วันพฤหัสบดีที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

สตีเว่น สปีลเบิร์กอยากได้คริส แพรตต์ เล่น INDIANA JONES

ลือหรือจริง!! สตีเว่น สปีลเบิร์กอยากได้คริส แพรตต์ 

มาเล่นบท INDIANA JONES รีบูต




ซึ่งดูเหมือนว่าจะกลายเป็นหนังอีกหนึ่งโปรเจ็คที่สตูดิโอหมายมั่นปั้นมือจะเอาของเก่ากลับมาหากินกันอีกรอบ เพราะเมื่อเดือนก่อนนี้มีการรายงานข่าวออกมาว่าทาง ดิสนีย์ เอง ได้เล็ง คริส แพรตต์ ดาราที่กำลังหุงขึ้นหม้อจากหนังซูเปอร์ฮีโร่ค่ายมาร์เวลจากโปรแกรมหนังเรื่อง Guardians of the Galaxy เพื่อมาสวมบทเป็น อินเดียนน่า โจนส์ คนใหม่หลังจากที่บทนี้เคยเป็นของคุณลุงแฮร์ริสัน ฟอร์ดมาร่วม 4 ภาค และที่น่าตื่นเต้นไปมากกว่านั้นคือทางตัวผู้กำกับอย่างสตีเว่น สปีลเบิร์กเองก็อยากจะกลับมากุมบังเหียนรับหน้าที่เป็นผู้กำกับด้วย

แต่ว่าทั้งหมดทั้งมวลนั้นก็ยังอยู่ในขั้นตอนของการเตรียมงานและมีความเป็นไปได้สูงที่โครงการนี้จะถูกต่อยอด เพราะหลังจากที่ Indiana Jones and the Kingdom of the Crystal Skull ในปี 2008 ที่สปีลเบิร์กก็กลับมากำกับเอง แต่ว่าเสียงวิจารณ์ค่อนข้างก้ำกึ่ง แม้ว่ารายได้ทั่วโลกจะน่าพอใจและทำกำไรให้กับสตูดิโอพาราเมาต์ ซึ่งถือสิทธิ์ในการสร้าง Indiana Jones ในเวลานั้น ถึง 786 ล้านเหรียญเลยทีเดียว

และอย่างไรก็ตามแม้ว่าโครงการนี้อาจจะอยู่ช่วงพูดคุย จนเป็นข่าวลือ ออกมาเป็นระลอก แต่ในปีนี้สปีลเบิร์กเองก็มีแผนงานในการดัดแปลงภาพยนตร์จากหนังสือนิยายเรื่อง The BFG ซึ่งนิยายเล่มนี้เป็นวรรณกรรมเยาวชนที่แต่งขึ้นโดยโรอัน ดาล ซึ่งคงเดินหน้าเปิดกล้องในช่วงฤดูใบไม้ผลิปีนี้

โดยในด้าน คริส แพรตต์ ที่นอกจากปีนี้เขาจะมีหนังใหญ่อย่างเรื่อง Jurassic World แล้วก็มีหนังที่กำลังจะเปิดกล้องอย่างเรื่อง The Magnificent Seven หนังรีเมคแนวคาวบอยตะวันตกใน 1960 ซึ่งเคยเป็นหนังที่ทำให้ดาราในตำนานอย่างสตีฟ แมคควีนโด่งดังเป็นพลุแตก และสร้างราศีจับให้กับนักแสดงคนอื่นๆในเรื่องด้วย ตัวหนังในเวอร์ชั่น 2015 กำกับโดยอองตวน ฟูควา ซึ่งในเรื่องจะมีนักแสดงชื่อดังมาร่วมกันเล่นอย่างคับคั่งอาทิ

  • เดนเซล วอลชิงตัน
  • ฮาเลย์ เบนเนตต์ 


ที่มา: http://movie.sanook.com/47901/

วันพุธที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

สกาล่าเกือบโรงแตก!หนังเรื่อง NIGHTCRAWLER

สกาล่าเกือบโรงแตก

ปรากฏการณ์โซเชียลมีเดียหนังเรื่อง NIGHTCRAWLER




โดยนี่เป็นยุคที่เราต้องยอมรับกันจริงๆว่ากระแสในโลกโซเชียลมีเดียและข่าวสารบนโลกอินเตอร์เนตนั้นทำให้คนในแวดวงสังคมและ คนรักหนัง นั้นตื่นตัวกันเป็นอย่างมาก

โดยหลังจากที่กระทู้ต่างๆ บนเว็บไซต์กระทู้ชื่อดังนั้นได้ตั้งคำถามถึงเหตุผลของการที่หนังเรื่อง NIGHTCRAWLER ไม่ได้เข้าฉายกันอย่างต่างๆ นานา

และถ้าอยากรู้ว่ามีประเด็นและกระทู้อะไรบ้าง สามารถพิมพ์ชื่อหนัง NIGHTCRAWLER แล้วค้นหาเองได้เลยครับ




แต่ว่าอย่างไรก็ตามกระแสการเรียกร้องให้มีการฉายหนังใหม่เรื่อง NIGHTCRAWLER ก็เรียกได้ว่ามาแรงมากในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยหลังจากที่บรรดาสื่อมวลชนและนักวิจารณ์หนังได้มีโอกาสชมหนังเรื่อง NIGTHCRAWLER ในโรงภาพยนตร์ลิโด้แบบเหมารอบเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาและเมื่อหนังจบผู้มีโอกาสได้ชมภาพยนตร์ในรอบนั้นต่างก็ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อภาพยนตร์เรื่องนี้กันอย่างแพร่หลายในโลกอินเตอร์เน็ตจนสร้างกระแสความอยากชมให้กับประชาชนอีกมากมายที่ยังไม่ได้ดูหนัง จนค่ายหนังยูไนเต็ดโฮมเอนเตอร์เทนเมนต์

จนต้องเปิดรอบแบบเหมาโรงเพื่อวันอาทิตย์ที่ 22 กุมภาพันธ์นี้ ที่โรงภาพยนตร์สกาลา รอบ 14.15 นาฬิกา ที่โรงภาพยนตร์สกาล่า โดยเวลาขายบัตรเริ่มตั้งแต่ 9.00 นาฬิกาผลปรากฏว่ามีคนมีรอต่อคิวซื้อบัตรชมภาพยนตร์ยาวจนน่าตกใจ ยิ่งไปกว่านั้นรายงานจากผู้ชมที่ซื้อบัตรในช่วงเวลาเช็ครอบหนังใกล้ฉายก็ปรากฏว่าโรงหนังที่สามารถจุคนได้เกือบ 800 คนนั้นเต็มเกือบทุกที่นั่ง




และนอกจากกระแสดราม่าแล้ว การที่หนังอย่างเรื่อง Nightcrawler มีผู้ชมอยากจะชมภาพยนตร์เรื่องนี้กันอย่างมากมายเนื่องจากมันเป็นหนังอีกหนึ่งเรื่องที่บรรดาคอหนังคุณภาพต่างทราบสรรพคุณว่า หนังนี่เป็นหนังที่ถูกออสการ์เมินมากที่สุดเรื่องหนึ่งของปี

เพราะว่าหลังจากการที่ เจค จิลเลนฮาล วืดหลุดโผไม่ได้ติดเข้าชิงรางวัลนักแสดง นำชาย ปีนี้ไปอย่างน่าตกใจ ซึ่งก็คงไม่ต้องพูดอีกเช่นกันว่าคนที่เหมาะสมน้อยที่สุดในบรรดานักแสดงนำชายทั้ง 5 คนที่เข้าชิงรางวัลนั้นก็คือ แบรดลีย์ คูเปอร์จาก American Sniper

และสำหรับความโดดเด่นของเรื่อง Nightcrawler นั้นคือมันเป็นหนังแอ็คชั่นทริลเลอร์ที่ใครได้ชมแล้วก็ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่านอกจากหนังจะ สนุกมาก แล้วหนังยังสะท้อนด้านมืดของวงการสื่อมวลชนได้อย่างเจ็บแสบ เรื่องหนึ่งเลยทีเดียว

เพราะเนื่องจากมันเล่าเรื่องของ หลุยส์ บลูม หรือ เจค จิลเลนฮาล ที่เป็นนักข่าวอิสระผู้เกรี้ยวกราด ผู้ทุ่มเทตระเวนเก็บภาพเหตุการณ์อาชญากรรมทั่วเมืองลอสแอนเจลลิสเพื่อเอามาขายให้กับสำนักข่าว แต่ยิ่งเขาทำงานนี้มากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งขายวิญญาณตัวเองจนก้าวเลยจรรณยาบรรณของความเป็นมนุษย์เข้าไปทุกที




สำหรับตัวหนังเรื่อง Nightcrawler นั้นได้เข้าชิงรางวัลมากมายทั่วโลก รวมไปถึงติดเข้าชิงรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมบนเวทีออสการ์ปีนี้ และได้เข้าชิงลูกโลกทองคำสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมประเภทดราม่าปีนี้อีกด้วย

ซึ่งก็ไม่รู้ว่าตัวหนังจะมีโอกาสได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์อีกหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ ตัวหนังนั้นมีกำหนดออกแผ่นในช่วงเดือน เมษายน ที่จะถึงนี้ แต่สิ่งที่น่าเสียดายมากๆ ก็คือเรื่อง Nightcrawler นั้นเป็นภาพยนตร์ที่ เหมาะ กับการชมในโรงภาพยนตร์เท่านั้นเสียด้วย!




ตัวอย่างหนังใหม่เรื่อง Nightcrawler





วันพุธที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

มาดูรางวัล Oscars 2015 รางวัลนี้ ใครควรได้?(ต่อ)

มาดูรางวัล Oscars 2015 รางวัลนี้ ใครควรได้?(ต่อ)




กับรางวัลบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม อีกหนึ่งสาขารางวัลของบทภาพยนตร์ มอบให้หนังที่สร้างสรรค์จากแนวความคิดที่สดใหม่ ซึ่งในปีนี้มีตัวเต็งที่โดดเด่นถึง 3 เรื่องด้วยกัน คงปฏิเสธไม่ได้กับแนวความคิดสุดโต่งของผู้กำกับ ที่ลงมือเขียนบทภาพยนตร์ Birdman เอง บทหนังที่ชั้นเชิง บวกกับการถ่ายทอดของทีมนักแสดงชั้นดี ทำให้ออกมาทรงคุณค่า ขณะที่บทภาพยนตร์ที่ใช้เวลายาวนานของ Boyhood ถือเป็นงานทดลองที่เต็มไปด้วยคุณภาพ และพิสูจน์ได้ว่าบทหนังดีๆ ไม่จำเป็นต้องมีขอบเขตเวลา

สำหรับบทภาพยนตร์ที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง The Grand Budapest Hotel ก็ถูกจับตามองเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการเป็นขวัญใจเทศกาลหนัง ตระเวนเก็บรางวัลจากหลายๆ เวที ล่าสุดก็คว้า BAFTAs จากประเทศอังกฤษ ทำให้บทภาพยนตร์ตลกรวมดาราเรื่องนี้จึงโดดเด่นเป็นพิเศษ ขณะที่เรื่องราวการตีแผ่จิตใต้สำนึกของมนุษย์ จาก Nightcrwaler กับ ปมชีวิตบนสังเวียนการต่อสู้ จาก Foxcatcher แม้จะรั้งท้ายในกลุ่ม แต่ก็ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน

ผู้ชนะที่าดว่าจะชนะ: The Grand Budapest Hotel โดย Wes Anderson | ส่วนตัวแปร: Birdman โดย Alejandro González Iñárritu | ส่วนม้ามืด: Boyhood โดย Richard Linklater




ลองย้ายมาวิเคราะห์ในสาขา รางวัลผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ในปีนี้ แม้ว่าภาพรวมจะมองเห็นตัวผู้ชนะอยู่ไกลๆ แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ ผู้กำกับที่ดูโดดเด่นที่สุดคงหนีไม่พ้น Richard Linklater จากการกำกับภาพยนตร์ยาวนานถึง 12 ปี จาก Boyhood กลายเป็นทฤษฎีใหม่ในการสร้าง เน้นและใส่ใจในรายละเอียดต่างๆ จนกลายเป็นหนังที่เปี่ยมล้นไปด้วยคุณภาพ

ในขณะที่สีสันและเอกลักษณ์ของ Birdman ทำให้ Alejandro González Iñárritu ขึ้นแท่นเป็นอีกหนึ่งตัวเต็งในสาขาผู้กำกับฯ กับแนวความคิดที่แหวกแนวและถ่ายทอดองค์ประกอบต่างๆ เข้าตาคณะกรรมการ เช่นเดียวกับ Wes Anderson จาก The Grand Budapest Hotel ผู้กำกับคนนี้ก็มีสไตล์เป็นตัวของตัวเอง มีลายเส้นชัดเจนจากผลงานภาพยนตร์ที่เขาได้กำกับ ส่วนอีก 2 ผู้กำกับที่ติดโผเข้าชิง อย่าง Bennett Miller จาก Foxcatcher และ Morten Tyldum จาก The Imitation Game น่าเสียดายที่พวกเขาถูกบรรดาตัวเต็งแย่งซีน

ผู้ที่คาดว่าจะชนะ: Richard Linklater จาก Booyhood | ส่วนตัวแปร: Alejandro González Iñárritu จาก Birdman | ส่วนม้ามืด: Wes Anderson จาก The Grand Budapest Hotel




และอีกหนึ่งสาขาที่น่าจับตามอง รางวัลภาพยนตร์แอนิเมชั่นยอดเยี่ยม แม้ว่าหลายจะมองแค่ว่าเป็นเพียง หนังการ์ตูน แต่ในยุคนี้ได้ให้ความสนใจกับเทคนิคงานสร้างแอนิเมชั่น เทียบเท่ากับภาพยนตร์ทั่วไป ปีนี้เราเห็นตัวเต็งมาลิบๆ แอนิเมชั่นจากค่ายดรีมเวิร์ค อย่างเรื่อง How to Train Your Dragon 2 การันตีด้วยรางวัลจากเวที Annie และ Golden Globe ขณะที่ Big Hero 6 แอนิเมชั่นจากค่ายดิสนีย์ ก็พอที่จะมีลุ้นอยู่ไม่น้อย

ในส่วนผู้เข้าชิงเรื่องอื่นๆ อย่างหนังเข้าใหม่แอนิเมชั่นนอกกระแส The Boxtrolls ได้เสียงเชียร์จากนักวิจารณ์หนังอยู่ไม่น้อย Song of the Sea แอนิเมชั่นจากฝรั่งเศส และ The Tale of the Princess Kaguya แอนิเมชั่นจากญี่ปุ่น อาจจะเป็นเพียงแค่ตัวประกอบในสาขานี้

ผู้ที่คาดว่าจะชนะ: How to Train Your Dragon 2 | ส่วนตัวแปร: Big Hero 6 | ส่วนม้ามืด: Song of the Sea




ซึ่งรางวัลใหญ่ที่สุดของเวทีออสการ์ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ประจำปีนี้ 8 ภาพยนตร์ที่ผ่านเข้ารอบชิง ล้วนแต่เป็นการขับเคี้ยวที่น่าสนุก โดยเฉพาะการแข่งขันที่สูสีกันของ 2 ภาพยนตร์ขวัญใจนักวิจารณ์ประจำปีนี้ Birdman ที่ครองสถิติกวาดรางวัลมาทั่วสหรัฐอเมริกา ความลงตัวจากหลายๆ องค์ประกอบ รวมทั้งทีมงานและนักแสดงคุณภาพ ส่งเสริมให้ภาพยนตร์ตลกร้ายเรื่องนี้ คู่ควรกับการคว้าตุ๊กตาทองไปครอง...อยู่แค่เอื้อม

สำหรับเรื่อง Boyhood หนึ่งในภาพยนตร์ขวัญใจจากทุกเทศกาลหนังในปีที่ผ่านมา สร้างความแปลกใหม่ให้กับวงการภาพยนตร์ แม้ว่าโดยรวมจะเป็นเพียงหนังชีวิตทั่วไป แต่ด้วยเทคนิคการสร้างและการนำเสนอรูปแบบใหม่ ที่น่าตื่นตาในหมู่คนทำหนัง ที่ต้องใช้เวลาสร้างข้ามทศวรรษ กว่าจะเป็นภาพยนตร์ที่สมบูรณ์แบบ นี่คงเป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติที่อยากจะมอบตุ๊กตาทองให้ไปครอง

และภาพยนตร์อัตชีวประวัติขวัญใจคนผิวสีอย่าง Selma เล่าเรื่องราวการต่อสู้ของ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ เป็นอีกหนึ่งงานคุณภาพที่ติดโผเข้าชิงรางวัลใหญ่ แม้ว่าจะถูกมองข้ามไปในหลายๆ สาขาก็ตาม American Sniper ตีแผ่ฉากสงครามและผลกระทบจากเหตุก่อการร้าย ขึ้นแท่นเป็นหนังฮิตถล่มทลายเมื่อต้นปี 2015 ก็ควรจับตามองเป็นอย่างยิ่ง

ในส่วนของภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ที่เข้าชิง The Theory of Everything แม้ว่าจะน่าประทับ แต่ก็ยังโดดเด่นสู้บรรดาตัวเต็งไม่ได้ เช่นเดียวกับ The Imitation Game, The Grand Budapest Hotel และ Wishlash ล้วนแต่เป็นขวัญใจนักวิจารณ์ แต่การได้เข้าชิงออสการ์ก็ถือว่าได้พิสูจน์คุณภาพของภาพยนตร์เรื่องนั้นๆ แล้ว



ผู้ที่คาดว่าจะชนะ: Boyhood | ส่วนตัวแปร: Birdman | ส่วนม้ามืด: American Sniper

ที่มา: http://movie.sanook.com/47649/

วันอังคารที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

รางวัล Oscars 2015 รางวัลนี้ ใครควรได้?

รางวัล Oscars 2015 รางวัลนี้ ใครควรได้?




เดินทางเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของการประกาศผลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมประจำปี 87th Academy Awards หรือ Oscars 2015 รางวัลออสการ์ที่เตรียมมอบให้กับภาพยนตร์คุณภาพที่คู่ควรในสาขาต่างๆ ในคืนวันอาทิตย์ที่ 22 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ ในเช้าวันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ ตามเวลาในประเทศไทย

ขึ้นชื่อว่ารางวัลออสการ์ 2015 นั้นก็ยังคงอัดแน่นด้วยภาพยนตร์คุณภาพที่ตรงตามเกณฑ์และมาตรฐาน ทั้ง 24 สาขารางวัล สำหรับในปีนี้ภาพยนตร์ตลกร้าย รวมดาราชั้นนำ กลายเป็นในความโดดเด่น Birdman กับ The Grand Budapest Hotel เข้าชิงมากที่สุดถึง 9 รางวัล

โดยภาพยนตร์เนื้อหาเกี่ยวกับสงครามก็มาแรงอย่างเรื่อง The Imitation Game เข้าชิงถึง 8 รางวัล ส่วนภาพยนตร์ม้ามืดอย่างเรื่อง American Sniper มีชื่อเข้าเข้าชิงถึง 6 รางวัล  ในขณะที่ภาพยนตร์ที่สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับวงการในปีนี้อย่างเรื่อง Boyhood ก็ได้กลายเป็นตัวเต็ง เข้าชิง 6 รางวัลเช่นเดียวกัน

แต่ว่าผู้ชนะในแต่ละสาขามีได้เพียงแค่หนึ่งเดียว นี่คือ การคาดการณ์ ผลรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 87 ซึ่งประมวลจากข้อมูลทางสถิติรางวัลและรายได้ รวมทั้งคะแนนเสียงจากนักวิจารณ์หนังชั้นนำมาให้ได้ดูกัน




ซึ่งสำหรับบรรดารางวัลที่เกี่ยวกับ การแสดง ของออสการ์ปีนี้ เป็นที่น่าเสียดาย เพราะหลายสาขาล้วนแต่มี ตัวเต็ง หรือ ตัวเด่น ชนิดที่เตรียมตัวนอนมารับตุ๊กตาทอง หากไม่มีอะไรที่พลิกความคาดหมายและค้านสายตาคนดูหนังอย่างเราๆ

มาเริ่มต้นจาก รางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ที่คงปฏิเสธไม่ได้ว่า Julianne Moore มีผลงานการแสดงอันยอดเยี่ยมใน Still Alice กับบทบาทผู้หญิงกลายเป็นโรคอัลไซเมอร์ ได้รับเสียงชื่นชมอย่างเป็นเอกฉันท์จากเทศกาลหนังต่างๆ และนี่อาจจะสิ้นสุดการรอคอยเกือบ 20 ปี หลังจากที่เธอเคยเข้าชิงออสการ์มาถึง 4 ครั้ง แต่ยังไม่เคยคว้าได้เลยสักตัวเลย

ในส่วนสาวคนอื่นๆ ที่ร่วมเข้าชิงในรางวัลนักแสดงนำหญิงนี้ แม้จะทำผลงานเข้าตากรรมการ แต่ก็ยังไม่มีใครโดดเด่นได้เท่ากับตัวเต็ง บทบาทของ Felicity Jones ในเรื่อง The Theory of Everything นั้นน่าประทับใจ และ ไม่ควรมองข้าม

ส่วน Reese Witherspoon ในเรื่อง Wild ยังคงสร้างงานแสดงดีๆ ได้สมกับมาตรฐานของ Marion Cotillard จากเรื่อง Two Days, One Night ติดโผเข้ามาอย่างเซอร์ไพรส์ และก็ไม่น่าแปลกใจที่เธอขึ้นแท่นเป็นขวัญใจกรรมการ ส่วน Rosamund Pike จากเรื่อง Gone Girl เธอคนนี้ก็ต้องจับตามอง

ผู้ชนะที่คาดว่าจะได้รางวัล: Julianne Moore | ส่วนตัวแปร: Felicity Jones | ส่วนม้ามืด: Reese Witherspoon




และมาดู รางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม กันบ้าง สาขานี้ก็แทบจะไม่ต้องลุ้น เจ้าแม่ดาราทีวี Patricia Arquette น่าจะมาคว้ารางวัลออสการ์จากการเข้าชิงครั้งแรกไปได้อย่างสบาย จากการแสดงที่โดดเด่นในเรื่อง Boyhood

และคู่แข่งคนอื่นๆ ในสาขานี้แทบจะไม่น่ากลัวอย่าง Emma Stone จากเรื่อง Birdman กับ Keira Knightley จากหนังเข้าใหม่เรื่อง The Imitation Game ที่ได้รับเสียงชมจากนักวิจารณ์ Laura Dern จากเรื่อง Wild ก็ติดโผเข้ามาแบบงงๆ ส่วน Meryl Streep จากเรื่อง Into the Woods รายนี้เป็นขาประจำ เข้าชิงออสการ์แบบปีเว้นปี


ผู้ชนะที่คาดว่าจะได้รางวัล: Patricia Arquette | ส่วนตัวแปร: Keira Knightley | ส่วนม้ามืด: Laura Dern




และมาดูรางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม ก็เป็นอีกหนึ่งสาขาที่มี ตัวเต็ง ลอยเด่นมาแต่ไกลอย่าง JK Simmons ที่โชว์ฝีมือการแสดงเข้าขั้นเทพในเรื่อง Whiplash ที่เดินสายกวาดรางวัลมาแทบจะทุกเวที และนี่คงเป็นการคว้าตุ๊กตาทองตัวแรกในชีวิตการแสดงของเขา ที่น่าจะครอบครองมาได้โดยไร้ข้อกังขา

ในขณะที่ผู้เข้าชิงอีก 4 คน ก็ไม่น่าหวั่นเกรงสักเท่าไหร่อย่าง Edward Norton จากเรื่อง Birdman กับ Ethan Hawke จากเรื่อง Boyhood โดยที่ 2 คนนี้บรรดานักวิจารณ์หนังคอยส่งเสียงเชียร์อยู่ไม่น้อย ส่วน Mark Ruffalo จากหนังเรื่อง Foxcatcher และ Robert Duvall จากเรื่อง The Judge และน่าเสียดายที่พวกเขาแทบจะถูกลืม

ผู้ชนะที่คาดว่าจะได้รางวัล: J.K. Simmons | ส่วนตัวแปร: Edward Norton | ส่วนม้ามืด: Ethan Hawke



มาเพิ่มระดับความน่าตื่นเต้นกันน่อย สำหรับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ประจำปีนี้คงเป็นสาขาการแสดงที่ได้ลุ้นกัน การชิงดีชิงเด่นระหว่าง หนุ่มดาวรุ่ง กับ ดารารุ่นใหญ่อย่าง Michael Keaton ที่โชว์ปล่อยของโดนใจนักวิจารณ์ทั้งประเทศจากการแสดงใน Birdman ส่วน Eddie Redmayne จากเรื่อง The Theory of Everything ที่รับบทอัจฉริยะโลกจารึกอย่าง Stephen Hawking แบบตามสูตรออสการ์เป๊ะ แม้ว่าคะแนนของทั้งคู่จะสูสีกัน แต่ผู้ชนะมีเพียงแค่หนึ่งเดียว

และผู้เข้าชิงรางวัลนำชายคนอื่นๆ ก็น่าประทับใจ อย่าง Steve Carell ที่พลิกบทบาทแปลงโฉมโชว์ฝีมืออย่างเข้มข้นในเรื่อง Foxcatcher ก็ไม่ควรมองข้าม เช่นเดียวกับ Benedict Cumberbatch จากเรื่อง The Imitation Game ก็พอที่จะมีลุ้น ส่วนขวัญใจอเมริกาอย่าง Bradley Cooper จากหนังฮิตเรื่อง American Sniper ก็น่าจะกลายเป็นม้ามืดอยู่ในสาขารางวัลนี้

ผู้ชนะที่คาดว่าจะได้รางวัล: Eddie Redmayne | ส่วนตัวแปร: Michael Keaton | ส่วนม้ามืด: Bradley Cooper

และตามมาด้วยรางวัลเกี่ยวกับ บทภาพยนตร์ ปีนี้พบว่ามีการแข่งขันค่อนข้างสูสีในสาขารางวัลนี้ อีกทั้งยังมีบทภาพยนตร์หลายเรื่องที่คาดว่าจะติดโผเข้าชิง แต่กลับไม่มีชื่ออย่างน่าประหลาดใจ เช่น เรื่อง  Gone Girl, เรื่อง Wild หรือ เรื่อง Still Alice เป็นต้น




สำหรับรางวัลบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม แม้จะมีชื่อหนังหลายๆ หลุดโผไป แสดงให้เห็นว่าสาขารางวัลนี้ค่อนข้าง สายแข็ง โดยเฉพาะงานดัดแปลงจากหนังสืออัตชีวประวัติกลางสมรภูมิรบอย่างเรื่อง American Sniper ได้ภาษีดีขึ้นมาทันที ที่กลายเป็นฮิตถล่มทลายตั้งแต่ปีใหม่ ส่วนหนังอินดี้อย่างเรื่อง Wishlash ดัดแปลงมาจากหนังสั้นชื่อเดียวกัน ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเต็งที่สร้างสรรค์ได้อย่างมีชั้นเชิง

ในส่วนผู้เข้าชิงเรื่องอื่นๆ งานดัดแปลงจากหนังสือของเรื่อง The Imitation Game ก็ไม่ควรมองข้าง เช่นเดียวกับเรื่อง The Theory of Everything ประวัติของอัจฉริยะเรื่อง Stephen Hawking  ที่ตีความออกมาได้อย่างประทับใจ ขณะที่เรื่อง Inherent Vice กลายเป็นตัวเลือกที่ติดโผเข้ามาแบบเซอร์ไพร์ส

สำหรับผู้ชนะที่คาดว่าจะได้รางวัล: Wishlash โดย Damien Chazelle | ส่วนตัวแปร: The Imitation Game โดย Graham Moore | ส่วนม้ามืด: American Sniper โดย Jason Hall


รางวัลยังไม่หมดแค่นี้นะ เดี๋ยวมาต่อกันพรุ่งนี้นะครับ หรือใครที่ขี้เกียจรอ เข้าไปอ่านได้เลยครับที่นี่ http://movie.sanook.com/47649/

วันเสาร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

บทวิจารณ์หนังเรื่อง The Imitation Game,Fifty Shades of Grey

บทวิจารณ์หนังเรื่อง The Imitation Game




ซึ่งในตัวหนังและชีวิตจริงของ อลัน ทัวริ่ง เขาอาจจะต้องคอยปกปิดความเป็น เกย์ ของตัวเองเอาไว้จวบจนวันตายของเขา มิหนำซ้ำในช่วงเวลาดังกล่าวแล้วการเป็นบุคคลที่รักในเพศเดียวกันนั้นยังจัดเป็นเรื่องผิดกฎหมายและมีบทลงโทษของการเป็นเช่นนั้นอีกต่างหาก

โดยที่ อลัน ทัวริ่ง นั้นอาจจะเป็นแค่นักคณิตศาสตร์คนหนึ่ง แต่เมื่อเขาฉายแววเมื่อเขาได้เข้าร่วมกับคณะถอดรหัสลับอีนิกม่าอันเป็นรหัสที่เยอรมันใช้ส่งข่าวสารเรื่องการเคลื่อนทัพในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 รหัสลับที่ว่ากันว่าถอดยากจนแทบไม่มีโอกาสจะถอดได้ แต่ว่าท้ายที่สุด อลัน ทัวริ่ง และทีมของเขาก็สามารถช่วยเหลือกองทัพของเหล่าสัมพันธมิตรให้กุมชัยชนะในสงครามและย่นระยะเวลาจุดสิ้นสุดของสงครามให้จบลงไวกว่าเดิมร่วม 2 ปี

และการที่ได้สวมบทเป็นอลัน ทัวริ่งของเบเนดิกซ์ คัมเบอร์แบชนั้นเรียกได้ว่าเขาสามารถทำให้ตัวละครที่เขาสวมบทบาทเต็มไปด้วยมิติมากมายไม่ว่าจะเป็นในฐานะของอัจฉริยะที่มีปัญหาเรื่องการเข้ากับผู้คนและการที่ เกย์หนุ่มที่ต้องแอบซ่อนความรู้สึกของตัวเอง รวมไปถึงปมในจิตใจยามเด็กและการเลือกจะแต่งงานบังหน้าเพื่อดึง โจน คลาร์ค หรือ เคียร่า ไนท์ลีย์ เอาไว้ในทีมถอดรหัสไว้ให้ได้นานที่สุด

สำหรับความน่าสนใจของตัวละครของ โจน คลาร์ค ก็เรียกได้ว่าโดดเด่นไม่แพ้กับบทของอลัน เนื่องจากตัวละครนี้เป็นเพศหญิงแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น มิหนำซ้ำในยุคสมัยดังกล่าวผู้หญิงถูกจัดเป็นช้างเท้าหลังที่มีหน้าที่อยู่ในหมวดนักทะเบียนเลขานุการหรือไม่ก็ในฐานะแม่บ้านแม่เรือน แต่ในฐานะของนักคิดนั้น โอกาสความเป็นได้ต่ำเตี้ยพอๆกับบุคคลรักร่วมเพศ แถมหน้าที่ที่เธอโดนตราหน้าก็มีแค่เพียงการแต่งงานเป็นภรรยาของชายอื่นเช่นเดียวกับผู้หญิงทั่วไปในสังคม

โดยความสำเร็จของ อลัน ทัวริ่ง นั้น ในช่วงเวลาดังกล่าวแทบจะไม่มีใครล่วงรู้เลย เนื่องจากมันเป็นปฏิบัติการลับทางทหาร และเวลาผ่านไปกว่า 60 ปีจนถึงทุกวันนี้สาเหตุการจากไปของอลัน ทัวริ่งก็ยังคงเป็นปริศนาที่ยังไม่ได้รับคำตอบอันแน่ชัด แนวคิดแรกก็คือเขาอาจจะฆ่าตัวตายจากการสูดสารไซยาไนด์เข้าไปเนื่องจากหดหู่กับการต้องรักษาอาการรักร่วมเพศด้วยการฉีดฮอร์โมนเอสโตรเจนเข้าร่างกาย แทนการจองจำในคุก แต่ในอีกแนวคิดหนึ่งคือเขาเสียชีวิตเนื่องจากการสูดดมไซยาไนด์เข้าไปโดยบังเอิญมากกว่า

แต่ว่าเรื่องที่น่าเศร้าที่ในช่วงเวลาดังกล่าวความสำเร็จที่อลัน สามารถช่วยเหลือเหล่าทหารนับหมื่นนับแสนนายให้รอดพ้นจากความโหดร้ายของสงคราม แต่มีเพียงไม่กี่คนที่ได้รับรู้ถึงสิ่งที่เขาได้ทำลงไป ความสำเร็จนั้นไม่ได้รับการป่าวประกาศหรือยกย่อง ซ้ำร้ายสิ่งที่เขาเป็นตามธรรมชาติของเขายังถูกสังคมมองว่าเป็นสิ่งผิดกฎหมายจนมันย้อนกลับมาแว้งกัดชีวิตของเขาอีก

และอย่างไรก็ตามวันนี้ก็มีคนรู้จักเกย์หนุ่มที่เป็นคนไขรหัสอีนิกมานามว่า อลัน ทัวริ่ง แล้ว

ให้ 4.5 คะแนนจาก 5 คะแนน

@พริตตี้ปลาสลิด

อ่าน 4 เรื่องสุดสยิวของเรื่อง Fifty Shades of Grey





เรื่องที่ 1.นั้นมาจากหนังสือเบสท์เซลล์เลอร์สู่ภาพบนจอเงิน

สำหรับเรื่อง Fifty Shades of Grey นั้นเป็นผลงานวรรณกรรมของ อี แอล เจมส์ หนังสือไตรภาคที่มียอดขายถล่มทลายกว่า 100 ล้านเล่มใน 52 ภาษาทั่วโลก ที่สำคัญมันทำให้บรรดานักอ่านล้วนสนใจว่านิยายเล่มนี้มีความพิเศษตรงไหนและอะไรคือจุดขายของมัน และแน่นอนที่มันฉาวขนาดนี้เพราะมันเป็นนิยายที่พูดถึงเรื่องเซ็กส์แบบเจ็บๆ

เรื่องที่ 2.ความอยากรู้อยากเห็น

ในภาพยนตร์ที่สร้างจากนิยายเรื่องนี้ ที่ตกเป็นประเด็นการคาดเดาในวงกว้างและความสงสัยใคร่รู้ไร้ขอบเขต โดยที่เทรลเลอร์ของหนังเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่มีผู้คลิ๊กชมมากที่สุดทาง YouTube เมื่อปีที่แล้ว ยิ่งไปกว่านี้ในประเทศไทยได้ข้อสรุปออกมาแล้วว่าตัวหนังจะเข้าฉายแบบเต็มๆไม่มีการตัดทอนใดๆออกแลกกับเรตที่ได้รับคือ ฉ 20+ นั่นคือต้องมีการตรวจบัตรประชาชนก่อนเข้าโรงหนัง

เรื่องที่ 3.ตัวของคริสเตียน เกรย์ หนุ่มนักธุรกิจรสนิยมเฉพาะทาง

ทางด้านของ เจมี ดอร์แนน ได้เสนอตัวรับบท คริสเตียน เกรย์ ที่เป็นนักแสดงชาวไอริช ผู้เป็นที่รู้จักจากการแสดงที่ได้รับรางวัลบาฟตา อวอร์ดของเขาในซีรีส์เรื่อง The Fall และซีรีส์ Once Upon a Time ได้ออดิชั่นบทบาทที่ใกล้เคียง

และเนื่องจากบทโปรแกรมหนังภาพยนตร์จริงๆนั้นถูกเก็บไว้เป็นความลับจนกระทั่งเหลือผู้ออดิชั่นน้อยลง เขาจึงได้ทดลองเล่นเป็นคริสเตียนจริงๆ ภายหลัง

โดยหลังจากการที่ได้บันทึกภาพที่มีแววแล้ว นักแสดงหนุ่มก็ได้คุยทางสไคป์กับเทย์เลอร์-จอห์นสัน ผู้กำกับและทีมผู้อำนวยการสร้างได้นั่งคุยกับดอร์แนนเป็นเวลานานตามคำขอของเขา เราคิดว่ามันเป็นเรื่องสำคัญที่ใครก็ตามที่จะรับบทนี้จะต้องทุ่มเทตัวเองแบบสุดๆ จริงๆ บรูเน็ตติกล่าว และถ้าจะมีความไม่มั่นใจ เกิดขึ้น มันก็จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ในการถ่ายทำ และก็อาจจะเป็นปัญหาในหนังใหม่เรื่องอื่นๆ ด้วย

เรื่องที่ 4.เรื่องของ อนาสตาเซีย สตีล ทาสรักสาว

สำหรับผู้มารับบทบาทนี้ก็คือ ดาโกต้า จอห์นสัน เธอสนใจบทอนาสตาเซียก่อนโปรเจ็คนี้จะเป็นรูปเป็นร่างด้วยซ้ำไป เธอแสดงความคิดหลังจากการอ่านนิยายว่า ฉันรู้สึกว่าโลกเราเปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก และหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นภายในระยะเวลาสั้นๆ จนเซ็กส์ในหนังเข้าใหม่สือเรื่องนี้ ที่ถูกอธิบายอย่างโจ่งแจ้งและชัดเจน เป็นอะไรที่อิสระเสรีสำหรับคนทั่วไปค่ะ

และผู้กำกับของจอห์นสัน ได้อธิบายถึงเหตุผลที่นางเอกของเธอเหมาะกับบทนี้ว่า ฉันรู้ตั้งแต่แรกที่เราได้พบดาโกต้าแล้วว่าเราพบแอนัสเตเซียของเราแล้ว เธอแสดงถึงสมดุลที่เพอร์เฟ็กต์ระหว่างความเปราะบาง ความแสบซ่า ความงดงามและความกล้าหาญ ดาโกต้าเข้ามาทดสอบบทตั้งแต่ตอนแรกๆ มันเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ฉันรู้ว่าบทนี้เป็นของเธอ ดาโกต้า เธอมีไหวพริบ เสน่ห์และความเฉลียฉลาดของแอนาและเธอก็เนรมิตชีวิตให้บทนี้ได้อย่างที่ฉันจินตนาการไม่ออกเลยว่าจะมีใครทำได้อีก





วันศุกร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

Marvel เตรียมดึง spierman เข้าร่วมกับ Avengers,HUNGER PART 2

ล่าสุด!! สาวกสไปเดอร์แมน เตรียมเฮ! 

หลังมาร์เวล ได้สิทธิ์ดึงตัวละครกลับมาแจมในสงครามจักรวาล




ก็อาจจะเรียกได้ว่าเป็นข่าวที่ดีที่สุดในรอบหลายๆปีกันเลยก็ว่าได้ เพราะตอนนี้ทางสตูดิโอมาร์เวลและโซนี่ พิกเจอร์ส นั้นสามารถหาข้อตกลงร่วมกัน รวมไปถึงส่วนแบ่งเรื่องเงินเป็นที่ลงตัว แล้วว่าตอนนี้ฮีโร่อย่างสไปเดอร์แมนนั้นจะได้เข้ามาร่วมทีมกับ The Avengers ได้อย่างแน่นอน และที่สำคัญคือการได้ร่วมแจมกับทีม อเวนเจอร์ นี้จะมีการเฟ้นหาไอ้แมงมุมตัวใหม่ด้วย




โดยที่ทาง แอนดรูวส์ การ์ฟิลด์ ไอ้แมงมุมจากเรื่อง The Amazing Spiderman ก็ได้ออกมาตอบเช่นกันว่าเขาจะไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของหนังในการรวมทีม The Avengers แต่ว่าที่แน่ๆคือ ทางมาร์เวลเองก็มีแผนการที่จะให้ไอ้แมงมุมได้ไปปรากฏตัวอยู่ใน Captain America: Civil War แบบพอหอมปากหอมคอด้วยเช่นกัน




เพียงแต่ว่าการประกาศข่าวที่น่ายินดีนี้ก็มีข่าวร้ายเช่นกัน เมื่อโปรเจ็คหนังที่รวมดาวร้ายของตัวละครคู่อริของสไปเดอร์แมนอย่าง Sinister Six ที่มีกำหนดการเข้าฉายในปี 2016 ก็ถูกพับเก็บเข้ากรุไปและมีทีท่าว่าอาจจะไม่ได้สร้างในเร็วๆ นี้อย่างแน่นอน

และอย่างไรก็ตามข้อตกลงใหม่ที่เกิดขึ้นระหว่าง เควิน ไฟกี ของมาร์เวล สตูดิโอ และ เอมี พาสคาล ซึ่งลาออกจากตำแหน่งประธานร่วมของโซนี พิกเจอร์สนั้น ที่ทั้งสองสตูดิโอจะร่วมมือกันสร้างสรรค์เรื่องราวใหม่ให้กับซูเปอร์ฮีโร่อย่างสไปเดอร์แมน

ซึ่งความพิเศษ ที่มียิ่งกว่านั้นก็คือ การที่อาจจะหาโอกาสพิเศษให้ตัวละครจากจักรวาลมาร์เวลได้มีโอกาสมาโผล่อยู่ในเรื่องราวของหนังเรื่องสไปเดอร์แมนด้วย




และที่แน่นอนว่าโปรแกรมหนังในเรื่อง The Avengers Age of Ultron นั้นคงจะยังไม่มีสไปเดอร์แมนโผล่หน้ามา เพราะว่าได้ปิดกล้องไปแล้วแถมหนังก็จ่อคิวเข้าฉายแล้วเรียบร้อย แต่ว่าในตอน Avengers: Infinity War – Part 1 เขานั้นก็น่าจะได้ออกมาร่วมทีมกับบรรดาฮีโร่คนอื่นๆอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นการได้ร่วมทีมของฮีโร่นักไต่เข้ากับจักรวาลมาร์เวลครั้งนี้ทำให้สตูดิโอต้องเลื่อนวันฉายของซูเปอร์ฮีโร่คนอื่นๆ ตามไปด้วยดังต่อไปนี้


  1. เรื่อง Thor: Ragnarok นั้นเลื่อนวันฉายใหม่ไปเป็น 3 พฤศจิกายน 2017
  2. เรื่อง Black Panther นั้นเลื่อนวันฉายไปเป็น 6 กรกฎาคม 2018
  3. เรื่อง Captain Marvel นั้นเลื่อนตามไปเป็น 2 พฤศจิกายน 2018
  4. เรื่อง Inhumans นั้นเลื่อนวันฉายไปเป็น 12 กรกฎาคม 2019



ภาคปิดฉาก HUNGER PART 2 อย่างยิ่งใหญ่

บนจอ IMAX และหนังภาคแยก




ซึ่งหลังจากที่โดนแฟนหนังทั่วโลกโอดโอยว่าทำไมหนังภาคแรกของ The Hunger Games: Mockingjay PART 1 ถึงแม้ว่าไม่ได้เข้าฉายบนจอ IMAX แต่สำหรับภาคที่สองที่มีคิวเข้าฉายในช่วงกลางปีนี้ได้ข้อสรุปจากสตูดิโออย่างไลออนเกสต์แล้ว่าในภาคนี้จะได้ฉายบนจอใหญ่ยักษ์อย่างแน่นอน

แถมด้วยตัวผู้กำกับอย่าง ฟรานซิส ลอวร์เรนซ์ได้คอนเฟิร์มแล้วเวยว่าหนังภาคนี้จะกลายเป็นแบบ IMAX 3D ด้วย ซึ่งเรียกได้ว่าจะเป็นการปิดฉากสงครามแห่งพาเน็มอย่างยิ่งใหญ่กันเลยทีเดียว

ซึ่งถึงแม้ว่าตอนหนัง PART1 จะไม่ได้ดูเป็นเวอร์ชั่น 3D แต่สำหรับประเทศจีนกลับได้สิทธิพิเศษได้ดูเป็นเวอร์ชั่นสามมิติ ซึ่งตัวผู้กำกับฟรานซิส ลอว์เรนซ์พอใจกับงานภาพที่ถูกดัดแปลงเป็นสามมิติด้วย

แต่ว่าอย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าหนังภาคที่กำลังจะเข้าฉายนี้อาจจะไม่ใช่ภาคสุดท้ายของแฟรนชายส์นี้เมื่อโจน เฟลเทเมอร์ ที่เป็นซีอีโอของ ค่ายไลออนเกสต์ ได้เปิดเผยว่า ในอนาคตอาจจะมีการคลอดโปรเจ็คหนังภาคแยกออกมาอีก ซึ่งตอนนี้เรากำลังพัฒนาและคิดเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของภาคก่อนหน้าหรือภาคต่อหลังจากหนัง Mockingjay PART 2 จบลง โจน เฟลเทเมอร์กล่าวไว่

และจากสถานการณ์ และ โอกาสที่มีความเป็นไปได้มากกว่าคือการพัฒนาหนังภาคพรีเควนซ์หรือภาคก่อนหน้าออกมา ซึ่งแน่นอนว่าตัวหนังอาจจะมีการพูดถึง เกมล่าชีวิต ในครั้งก่อนหน้าหนังภาคแรกซึ่งอาจจะมีความเป็นไปได้ที่ว่าหนังอาจจะโฟกัสไปที่ตัวละครฟินิค(แซม คาฟลิน) เคยเป็นผู้ชนะในเกมครั้งก่อนหน้า

ซึ่งโอกาสที่จะพัฒนาหนังภาคต่อออกมานั้นก็น่ากังขาอยู่ว่าเรื่องราวในพาเน็มนั้นจะมีอะไรให้พูดถึงอีกเนื่องจากเรื่องการปฏิวัติของพาเน็มมันจบลงอย่างสมบูรณ์แน่นอนแล้วในภาคที่ 3 นี้ เนื่องจากแฟรนชายส์ Hunger Games นั้นแตกต่างจากแฟรนชายส์อย่าง Harry Potter ยังพาผู้ชมไปเปิดโลกเวทมนตร์ในมิติต่างๆได้อีกเยอะแยะมากมาย

เอาน่ะ!! อย่างไรก็ตามเหตุผลของความพยายามจะพัฒนาภาคอื่นๆของเรื่อง Hunger Games ออกมาอีกก็เพราะหนังเรื่องนี้เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของสตูดิโอไลออนเกสต์ซึ่งทำกำไรให้อย่างมหาศาล และถึงแม้ว่า แฟรนชายส์ของ Divergent จะทำกำไรให้สตูดิโอเช่นกันแต่มันก็ยังห่างไกลคำว่ามหาศาลแบบ Hunger Games





วันศุกร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

มาดูไดโนเสาร์ตัวใหม่ในหนังใหม่เรื่อง JURASSIC WORLD

มาดูไดโนเสาร์ตัวใหม่ใน JURASSIC WORLD





ซึ่งหนังเรื่อง JURASSIC WORLD นั้นน่าจะสามารถจัดได้ว่าเป็นหนึ่งในหนังที่คนทั่วโลกรอคอย เพราะตั้งแต่หนังภาคที่สามออกฉายไปเมื่อ 14 ปีก่อนพร้อมกับคำวิจารณ์หนังที่สับตัวหนังเสียเละเทะแถมตัวหนังก็ได้เข้าชิงรางวัลราซซี่เน่าประจำปี 2012 ในสาขาแต่งหน้ายอดแย่อีกต่างหาก

แต่ว่าอย่าไปพูดถึงหนังภาคที่ไม่น่าจดจำเลย เพราะถ้าย้อนกลับไปในปี 1993 JURASSIC PARK คือปรากฏการณ์บนจอภาพยนตร์ที่ทำให้คนทั้งโลกตื่นตาตื่นใจไปกับไดโนเสาร์ที่สมจริงสมจังอันเป็นอีกผลงานมาสเตอร์พีสของผู้กำกับสตีเวน สปีลเบิร์ก พ่อมดแห่งฮอลลีวูด

โดยหลังจากที่ค่อยๆ ปล่อยภาพและตัวอย่างของหนังใหม่เรื่อง JURASSIC WORLD ออกมาทีละเล็กทีละน้อย คราวนี้สตูดิโออย่างยูนิเวอร์แซลก็เลือกจะแย้มไดโนเสาร์ตัวร้ายที่คาดว่าน่าจะเป็นตัวสร้างความวุ่นวายและความตื่นเต้นให้กับหนังภาคนี้ก็คือไดโนเสาร์พันธุ์ใหม่ที่ชื่อ อินโดไมนัส เร็กซ์




สำหรับเหตุการณ์ในหนังภาคนี้เกิดขึ้นจากความอยากรู้อยากเห็นของนักวิทยาศาสตร์ที่จัดการนำสายพันธุ์ของไดโนเสาร์เอามาผสมข้ามสายพันธุ์จนกลายเป็นไดโนเสาร์ที่ฉลาด ดุร้าย และว่องไว ซึ่งเป็นที่มาของชื่ออินโดไมนัส เร็กซ์ หรือแปลได้ว่า ราชาผู้ดุร้าย นั่นเอง

ซึ่งทางทีมงานของผู้สร้างหนังภาคนี้เลือกจะเปิดเผยรายละเอียดว่าพวกเขาตั้งใจจะให้เจ้าไดโนเสาร์ตัวนี้กลายเป็นตัวที่ดุร้ายที่สุดในแฟรนชายส์หนังชุดนี้เลยทีเดียว โดยแล็บที่ได้ให้กำเนิดเจ้าไดโนเสาร์พันธุ์นี้ก็คือแฮมมอนด์ ครีเอชั่น แล็บ

และหากมองแบบผิวเผินแล้วเจ้าไดโนเสาร์ตัวนี้ดูเหมือนกับว่าส่วนหัวของมันมีความคล้ายคลึงกับไดโนเสาร์พันธุ์ทีเรกซ์แต่มันมีองค์ประกอบบนส่วนหัวที่แตกต่างกัน แถมมันมีผิวหนังแข็งเป็นเกล็ดคล้ายกับกระดูกที่แข็งเป็นพิเศษซึ่งมาจากเธอโรพอดชื่อ เอบิไลโอซอร์ มันผ่านการผสมเทียมโดยพันธุวิศวพันธุกรรมจากได้โนเสาร์สายพันธุ์

  1. คาร์โนทอรัส
  2. มาจันกาซอรัส
  3. รูกอพ 
  4. จิกแกนโนโตซอรัส


สำหรับอานุภาพเสียงคำรามของอินโดไมนัสดังกังวาลราว 140 - 160 เดซิเบล เท่ากับเสียงบินขึ้นและลงจอดของเครื่องบินโบอิ้ง 747 และสามารถวิ่งได้ด้วยอันตราเร็ว 30 ไมล์ต่อชั่วโมงเลยทีเดียว


ตัวอย่างหนังใหม่เรื่อง JURASSIC WORLD




วันพุธที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ดูหนังใหม่ประจำสัปดาห์ วันที่ 5 กพ - 11 กพ 58

ดูหนังใหม่ประจำสัปดาห์ วันที่ 5 กพ - 11 กพ 58


ดูหนังใหม่ประจำสัปดาห์ ระหว่างวันพฤหัสบดี 5 กุมภาพันธ์ - วันพุธ 11 กุมภาพันธ์ 2558 ได้ทุกโรงภาพยนตร์ฉบับล่าสุด!! คอหนังใหม่ไม่ควรพลาด


เรื่องแรก Single Lady เพราะเคยมีแฟน





วันที่หนังเข้าฉาย: 05-02-15

เรื่องเริ่มข้นโดย ไบรท์ หรือ อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ ที่เป็นสาวสวยนักการตลาดที่มีงานอดิเรกเป็นบล็อกเกอร์ เธอเป็นไอดอลของสาวโสด มีชีวิตครบทุกอย่าง และคิดว่าตัวเองมีความสุขได้โดยไม่ต้องมีความรัก แต่เมื่อโดนหมอดูทักว่า คนที่รักเธอยังคงทุกข์ใจจากเรื่องในอดีต ส่งผลให้เธอไม่พบกับรักแท้ และชีวิตการงานที่กำลังดีก็จะซวยหนัก ไบรท์เลยต้องกลับไปตามหาและช่วยเหลือคนรักเก่าเหล่านั้น โดยมี เข้ม หรือ เป้ อารักษ์ อมรศุภศิริ ชายหนุ่มที่มีเหตุให้ต้องเข้ามาช่วยเธอทำภารกิจครั้งนี้ให้สำเร็จ ปฏิบัติการครั้งนี้จะทำให้เธอได้มีโอกาสเรียนรู้และเข้าใจถึงการค้นพบความรักที่มีความสุขอย่างแท้จริงได้หรือไม่

เตรียมต้อนรับการมานางเอกเบอร์หนึ่ง อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ กลับสู่จอเงินอีกครั้งหลังจาก 30 กำลังแจ๋ว และผู้กำกับ ธนกร พงษ์สุวรรณ จากท้าชน และ Fake โกหกทั้งเพ รวมทั้งยังมีนักแสดงสมทบอีกคับคั่งในบทแฟนเก่าทั้งหลายของสาวโสดคนนี้ ทั้ง

  • ปิ๊ป รวิชญ์ เทิดวงศ์
  • นาวินต้าร์ นาวิน เยาวพลกุล
  • ต้าร์ บาร์บี้
  • ดีเจเอกกี้ 
  • โก๊ะตี๋ อารามบอย


เรื่องที่สอง Jupiter Ascending ศึกดวงดาวพิฆาตสะท้านจักรวาล




วันที่หนังเข้าฉาย: 05-02-15

หลังจากที่ จูปิเตอร์ โจนส์ หรือ มิลา คูนิส หญิงสาวที่เกิดภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืนต้องมาเผชิญอยู่ในโลกแห่งความจริงอันหนาวเหน็บ โดยมีอาชีพทำความสะอาดห้องน้ำในเมืองใหญ่ และต้องทำงานหนักอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้น แต่ชีวิตของเธอกลับถูกกำหนดไว้ให้เป็นราชินีของจักรวาลโดยที่เธอไม่รู้มาก่อน

จนกระทั่ง เคน หรือ แชนนิง เททัม นักดัดแปลงพันธุกรรม อดีตนักล่าของกองทัพได้เดินทางมายังโลก และนำเธอไปสู่ชะตากรรมที่รอเธอมาแสนนาน และเธอคนเดียวที่จะเป็นผู้ปรับเปลี่ยนความสมดุลของจักรวาล


เรื่องที่สาม The Rewrite เขียนยังไงให้คนรักกัน




วันที่หนังเข้าฉาย: 05-02-15

สำหรับผลงานภาพยนตร์โรแมนติก - คอมเมดี้ โดยผู้กำกับ Music & Lyrics ที่กลับมาร่วมงานกับพระเอกรอม - คอมตลอดกาล ฮิวจ์ แกรนต์ อีกครั้ง ที่เล่าเรื่องของนักเขียนบทรางวัลออสการ์ตกอับ ที่ต้องไปรับจ๊อบเป็นอาจารย์พิเศษในมหาวิทยาลัย

แต่ว่าแทนที่มันจะเป็นเพียงงานคั่นเวลา เขากลับได้รับบทเรียนจากนักเรียนแบบไม่คาดฝัน และก็ทำให้เขาตัดสินใจแก้ไขบทในชีวิตของตัวเอง ปี 1998 คีธ ไมเคิลส์ หรือ ฮิวจ์ แกรนต์ อยู่จุดสูงสุดของชีวิต เขาเป็นนักเขียนบทภาพยนตร์มือทองของฮอลลิวู้ด มีทั้งไหวพริบ หน้าตาหล่อเหลา และเพิ่งได้รับรางวัลออสการ์สาขาบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม

เพียงแต่อีก 15 ปีต่อมา ทุกอย่างก็กลับตาลปัตร เมื่อเขาไม่มีหนังฮิตมานานนับทศวรรษ หย่าร้าง แถมถังแตก เขาไม่มีทาางเลือกอื่นนอกจากรับงานเป็นอาจารย์พิเศษในมหาวิทยาลัยเล็กๆนอกเมือง ในช่วงแรกเขาไม่ได้คิดอะไรไปกว่าการหาเงินมาประทังชีพ พร้อมกับเติมความหวานให้ชีวิตด้วยการจีบสาวๆรุ่นลูกในรั้วมหาวิทยาลัย

แต่ว่าสิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือการเจอกับแม่ม้ายลูกติดนาม ฮอลลี่ คาร์เพนเตอร์ หรือ มาริสา โทเม่ ที่ตัดสินใจกลับมาเรียนให้มหาลัยให้จบ และเธอก็เป็นนักเรียนในคลาสเรียนของเขา คีธ ต้องพบกับ Twist ในชีวิตตัวเอง ในแบบที่เขาหาไม่ได้จากฮอลลิวู้ด



เรื่องที่สี่ The Theory of Everything




วันที่หนังเข้าฉาย: 05-02-15

สำหรับเรื่องราวสุดมหัศจรรย์ของหนึ่งในมนุษย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก สตีเฟ่น ฮอว์กิ้ง ที่มารับบทโดย เอ็ดดี้ เรดเมย์น นักฟิสิกส์ดาราศาสตร์ผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง ซึ่งป่วยเป็นโรคเซลล์ประสาทสั่งการเสื่อมหรือว่าโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ตั้งแต่อายุ 21 ปี และแพทย์วินิจฉัยว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ได้อีก 2 ปี แต่ด้วยความรัก กำลังใจ และความมุ่งมั่นของ เจน หรือ เฟลิซิตี้ โจนส์ แฟนสาวผู้ไม่เคยหวั่นไหว ทั้งสองจึงแต่งงานกัน โดยที่สตีเฟ่นไม่ย่อท้อในการต่อสู้กับโรคร้าย ทั้งคู่สร้างครอบครัวและเริ่มต้นสร้างผลงานใหม่ทางด้านการแพทย์และวิทยาศาสตร์ พวกเขาสร้างความสำเร็จได้มากกว่าที่พวกเขาเคยนึกฝันไว้ นั่นก็คือการอยู่มาจนถึงศตวรรษที่ 21


เรื่องที่ห้า Gallow Hills



วันที่หนังเข้าฉาย: 05-02-15

ลองมาทำความรู้จักกับ เดวิด เรย์โนลด์ส หรือ ปีเตอร์ ฟาซิเนลลี่ ที่เป็นพ่อม่ายหนุ่มชาวอเมริกันพาแฟนสาว ลอว์เรน หรือ โซเฟีย มายล์ส ไปรู้จักกับ จิล หรือ นาธาเลีย รามอส ลูกสาวตัวแสบของเขาซึ่งอยู่ในเมืองโบโกต้า ประเทศโคลอมเบีย

ในระหว่างที่ทั้งเขา คู่หมั้น และลูกสาวขับรถออกนอกเมือง เหตุไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ฝนตกหนักจนทำให้โคลนถล่ม รถของเขาไถลลงเนินเขา เมื่อมั่นใจว่าทุกคนไม่ได้บาดเจ็บสาหัส เดวิดก็ตัดสินใจเดินบุกป่าออกไปหาความช่วยเหลือ

และเขาได้เจอกับโรงแรมเล็กๆ แห่งหนึ่งในหุบเขา ที่มีเพียงชายชราหน้าตาตื่นกลัวเป็นคนเฝ้าเพียงลำพัง ทันทีที่เหยียบย่างเข้าไปในโรงแรม พวกเขาก็พบความไม่น่าไว้วางใจต่างๆ นานา

และเมื่อเดินลงไปในชั้นใต้ดิน ก็พบหญิงสาวคนหนึ่งถูกขังอยู่ พวกเขารีบปลดกุญแจและช่วยหญิงสาวคนดังกล่าวนี้ และในตอนนั้นเอง ที่เดวิดได้เกิดตระหนักว่า นรกที่แท้จริงเป็นอย่างไร และพวกเขาควรจะรอความช่วยเหลืออยู่ที่เนินเขาน่ะดีแล้ว

เรื่องGallow Hills จะสั่นประสาทคุณ เข้มข้น ระทึกจนวินาทีสุดท้าย!


ที่มา: http://movie.sanook.com/47069/