน พอตตเตอร์ ให้เสียง ฮิโระ ฮามาดะ
  2. คนที่สอง สก็อตต์ แอดซิท ให้เสียง เบย์แมกซ์
  3. คนที่สาม ที เจ มิลเลอร์ ให้เสียง เฟรด
  4. คนที่สี่ เจมี่ ชุง ให้เสียง โกโก ทามาโกะ
  5. คนที่ห้า เดม่อน เวย์ยันส์ จูเนียร์ ให้เสียง วาซาบิ
  6. คนที่หก เจเนซิส โรดิเกวซ ให้เสียง ฮันนี่ เลม่อน
  7. คนที่เจ็ด แดเนียล เฮนนี่ ให้เสียง ทาดาชิ ฮามาดะ พี่ชายของฮิโระ
  8. คนที่แปด มายา รูดอล์ฟ ให้เสียง ป้าแคสส์
  9. คนที่เก้า เจมส์ ครอมเวลล์ ให้เสียง ศจ โรเบิร์ต คัลลาแกน
  10. คนที่สิบ อลัน ทูไดค์ ให้เสียง อลิสแตร์ เครย์ 

  1. ผลงานการกำกับโดย ดอน ฮอลล์ และ คริส วิลเลี่ยมส์ 
  2. ผลงานอำนวยการสร้างโดย รอย คอนลิ


ภาพยนตร์หนังใหม่มีกำหนดเข้าฉาย 4 ธันวาคม 2557

ตัวอย่าง Big Hero 6

วันพฤหัสบดีที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ข่าวดาราหนังดาราฮอลลีวู้ด แองเจลิน่า โจลี่,ไชอา ลาบัฟ

ปาปารัซซี่เกือบทำ แองเจลิน่า โจลี่ หวิดดับ! เหตุเพราะขับรถไล่ตาม




ในช่วงระหว่างที่แองเจลิน่า โจลี่ กำลังจะเดินทางกลับมาจากการโปรโมตหนังภาพยนตร์ที่เธอกำกับเองอย่างเรื่อง Unbroken แต่ทว่าระหว่างที่เธอกำลังเดินทางกลับโดยมีคนขับรถเป็นสารถีนำทางอยู่นั้น รถก็ยังไม่ถึงที่พักโจลี่ก็ดันมาประสบอุบัติเหตุเสียก่อน

ซึ่งในระหว่างทางนั้น มีผู้เห็นเหตุการณ์ได้เล่าว่า รถยี่ห้อ SUV สีดำ คันที่โจลี่นั่งอยู่ วิ่งมาอย่างไวก่อนที่จะเบียดกับขอบถนนจนยางแตกและท้ายที่สุดไปเกยกับเกาะกลางถนน แต่โชคดีที่คนขับสามารถควบคุมรถไว้ได้ทัน และเหตุที่เกิดขึ้นมานี้มีปัจจัยมาจากแวดล้อมและสภาพถนนที่ลื่น

แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์ ซึ่งเมื่อรถจอดนิ่งแล้ว โจลี่ก็รีบลงมาจากรถเพื่อดูว่ารถของเธอนั้นไปชนกับรถคันอื่นหรือมีใครได้รับบาดเจ็บหรือไม่ แต่ท้ายที่สุดก็ไม่มีใครเป็นอะไร ทางโจลี่เองก็แค่มีแผลถลอกเล็กน้อยเท่านั้น

ซึ่งโจลี่เองก็ไม่ได้ต้องเข้าทำการเช็ครอบหนังรักษาตัวที่โรงพยาบาล และในเวลาต่อมาก็มีรถอีกคันมารับเธอเพื่อส่งกลับบ้าน



เวลาก็ล่วงเลยมา กว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเดินทางมาถึงสถานที่เกิดเหตุก็เรียกได้ว่าใช้เวลานานพอสมควร ทางตำรวจได้รับแจ้งว่าเหตุที่เกิดขึ้นนี้มาจากการที่บรรดาปาปารัซซี่ขับรถไล่ตามรถของโจลี่จนคนขับไม่สามารถควบคุมรถได้และเกิดเหตุดังกล่าวในที่สุด

ซึ่งนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ หากใครยังพอจำกันได้ กับเหตุการณ์ช็อคโลก ซึ่งเป็นการจากไปของเจ้าหญิงไดอาน่า นี่ก็เป็นอีกสาเหตุซ้ำซากแบบเดียวกับเหตุการณ์นี้นั่นเอง


เมื่อพระเอกหนุ่ม ไชอา ลาบัฟ โดนขยี้กามในงานจัดแสดงศิลปะ




เมื่อ ไชอา ลาบัฟ นักแสดงหนุ่มที่แจ้งเกิดและโด่งดังมาจากภาพยนตร์หนังเข้าใหม่แฟรนชายส์เรื่อง Transformers และ เขามักจะตกเป็นข่าวฉาวอยู่บ่อยครั้งกับพฤติกรรมเพลย์บอยของเขา แต่ว่าล่าสุดเขาก็ออกมาเปิดใจกับนักข่าวว่า ถึงแม้ว่าตัวเองจะเป็นเสือผู้หญิงแค่ไหนก็ยังไม่วาย โดนผู้หญิงหื่นใส่เข้ากับตัวเองมาแล้วเหมือนกัน

สำหรับไชอา นั้นได้ออกมายอมรับว่าล่าสุดเมื่อหลายเดือนก่อนตอนที่เขารับจ๊อบพิเศษในงานศิลปะในธีม #IAMSORRY ซึ่งได้จัดแสดงงาน ใน โคเฮน แกลเลอรี เบเวอร์ลี่ บูเลวาร์ด ใน นคร ลอสแอนเจอลิส

โดยที่ตัวของไชอาเองจะนั่งนิ่งๆ บนเก้าอี้เป็นเวลา 5 วันพร้อมกับครอบถุงกระดาษที่เขียนไว้ว่า I Am Not Famous Anymore ไว้ที่หัว ซึ่งมีผู้ชมงานมากมายจะเข้ามาชมงานศิลปะนี้และใช้เวลาสักพักร่วมกับเขา




แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อมีผู้หญิงคนหนึ่งที่มาชมงานพร้อมกับแฟนหนุ่ม ที่รออยู่ด้านนอกห้องจัดแสดง ซึ่งผู้หญิงคนดังกล่าวก็ได้เอาขาของเธอมาถูกับขาของ ไชอา สักระยะหนึ่งก่อนที่เธอจะเริ่มถอดเสื้อผ้าของ ไชอา ออกและจับเขาขืนใจ

ด้านนอกห้องที่เขาอยู่ มีคนที่ต่อคิวจะชมการแสดงนี้อีกมากมาย หญิงสาวที่ออกมาจากห้องจัดแสดงในสภาพหัวฟู รอยลิปสติกเปื้อนนั้นย่อมดูไม่ดีในสายตาคนอื่นๆ เขาได้กล่าว อันที่จริงแล้วเหตุการณ์แบบนี้ดูเหมือนว่าไม่น่าจะใช่แค่การขืนใจ เพราะถ้าหากฝ่ายชายไม่ปล่อยให้ฝ่ายหญิงกระทำเลยตามเลย เหตุการณ์ดังกล่าวก็คงไม่เกิด

วันอังคารที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2557

หนังฟอร์มยักษ์ประเดิมปี 2015 เรื่อง Mortdecai,Single Lady เพราะเคยมีแฟน

จอห์นนี่ เดปป์ จะกลับมามอบความหฤหรรษ์ฟอร์มยักษ์ประเดิมปี 2015 เรื่อง Mortdecai




เมื่อ จอห์นนี่ เดปป์ ที่เป็นซูเปอร์สตาร์หนุ่มเจ้าของฉายา นักแสดงพันหน้า แห่งโลกภาพยนตร์ ผู้สวมบทบาทคาแรคเตอร์อันเป็นเอกลักษณ์ และโดดเด่นโดนใจคอหนังมาแล้วอย่างน่าทึ่งชนิดที่ว่ายากจะหานักแสดงคนใดทำได้อย่างเขา ไม่ว่าจะเป็นบท

  1. เรื่องแรก เอ็ดเวิร์ด มือกรรไกร หรือหนังเรื่อง Edward Scissorhands 
  2. เรื่องที่สอง วิลลี่ วองก้า นักผลิตช๊อคโกแล็ต หรือ Charlie and the Chocolate Factory 
  3. เรื่องที่สาม แจ๊ค สแปร์โรว์ โจรสลัดจอมเพี้ยนหลุดโลก หรือ Pirates of the Caribbean  
  4. เรื่องที่สี่ แฮตเตอร์ คู่หูผู้ที่ออกเดินทางร่วมผจญภัยไปกับ สาวน้อยอลิซ หรือ Alice In Wonderland 





ซึ่งในปีนี้ นั้นจะเป็นอีกครั้งที่ดาราหนุ่มเจ้าบทบาท จะขอทุ่มสุดตัวพลิกโฉมกลับมาใน มาด คาแรคเตอร์ของนักสืบมาดกวนป่วนแสบ

โดยเรื่องย่อละครจัดเต็มทั้งเสน่ห์อันแพรวพราว และ เล่ห์เหลี่ยมอันเหนือชั้น พร้อมทั้งสร้างคาแรกเตอร์ที่ไม่เหมือนใครให้ผู้ชมต้องคลั่งไคล้หลงใหล ในภาพยนตร์แอ็คชั่นมันส์สุดฮา ฟอร์มเยี่ยมเรื่อง Mortdecai จะขอพาผู้ชมเรื่องราวของสายลับในคราบนักซื้อขายงานศิลปะมาดผู้ดี ชาร์ลี มอร์ตเดอไค หรือ จอห์นนี เดปป์ ที่มีภรรยาสวยเริ่ดแต่จอมเหวี่ยงอย่าง โจฮันนา หรือ กวินเนธ พัลโทรว์




ซึ่งคนรับใช้ขาโหดคู่ใจอย่าง จ็อค หรือ พอล เบททานีย์ นั้นออกตะลุยภารกิจระดับโลก เมื่อเขาได้รับมอบหมายจาก สารวัตรมาร์ตแลนด์ หรือ ยวน แมคเกรเกอร์ ให้งัดเอาเสน่ห์ และใช้ทุกเล่ห์กล ในการตามหาภาพเขียนอันล้ำค่าที่ถูกขโมยไป

โดยที่คำร่ำลือนั้นว่ากันว่ามีรหัสลับซ่อนไว้ซึ่งอาจนำไปสู่ขุมสมบัติล้ำค่าจำนวนมหาศาลของพวกนาซี 

เตรียมมาพบกับความฮาให้หนวดกระดิกกับความหรรษาประเดิมปี 2015 ไปพบกับ จอห์นนี่ เดปป์ ใน เรื่อง  MORTDECAI  วันที่ 22 มกราคม ปี 2015










อั้ม คืนจอเงิน สวยเริ่ด เจิดแจ่ม ในหนังเรื่อง Single Lady เพราะเคยมีแฟน




หลังจากที่นักแสดงสาว สวย หมายเลขหนึ่ง ฝีมือแพรวพราว อั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ หวนสู่จอเงินอีกครั้ง ในหนังภาพยนตร์โรแมนติก คอมเมดี้เรื่อง Single Lady เพราะเคยมีแฟน ผลงานเรื่องล่าสุด จากค่าย ทรานส์ฟอร์เมชั่น ฟิล์ม Transformation Films ที่หลายคนเห็นแล้วต้องอินกับบทบาทเพราะความสวย รวยความเจิด พร้อมลงจอฉายต้อนรับเดือนแห่งความรักวันที่  5 กุมภาพันธ์ 2558




เรื่องเริ่มจาก ไบรท์ หรือ อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ ที่เป็นสาวสวยนักการตลาดที่มีงานอดิเรกเป็นบล็อกเกอร์ ไอดอลสาวโสด มีชีวิตครบทุกอย่าง และคิดว่าตัวเองมีความสุขได้โดยไม่ต้องมีความรัก แต่เมื่อโดนหมอดูทักว่า มีคนที่รักเธอยังคงทุกข์ใจจากเรื่องในอดีตดูหนังฟรีส่งผลให้เธอไม่พบกับรักแท้ และชีวิตการงานที่กำลังดีก็จะซวยหนัก ไบรท์เลยต้องกลับไปตามหาและช่วยเหลือคนรักเก่าเหล่านั้น

โดยที่มี เข้ม หรือ เป้ อารักษ์ อมรศุภศิริ ชายหนุ่มที่มีเหตุต้องเข้ามาช่วยเหลือภารกิจครั้งนี้ให้สำเร็จ ปฏิบัติการครั้งนี้จะทำให้เธอได้มีโอกาสเรียนรู้และเข้าใจถึงการค้นพบ ความรัก ที่มีความสุขอย่างแท้จริงได้หรือไม่ ?

ก็ต้องมาลองติดตามพบกับ คาแร็คเตอร์ของอั๊มในเรื่องนี้จะนำเสนอมุมมองความโสดของหญิงสาวมาเกี่ยวข้อง ที่หลายคนอาจจะต้องตั้งคำถามควบคู่ไปกับหน้าที่การงาน จริงๆ น่าจะเป็นอีกมุมมองที่ใกล้เคียงกับชีวิตของสาวโสดทุกคน ที่เคยมีประสบการณ์ความรักมาแบบนี้เช่นกัน

เพียงแต่ว่า จะเคยพบ และเคยเจอในรูปแบบไหน กันมานั่นเอง พร้อมกับผ่านเรื่องราวในชีวิตสุข ทุกข์ สนุก สมหวัง ภาพยนตร์เรื่องนี้คนดูจะได้เห็นในหลายๆ มุม ที่ไม่เคยเห็นอั้มเล่นมาก่อนแน่นอนค่ะ ไอดอล สาวโสด ที่สวย เก่ง มาดมั่น ฝีปากกล้า ปลายคีย์บอร์ดคมกริบจัดจ้าน 

และอีกหลายๆ ฉากที่ต้องกลับไปสะสางกับบรรดาแฟนเก่า เพื่อทำให้ทุกคนได้สมหวัง เรื่องนี้ทำให้อั้มเหมือนได้กลับมาเจอบรรยากาศเก่าๆ อีกครั้ง ทั้งผู้กำกับ พี่อั๋น หรือ ธนกร พงษ์สุวรรณ ที่เคยร่วมงานกันตั้งแต่หนังเรื่องแรกที่อั้มเล่นคะ พี่อั๋นเป็นคนที่มี




ในเรื่องมุมมองทั้ง ทางภาพและทางบท ที่ทันสมัย หรือนักแสดงที่คุ้นเคยกันอย่าง เป้ หรือ อารักษ์ อมรศุภศิริ ทุกคนทำงานกันมืออาชีพมาก เมื่อได้ร่วมงานกันแล้วทำให้งานผ่านพ้นไปได้ด้วยดีค่ะ สนุก เฮฮา เมื่อได้มาเจอกันทุกวัน ซึ่ง ถือเป็นประสบการณ์การทำงานที่คุ้มค่ามากๆ

และเชื่อว่าเรื่องนี้น่าจะได้เป็นแรงบันดาลใจ ให้คนที่โสดหรือกำลังมีความรักได้ค้นหาอะไรจากตัวเองอยู่ สำหรับใครที่รอติดตามผลงานชิ้นนี้อดใจรออีกนิดนะคะ เช็ครอบหนังวันที่  5 กุมภาพันธ์ ปีหน้า จะได้ชมกันแน่นอนใน Single Lady เพราะเคยมีแฟนคะ อั้ม พัชราภา นั้นรอให้ทุกคนได้เจิดจ้าวันที่  5 กุมภาพันธ์ 58 ไปพร้อมๆ กัน ทุกโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ

ต้องขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก ทรานส์ฟอร์เมชั่น ฟิล์ม Transformation Films

วันจันทร์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2557

หนังเรื่อง HORNS,วิจารณ์หนังเรื่อง BEFORE I GO TO SLEEP

หนังเรื่อง HORNS คนมีเขา แต่นี่เป็นหนังรัก!!!





สำหรับหนังเรื่อง HORNS นั้นจะบอกเล่าเรื่องราวของ อิ๊ก เพอริช  หรือ แดเนียล แรดคลิฟฟ์ ที่ขึ้นมาพบว่าตัวเองตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆ่าแฟนสาวของตัวเอง และไม่เพียงแค่นั้นเขายังมีเขาซาตานงอกอยู่บนหัวอีกด้วย

แต่ว่าสิ่งที่เป็นเหมือนกับคำสาปก็ก่อให้เกิดพรสวรรค์ใหม่ เมื่อ อิ๊ก นั้นได้พบว่าตัวเองมีพลังพิเศษในการโน้มน้าวให้ทุกคนทำสิ่งที่เขาต้องการ และทำให้คนๆ นั้นสารภาพบาปที่เคยทำออกมาได้ ดังนั้นเขาจึงใช้พลังที่ได้มาใหม่นี้ในการตามล่าหาตัวคนที่ฆ่าแฟนของเขา

เรื่องนี้เป็นผลงานการกำกับของ อเล็กซานเดอร์ เอจา ซึ่งคิดว่าชาวไทยน่าจะคุ้นเคยชื่อของเขาจากหนังปลากินคนอย่างเรื่อง Piranha 3D ซึ่งถ้าเอาจริงๆ เขานั้นได้รับสมญานามว่าเป็นผู้กำกับหนัง เลือดสาด มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ไม่ว่าจะเป็นรอบหนังเรื่อง


  • 1.Haute Tension
  • 2.The Hills Have Eyes
  • 3.Mirrors 


ดังนั้นการเล่าเรื่องของคนมี เขา ซึ่งงอกออกมาบนหน้าผากพร้อมคำตราหน้าที่ว่าเขาเป็นคนฆ่าแฟนตัวเองจึงเรียกได้ว่าน่าสนใจไม่แพ้ผลงานเรื่องก่อนๆ เลยทีเดียว



โดยที่ตัวของ เอจา เองก็มองหาโอกาสในการกำกับงานภาพยนตร์ใหม่ๆ ในการกำกับ ซึ่งหนังอย่าง Horns นั้นก็คือการลงไปสำรวจในความมืดมนของมนุษย์ ตัวหนังนั้นดัดแปลงมาจากนวนิยายในชื่อเดียวกันซึ่งได้รับการแปลมาแล้วหลายภาษารวมถึงภาษาไทย สัมผัสที่ 7 สัมผัสต้องสาป เขียนโดย โจ ฮิลล์

ตัวของ โจ ฮิลล์ ผู้เขียนนิยายนั้นมองว่า เขาสงสัยว่าจะเป็นอย่างไรถ้าหากสามารถมีพลังพิเศษในการรับรู้ถึงเรื่องราวที่ย่ำแย่ที่สุดของทุกคนรอบตัว

ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเรื่องแรงกดดันทางใจที่เลวร้ายที่สุดและมืดดำที่สุด เราจะยังคงไว้วางใจและรักเขาต่อไปหรือไม่ หรือยังคงจะสนิทใจกับคนรอบข้างอยู่หรือไม่ และมันจะส่งผลเช่นไรกับตัวเรา

โดยที่ไม่เพียงเท่านั้นฮิลล์ยังเพิ่มเติมอีกว่า ตัวผมคาดหวังว่าคำสารภาพเหล่านี้จะเปลี่ยนให้อิ๊กกลายเป็นปีศาจเจ้าอารมณ์ เขาอาจจะต้องเกลียดมนุษย์ แต่มันก็เป็นเรื่องยากที่จะมาสั่นคลอนความดีงามที่อยู่ในตัว เพราะบางทีแล้วการรับรู้เรื่องราวที่เลวร้ายที่สุดของคนรัก แต่เราก็ยังคงต้องรักเขาต่อไป




บทวิจารณ์หนังเรื่อง BEFORE I GO TO SLEEP







ซึ่งพล็อตเรื่องของตัวอย่างหนังใหม่เรื่อง BEFORE I GO TO SLEEP นั้นว่าด้วยการตื่นนอนของหญิงสาวคนหนึ่งที่ความทรงจำของเธอจะลบเลือนและรีเซ็ตตัวเองทุกครั้งหลังจากที่นอนหลับและตื่นขึ้นมาในรุ่งเช้าของอีกวัน เธอจะไม่สามารถจดจำได้ว่าเหตุการณ์ในช่วงเวลาของวันที่ผ่านมาจะเกิดอะไรขึ้นซึ่ง คริสทีน หรือ นิโคล คิดแมน นั้นคือเจ้าของอาการดังกล่าว

เรื่องของ จุดเริ่มต้นของลูปเวลาในหนังนั้นเกิดขึ้นตอนที่คริสทีนได้รับเสียงโทรศัพท์จากคุณหมอที่อ้างตัวเองว่าชื่อ ด็อกเตอร์แนช หรือ มาร์ค สตรอง ผู้เล่าเรื่องราวว่าเขาเป็นแพทย์ที่รักษาเธอและให้เหตุผลว่าสาเหตุที่คริสทีนความจำรีเซตมาโดยตลอดนั้นเกิดจากการที่เธอถูกทำร้ายด้วยของแข็งที่ศีรษะหลายครั้งจนสมองได้รับความกระทบกระเทือนและสูญเสียความทรงจำไป ความพยายามที่เขาช่วยเหลือเธอก็คือให้คริสทีนอักวิดีโอเพื่อเล่าเรื่องราวของตัวเองเอาไว้ทุกคืนก่อนนอนโดยห้ามให้สามีอย่าง เบน หรือ โคลิน เฟิร์ธ รู้เด็ดขาด

ถึงแม้ว่าปัจจุบันคริสทีนจะอายุ 40 ปี แต่ความทรงจำของเธอหยุดเวลาอยู่แค่ปีที่ 27 ของชีวิต นั่นหมายความว่าเธอจะช็อคกับทุกเช้าที่ร่างกายของเธอได้เปลี่ยนแปลงไปจนเธอแทบจำไม่ได้ ภาวะสูญเสียความทรงจำนี้ทำให้เธอหวาดระแวงคนรอบตัว และคนที่รู้สึกไม่น่าไว้วางใจที่สุดก็คือเบนสามีของตัวเอง

ซึ่งในขณะที่เบนไม่น่าไว้วางใจเพียงไรก็ตาม แต่เขาก็ดูเหมือนว่าชีวิตแต่งงานที่เขาต้องแบกรับความภาระอันหนักอึ้งในการดูแลภรรยาที่สูญเสียความทรงจำไปแล้ว ในทุกๆ วันเขาจะต้องพยายามทำให้เธอจดจำเหตุการณ์ในช่วงเวลาที่ผ่านมาให้ได้นั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับสภาพจิตใจของเขาด้วยเช่นกัน

แต่ว่าสิ่งที่เขาพยายามจะบอกกับคริสทีนในทุกๆ วันนั้นจะแน่ใจได้อย่างไรว่านั่นไม่ใช่เรื่องเล่าประโลมโลกที่ความจริงแล้วเป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก

เรื่องนี้ ผู้กำกับอย่าง โรแลนด์ จอฟฟี่ ได้เลือกจะเล่าหนังในสไตล์ที่เรียกได้ว่าค่อนข้างเนิบนาบ ไม่ได้พยายามเร้าอารมณ์คนดูแบบหนังทริลเลอร์ทั่วไป ซึ่งแน่นอนว่าหนังพยายามใส่ความเคลือบแคลงให้กับตัวละครทุกๆตัวไม่เว้นแม้กระทั่งคริสทีนเองที่ เธอก็ดูเหมือนมีความลับอะไรบางอย่างอยู่เหมือนกัน และเมื่อหนังค่อยๆแบไต๋อะไรบางอย่างออกมาให้ผู้ชมรับรู้ ก็เรียกได้ว่าหนังก็มี กลวิธี ในการทำให้ผู้ชมอย่างจะติดตามว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป

และก็เป็นที่แน่นอนว่ามีกระแสที่คนจะหยิบยกหนังทริลเลอร์ที่ฉายไล่เลี่ยกันอย่าง Gone Girl มาเปรียบเทียบกับหนังเรื่อง BEFORE I GO TO SLEEP ซึ่งแน่นอนว่ามัน แตกต่าง กันพอสมควร ผลงานของ เดวิด ฟินเชอร์นั้นถูกเล่าด้วย มุมมองใหม่ กว่า และมันเร้าอารมณ์ผู้ชมมากกว่า ในขณะที่ BEFORE I GO TO SLEEP เป็นทริลเลอร์ที่นิ่งกว่าและเลือกจะฮุคหมัดเด็ดด้วยการช็อคผู้ชมในตอนท้ายตลบเดียว

สำหรับการแสดงของนักแสดงนำไม่ว่าจะเป็น

  1. นิโคล
  2. โคลิน
  3. มาร์ค 


ซึ่งก็อาจจะเรียกได้ว่าพวกเขาทำหน้าที่ของตัวเองได้สมน้ำสมเนื้อ แม้ว่าจะไม่ได้มีฉากที่โชว์พลังทางการแสดงแบบพีคมาก แต่ก็มี ฉากปล่อยของ ที่น่าจดจำอยู่เหมือนกัน

@พริตตี้ปลาสลิด

ให้ 3 คะแนนจาก 5 คะแนน

วันพุธที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ไรอัน พอตเตอร์ เป็นผู้ที่ให้เสียง ฮิโระ ฮามาดะ Big Hero 6

ไรอัน พอตเตอร์ เป็นผู้ที่ให้เสียง ฮิโระ ฮามาดะ Big Hero 6





หลังจากที่ ไรอัน พอตเตอร์ ที่เป็นพากย์เสียงหนัง ฮิโระ ฮามาดะ

  1. อาชีพ นักแสดง 
  2. อาชีพ ผู้กำกับ 
  3. อาชีพ ผู้เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้
  4. อาชีพ ช่างภาพ
  5. อาชีพ นักการกุศล 


ซึ่งหนุ่มหล่อคนนี้ ได้เติบโตขึ้นในเมืองโตเกียวประเทศญี่ปุ่น จนกระทั่งอายุได้ 7 ขวบ และภาษาแรกที่เขาพูดได้คือภาษาญี่ปุ่น และเขาก็ชื่นชอบการ์ตูนและอนิเมะมาโดยตลอด

ซึ่งในปี 2014 เขาได้แสดงตัวอย่างหนังใหม่ เรื่อง Senior Project และภาพยนตร์เรื่อง Underdog Kids นอกจากนี้ เขายังได้แสดงใน Supah Ninjas ทางนิคเคลโลเดียน ในบทนักเรียนไฮสคูลผู้ค้นพบว่าเขาสืบเชื้อสายมาจากตระกูลนินจา

และนอกเหนือจากการแสดงแล้ว เขายังชำนาญศิลปะการต่อสู้หลายแขนง เขาเริ่มฝึกฝนกังฟูสไตล์เสือขาวตอนอายุได้ 8 ขวบ และได้ศึกษากังฟูสไตล์อู่ซู่ คาราเต้และคาโปเอรา

ทั้งนี้นอกเหนือจากสไตล์เสือขาวแล้ว เขายังได้ฝึกฝนทริคกิ้งและปาร์กูร์อีกด้วย ล่าสุดเขาคือผู้ให้เสียงที่แสนมีเสน่ห์กับ ฮิโระ ฮามาดะ ใน Big Hero 6 - บิ๊กฮีโร่ 6 ภาพยนตร์แอนิเมชั่นลำดับที่ 54 จาก วอลท์ ดิสนีย์ แอนิเมชั่น สตูดิโอส์ ผลงานภาพยนตร์เรื่องล่าสุด จาก ดิสนีย์ – มาร์เวล ที่สร้างโดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากหนังสือการ์ตูนเรื่องเยี่ยมของ มาร์เวล คอมิคส์




เขาได้กล่าวว่า ผมต้องเป็น ฮิโระ ฮามาดะ ที่เป็นอัจฉริยะด้านหุ่นยนต์ ผู้มีความชาญฉลาดและมีหัวใจในวัยแบบเด็ก 14 ปีครับ ฮิโระอยู่กับหุ่นยนต์ต่อสู้ที่ล้ำสมัย ที่ครองบัลลังก์รอบหนังการต่อสู้หุ่นยนต์ใต้ดินที่จัดขึ้นในมุมมืดของ ซานฟรานโซเกียว

แต่ว่าเขานั้นก็เป็นตัวสร้างปัญหาครับ จริงๆ แล้ว เขาเป็นเด็กที่มีจิตใจดีงามนะครับ เขาโชคดีที่ทาดาชิ ซึ่งเป็นพี่ชายของเขา ได้แนะแนวทางการใช้ความสามารถอันปราดเปรื่องให้ และยังเป็นแรงบันดาลใจ ให้เขาใช้สมองของตัวเอง เพื่อให้เข้าเรียนที่สถาบันเทคโนโลยีซานฟรานโซเกียวได้ 

ซึ่งเขายังได้แนะนำให้ฮิโระรู้จักเพื่อนๆ ของเขาและสิ่งที่พวกเขาทำที่ซานฟรานโซเกียว เทค พอฮิโระได้เห็น 1.วาซาบิ, 2.ฮันนี, 3.โกโก หรือกระทั่ง 4.เฟร็ด ได้ลงมือทำงาน เขาก็ตระหนักได้ว่ามันยังมีอะไรอย่างอื่นในโลกกว้างใบนี้ที่ทำให้เขาสนใจได้น่ะครับ

สำหรับ ฮิโระ ที่กำลังเติบโตจากการเป็นเด็กชาย สู่การเป็นชายหนุ่มครับ ดอน ฮอล ผู้กำกับ ได้เล่าและแชร์ไอเดียเหล่านี้ให้ผม ซึ่งมันเป็นช่วงเวลายากลำบากของเด็กและวัยรุ่นบางคน

เพราะว่าบางทีเขาจะสร้างนิสัยร้ายกาจและปลงตกกับชีวิตขึ้นมา คือหน้าที่ผม ที่จะต้องทำให้เด็กหนุ่มคนนี้มีน้ำเสียงที่น่าเอ็นดูมากๆ ไม่ว่าเขาจะทำอะไร ก็ต้องลดความร้ายกาจของตัวละครตัวนี้ ในแบบที่ทำให้เขาดูสมจริง แต่ก็ต้องมีเสน่ห์ด้วย

ซึ่งโชคดีที่ผมเองโตขึ้นมากับการดูหนังฟรีดิสนีย์ และผมก็โตขึ้นมากับการอ่านการ์ตูนมาร์เวลด้วย ดังนั้น พอผมได้ยินว่ามีหนังดิสนีย์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการ์ตูนมาร์เวล และมีตัวเอกเป็นเด็กเชื้อสาย เอเชีย /อเมริกัน ผมต้องเป็นส่วนหนึ่งของมันให้ได้ และผมก็ต้องทำให้มันออกมาให้ดีที่สุดครับ ไรอัน พอตเตอร์ ผู้พากย์เสียง ฮิโระ กล่าว




หลังจากที่หนุ่มคนนี้ได้อุทิศตนให้กับการวาดเขียนและการถ่ายภาพ บ่อยครั้งที่เขาได้ทำทั้งสองอย่างพร้อมๆ กันด้วยการสร้างสื่อผสมผสานขึ้นมา และเขาก็ได้กำกับและถ่ายทำวิดีโอหนังเข้าใหม่ศิลปะการต่อสู้ของตัวเอง อีกทั้งยังประทับใจกับดนตรีทุกแนวอีกด้วย เขาวางแผนที่จะเรียนต่อวิทยาลัยในปีหน้าเพื่อศึกษาด้านภาพยนตร์และศิลปะ

สำหรับตัวของ พอตเตอร์ นั้นมุ่งมั่นกับการกระตุ้นการรับรู้สำหรับองค์กรการกุศลหลายแห่ง รวมถึง

  1. มูลนิธิ โคเวแนนท์ เฮาส์
  2. บิ๊ก บราเธอร์ส และ บิ๊ก ซิสเตอร์ส ออฟ อเมริกา 


ซึ่งเขาได้ทำงานให้กับ บิ๊ก บราเธอร์ นาน 10 ปี และทำหน้าที่เป็นโฆษกแห่งชาติมาตั้งแต่ปี 2012 นอกเหนือจากนั้น ทอย บ็อกซ์ ออฟ โฮป องค์กรการกุศลที่พอตเตอร์ ตั้งขึ้นเองในปี 2011 ก็ได้กระตุ้นการรับรู้และระดมเงินบริจาคให้กับเด็กๆ ที่ไร้บ้านในลอสแองเจลิส




วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

รอบหนัง Gundam The Origin I ตำนานท่านชาร์ กำหนดฉายแล้ว

รอบหนัง Gundam The Origin I ตำนานท่านชาร์ กำหนดฉายแล้ว




ซึ่งถ้าให้ลองนึกถึงรอบหนังตัวร้ายของเรื่อง กันดั้ม ขึ้นมาสักหนึ่งตัว คุณจะคิดถึงตัวไหนเป็นตัวแรก? ผมเชื่อได้เลยว่าแฟนกันดั้มที่ติดตามเรื่องนี้มานาน จะต้องนึกถึงท่านชาร์ อัสนาเบิ้ล หรือดาวหางสีแดงก่อนใครอย่างแน่นอน

เพราะว่าแกเป็นตัวร้ายที่ทั้งเก่งและมีเอกลักษณ์มากที่สุดในบรรดาตัวร้ายของกันดั้มทุกภาค แม้ว่ากัมดั้มภาคที่ชาร์มีบทบาทอยู่นั้นจะจบไปนานแล้ว แต่กระนั้นตัวละครแกก็ยังคงได้รับความนิยมและกล่าวถึงอยู่เสมอๆ แถมยังถูกนำมาวาดเป็นหนังการ์ตูนนอกเรื่องภาคพิเศษมากมาย อย่าง กันด๊าม กันดั้ม และ เรื่องฮาประจำวันของทั่นชาร์

ซึ่งเรื่องของท่านชาร์ นั้นได้รับความสนใจมากนี้ และทาง Sunrise ก็เลยได้จับชาร์มาแสดงอีกรอบ ในกันดั้มภาคชีวประวัติของท่านชาร์ Mobile Suit Gundam: The Origin Blue-Eyed Casval ให้แฟนๆ นั้นทราบที่มาของท่านชาร์อย่างละเอียดกันไปเลย

โดยอันที่จริงแล้วประวัติของท่านชาร์นี้ มีลงรายละเอียดไว้ในนิยายและหนังสือการ์ตูนแล้ว แต่สำหรับคนที่ไม่ได้อ่านก็อาจยังไม่ทราบ ก็เลยทำเป็นอนิเมะ OVA ให้ชมกันเลยง่ายกว่า นอกจากนี้ยังทำขึ้นเพื่อฉลองครบรอบ 35 ปี กันดั้มด้วย



และเนื้อเรื่องย่อละครของ Mobile Suit Gundam: The Origin Blue-Eyed Casval นั้นจะเล่าเรื่องราวตั้งแต่ตอนที่ ชาร์ หรือ แคสวาล ตอนยังเด็ก พ่อของเขาได้เริ่มก่อตั้งสาธารณรัฐซิออน ซึ่งเป็นอาณานิคมของบรรดาผู้อพยพจากโลกมาอาศัยอยู่ในอวกาศ และพ่อของเขายังมีนโยบายสนับสนุนให้มนุษย์ขึ้นมาอาศัยในอวกาศ เพื่อวิวัฒนาการของมนุษย์ด้วย

แต่ว่ายังไม่ทันที่จะได้ทำอะไรก็ถูกตระกูลซาบี้ลอบสังหารและยึดอำนาจไป ทำให้ลูกๆ ทั้งสองคนคือ แคสวาล เรม ไดคุน และ อัลทิเซีย ซอม ไดคุน ต้องลีภัย ได้รับการช่วยเหลือไปใช้ชีวิตอยู่ในโคโลนี่เท็กซัส จนกระทั่งโตขึ้น แคสวาลได้ลอบเข้าไปเรียนในโรงเรียนเตรียมทหารของซิออน โดยใช้ชื่อว่า ชาร์ อัสนาเบิ้ล ที่มีหน้าตาคล้ายกัน ต่างกันที่สีตา ส่วนอัลทิเซีย น้องสาว ใช้ชื่อปลอมว่า เซร่า มาส ไปเข้าเป็นทหารของฝ่ายสหพันธ์โลก

สำหรับตัวอย่างหนังใหม่เรื่อง Mobile Suit Gundam: The Origin Blue-Eyed Casval นั้นเป็นอนิเมะแบบ OVA แต่จะมีฉายทางโรงภาพยนตร์ด้วย นาน 90 นาที ภาคแรกกำหนดฉายวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ถึง 13 มีนาคม 2015 ที่ญี่ปุ่น และจะมีขายเวอร์ชั่น DVD และ Bluray ตามมา