วันศุกร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2557

วิจารณ์หนังเรื่อง Teenage Mutant Ninja Turtles รวมทั้ง ภาพเซ็ตตัวอย่างหนังใหม่เรื่อง The Hobbit สงคราม 5 ทัพ



มาวิจารณ์หนังเรื่อง Teenage Mutant Ninja Turtles



ถือว่าเป็นความพยายามครั้งล่าสุดในการดัดแปลงการ์ตูนที่อยู่ในใจผู้คนมานับยุคนับสมัย อย่างเรื่อง เต่านินจา โดยส่วนตัวแล้ว TMNT ในเวอร์ชั่นที่มีผู้กำกับอย่างไมเคิล เบย์ เป็นโปรดิวเซอร์ของเรื่อง และมีผู้กำกับสายซีจีอย่างโจนาธาน ลีเบสแมนมาทำหน้าที่เป็นผู้กำกับแล้ว ผลลัพธ์ของหนังค่อนข้างเหมือนมหกรรมทรานส์ฟอร์มเมอร์เวอร์ชั่นรถยนต์กลายร่างไปเป็นเต่านินจาเสียมากกว่า

สำหรับเรื่อง Teenage Mutant Ninja Turtles ได้ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์มาแล้วถึงสี่ครั้ง อาทิเรื่อง Teenage Mutant Ninja Turtles ในปี 1990 ซึ่งกำกับโดย สตีฟ แบร์รอนโทน  โดยที่หนังออกมาในแนวมืดหม่น ดาร์คพอสมควร แต่หนังก็กวาดรายได้จากทั่วโลกไปถึง 200 ล้านเหรียญ 


และหนึ่งปีถัดมาหนังใหม่มีภาคที่ 2 ในชื่อเรื่อง Teenage Mutant Ninja Turtles II: The Secret of the Ooze ซึ่งเป็นการเผชิญหน้าครั้งที่สองระหว่างเต่านินจากับเชรดเดอร์ แต่ว่าได้รับคำวิจารณ์ในแง่ลบ แต่ตัวหนังก็ยังคงทำกำไรเช่นเดิม 

โดยในปี 1993 นั้นจะมีหนังตามออกมาในชื่อเรื่อง Teenage Mutant Ninja Turtles III ซึ่งจะเล่าเรื่องราวการย้อนเวลาเต่านินจาเจาะเวลาหาไดเมียว ก่อนที่จะหลุดไปอยู่ในยุคโบราณ ตัวหนังล้มเหลวอย่างมากทางคำวิจารณ์ทำกำไรได้เพียงนิดหน่อยจากทุนสร้าง และในปี 2007 เต่านินจาก็ถูกดัดแปลงเป็นหนังแอนิเมชั่นสามมิติกำกับโดย เควิน มุนโร โดยเล่าเรื่องราวที่เต่านินจาต่างก็แยกย้ายไปมีชีวิตเป็นของตัวเองก่อนจะกลับมารวมพลกันอีกครั้งเพื่อปราบสัตว์ประหลาด ตัวหนังทำรายได้ทั่วโลก 95 ล้านเหรียญจากทุนสร้าง 34 ล้านเหรียญ




แต่ว่าอย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าเรื่อง Teenage Mutant Ninja Turtles โดยในเวอร์ชั่นล่าสุดที่ออกมาตัวผู้เขียนเองก็ไม่ค่อยปลื้มกับวิธีการเล่าเรื่องในหนัง ซึ่งรวมไปถึงบทภาพยนตร์ที่อ่อนปวกเปียก แต่ว่าในโมเมนต์หนึ่งก็ต้องสารภาพกันตามตรงว่าเมื่อเราละสายตาจากส่วนที่ไม่ได้เป็นฉากดราม่าแล้ว ฉากแอ็คชั่นและงานซีจีในเรื่อง ตัวหนังค่อนข้างทำออกมาบันเทิง เร้าอารมณ์และสนุกมากๆทีเดียว

แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่ยังคงถูกนำมาถ่ายทอดในแฟรนชายส์ของเต่านินจาอย่างไม่เสื่อมคลายหายไปไหนก็คือการหยิบเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องเอามาถ่ายทอดเอาไว้ในเรื่องราว โดยสายใยระหว่างตัวละครในเรื่องนั้นเชื่อมโยงกันจนกระทั่งเรามองเห็นความรักของเจ้าหนูสปลินเตอร์ที่เป็นเหมือนตัวแทนของพ่อที่ต้องคอยดูแลลูกๆอย่างเต่านินจา



สิ่งที่น่าแปลกใจยิ่งนักก็คือตัวละครทางสายซีจีอันประกอบไปด้วยแก็งค์เต่านินจา

  1. ลีโอนาร์โด ซึ่งพากย์โดยจอห์นนี่ น็อกซ์วิลล์
  2. ราฟาเอล ซึ่งอลัน ริตซ์สัน
  3. ไมเคิลแองเจโล ซึ่งโนเอล ฟิชเชอร์
  4. โดนาเทลโล ซึ่งเจเรมี โฮเวิร์ด และ
  5. สปลินเตอร์ ซึ่งแดนนี่ วู๊ดเวิร์น 

โดยได้ถูกถ่ายทอดความรู้สึกและให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวา และเต็มไปด้วยมิติต่างๆมากกว่าตัวละครที่เป็นมนุษย์จริงๆเสียอีก

สำหรับเอพริล โอ นีล ซึ่งได้รับบทโดยเมแกน ฟอกซ์น่าจะเป็นตัวละครที่เข้าข่ายน่ารำคาญไร้สติที่สุดในรอบปี ซึ่งเราไม่ปฏิเสธในแง่ของความสวยเซ็กซ์เอ็กซ์แตกของเธอ โดยบทบาทของตัวละครนี้ก็คือนักข่าวสาวที่ได้ทำแต่ข่าวที่ไม่ค่อยจะประเทืองปัญญาสักเท่าไหร่ 

ดังนั้นเธอจึงได้พยายามที่จะพิสูจน์ตัวเองด้วยการตามสืบข่าวเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นในเมืองก่อนที่จะพบว่ามีผู้ผดุงความยุติธรรมที่เป็นเต่านินจา แน่นอนว่าเมื่อเธอพยายามจะบอกคนอื่นก็ไม่มีใครเชื่อเธอ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่พล็อตเรื่อง แต่อยู่ที่การกำกับให้ตัวละครเอพริลเป็นผู้หญิงที่ทำอะไรแบบไม่ค่อยมีสติเท่าไหร่นัก ทั้งที่เธอเป็นนักข่าวแท้ๆแต่ไม่สามารถ ที่จะโน้มน้าวใจ คนอื่นได้ 

และโดยเฉพาะที่เป็นหัวหน้าของเธอเองที่ เธอใช้วิธีการอธิบายเหตุการณ์เต่านินจาปรากฏตัวด้วยแผนผังประหลาดๆ และท้ายที่สุด เธอก็โดนหัวหน้าไล่ออกจากงาน ก็สมควรแล้ว


และความไร้สติของตัวละครนี้ไม่เพียงแค่เธอจะทำตัวป้ำเป๋อๆเท่านั้น แต่ว่าตัวละครนี้ยังออกแบบมาเพื่อกลายเป็นวัตถุทางเพศของผู้ชายในอีกนัยยะหนึ่งด้วยซ้ำ 

โดยเฉพาะฉากวินาศสันตะโรตอนลงจากภูเขาหิมะ ระหว่างที่ตัวละครเวอร์นอน แสดงโดยวิลล์ อาร์เนตต์ ซึ่งเป็นช่างภาพและนักข่าวผู้ติดตามเอพริล กำลังขับรถบรรทุกลงมานั้น เอเพริลก็ชะโงกหน้าออกจากหน้าต่างรถพร้อมก่งโค้งบั้นท้ายของเธอทำมุม 90 องศากับเบาะ และแน่นอนผู้ชายอย่างเวอร์นอนก็ต้องมัวแต่มองบั้นท้ายจนทำให้รถเสียการทรงตัวและพลิกคว่ำในเวลาต่อมา


ซึ่งในภาพรวมของรอบหนังค่อนข้างจัดได้ว่าวิธีการเล่าเรื่องของเต่านินจาในเวอร์ชั่นนี้ค่อนข้างมีความเป็นการ์ตูนอยู่สูงมากๆ ตัวละครมนุษย์จัดได้ว่าแบนราบมีมิติเพียงด้านเดียว ทุกอย่างในเรื่องเป็นไปตามความคาดหมาย ไม่มีอะไรเหนือการคาดเดา


การให้คะแนนโดยส่วนตัว 2 คะแนนจาก 5 คะแนน

@พริตตี้ปลาสลิด



นี่คือภาพเซ็ตตัวอย่างหนังใหม่เรื่อง The Hobbit สงคราม 5 ทัพ


หลังจากที่ปล่อยมาให้ได้ชมกันแล้ว กับภาพจากหนังเซ็ตแรกจากภาพยนตร์สุดยิ่งใหญ่อลังการกับการภาพยนตร์เรื่อง The Hobbit: The Battle of the Five Armies – เดอะ ฮอบบิท: สงคราม 5 ทัพ 

โดยผลงานการกำกับของ ปีเตอร์ แจ็คสัน ที่จะเป็นการนำเสนอบทสรุปการผจญภัยของ
  • บิลโบ แบ๊กกินส์
  • ธอริน โอเคนชีลด์และคณะคนแคระ

โดยที่ต้องการทวงคืนบ้านเกิดของตนจากมังกรสมอว์ก ซึ่งเหล่าคณะได้ปลุกพลังอันชั่วร้ายขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ สมอว์กโกรธแค้นและได้พ่นไฟทำร้ายมนุษย์ทั้งหญิงชายและเด็กๆ ที่ไม่มีทางสู้ในเมืองทะเลสาบด้วยความเดือดแค้น 

และด้วยความต้องการที่อยากจะไปทวงคืนทรัพย์สมบัติ ซึ่งธอรินยอมเสียสละมิตรภาพและเกียรติยศเพื่อใส่ร้ายว่าเป็นแผนชั่วของบิลโบ เพื่อทำให้เขาเห็นเหตุผลที่ควรให้ฮอบบิทเดินหน้าต่อไปท่ามกลางความรุนแรงและภัยอันตราย 

เพียงแต่ว่า กลับมีอันตรายที่โหดร้ายกว่ารออยู่เบื้องหน้า ซึ่งไม่มีใครมองเห็นได้นอกจากพ่อมดแกนดัล์ฟ ศัตรูผู้ยิ่งใหญ่อย่าซอรอนได้เคลื่อนทัพไปพร้อมกับกองทัพออร์คเพื่อแอบซุ่มโจมตีที่หุบเขาเดียวดาย




ซึ่งการต่อสู้ของพวกเขานั้นทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ คณะคนแคระ พวกเอล์ฟและมนุษญ์ต้องเลือกว่าจะร่วมมือกันหรือยอมถูกทำร้าย ชีวิตการต่อสู้ของบิลโบและเพื่อนๆ ของเขาต้องอยู่ในศึก Battle of the Five Armies อันยิ่งใหญ่ 

และเมื่ออนาคตของมิดเดิ้ลเอิร์ธต้องอยู่บนความสมดุล ภาพยนตร์ไตรภาคเรื่อง The Hobbit นั้นเป็นเรื่องราวที่ต่อเนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนมิดเดิ้ลเอิร์ธ 60 ปีในเรื่อง The Lord of the Rings 

โดยผู้ซึ่งสร้างภาพยนตร์ปีเตอร์ แจ็คสัน เจ้าของรางวัล Academy Award® และทีมงานของเขานำเสนอสู่จอยักษ์ในรูปแบบผลงานไตรภาคสุดโด่งดังจนในที่สุดได้รับรางวัล Oscar® จากเรื่อง The Lord of the Rings: The Return of the King


โดยที่
  1. เอียน แม็คเคลเลน ได้กลับมารับบท แกนดัล์ฟ พ่อมดเทา  
  2. มาร์ติน ฟรีแมน ที่ได้มารับบทสำคัญของ บิลโบ แบ๊กกิ้นส์ 
  3. ริชาร์ด อาร์มิเทจ ที่ได้มารับบท ธอริน โอเคนชิลด์ 

เหล่านักแสดงระดับโลกนำทีมโดย 
  1. อีแวนเจลีน ลิลลี่
  2. ลี เพซ
  3. ลุค อีแวนส์
  4. เบเนดิค คัมเบอร์แบตช์
  5. เค็น สต็อตต์
  6. เจมส์ เนสบิตต์ 
  7. เคต บลังเช็ตต์
  8. เอียน โฮล์ม
  9. คริสโตเฟอร์ ลี
  10. ฮิวโก้ วีฟวิ่ง
  11. ออร์แลนโด้ บลูม 

นักแสดงในภาพยนตร์ยังรวมถึง เรียงตามตัวอักษร 
  • จอห์น เบล
  • มานู เบนเน็ตต์
  • เจด โบรฟี่
  • อดัม บราวน์
  • จอห์น คอลเล็น
  • บิลลี่ คอนนอลลี่
  • สตีเฟ่น ฟราย
  • ไรอัน เกจ
  • มาร์ค แฮดโลว์
  • ปีเตอร์ แฮมเบิลตัน
  • สตีเฟ่น ฮันเตอร์
  • วิลเลียม เคอร์เชอร์
  • ซิลเวสเตอร์ แม็คคอย
  • กราแฮม แม็คทาวิช
  • ดีน โอ’กอร์แมน
  • มิคาเอล เพิร์สแบรนด์ และ 
  • ไอดัน เทอร์เนอร์




การ์ตูนเรื่องมืออสูรล่าปีศาจ ได้ทำเป็นซีรี่ย์คนจริงแสดงแล้ว




โดยที่มืออสูรล่าปีศาจ หรือ Hell Teacher Nube ซึ่งเป็นการ์ตูนดังเรื่องหนึ่งในนิตยสารจัมพ์ที่นักอ่านชาวไทยรู้จักกันดี เพราะมีตีพิมพ์ให้อ่านกันฉบับภาษาไทยและเคยลงในนิตยสารการ์ตูน C-Kids ในอดีต 

และเรื่องนี้อวสานไปเมื่อช่วงปี 1999 ปัจจุบันก็ผ่านไปประมาณ 15 ปีแล้ว แต่เรื่องนี้ก็ยังไม่หายไปไหน ยังคงมีวาดตอนพิเศษออกมาเรื่อยๆ ควบคู่ไปกับเรื่อง Izuna ที่เป็นการ์ตูนแนวปราบผีจากผู้วาดคนเดียวกัน โดยนอกจากเวอร์ชั่นหนังสือการ์ตูนและทีวีอนิเมะแล้วก็ยังมีเวอร์ชั่นภาพยนตร์ 3 ภาค และ OVA อีก 3 ภาคเช่นกัน

เพียงแต่ว่าก็มีอย่างหนึ่งที่เรื่อง มืออสูรล่าปีศาจ ยังไม่ได้ทำก็คือหนังเวอร์ชั่นคนจริงแสดง ซึ่งในโอกาสที่ครบรอบ 15 ปีนับตั้งแต่การ์ตูนนี้จบไป 

ดังนั้นก็เลยมีการนำมาสร้างเป็นหนังคนจริงแสดงซะเลย แต่ว่าไม่ได้ทำเป็นภาพยนตร์จอเงิน ทำเป็นเพียงซีรี่ย์ฉายทางโทรทัศน์เท่านั้น 

โดยที่มีเช็ครอบหนังกำหนดฉายตอนแรกในเดือนตุลาคม 2014 ที่ช่อง NTV ของญี่ปุ่น แฟนๆคนไทยอาจต้องรอดูเวอร์ชั่น DVD และ Blu Ray


และนี่คือรายชื่อตัวละครและนักแสดง


1.Nūbē Meisuke Nueno รับบทโดย Ryūhei Maruyama





2. Kyōsuke Tamamo รับบทโดย Mokomichi Hayami





3.Ritsuko Takahashi รับบทโดย Mirei Kiritani







4.Izuna Hazuki รับบทโดย Mizuki Yamamoto





5.Mugenkaijiku รับบทโดย Hideki Takahashi




ซึ่งเนื้อเรื่องของการ์ตูนมืออสูรล่าปีศาจ ได้กล่าวถึงครูประถมคนหนึ่ง ที่มีชื่อเล่นว่า นูเบ ผู้มีพลังมือของอสูรที่มือข้างซ้าย เขาใช้พลังนี้ในการปกป้องลูกศิษย์ของเขา เพื่อสานต่อเจตนารมณ์ของครูมินาโกะ ครูของเขาในอดีตที่ช่วยเหลือเขาไว้

และนอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องนิดหน่อย เนื่องจากฉากของเรื่องเป็นโรงเรียนจึงมีตัวละครนักเรียนเยอะ เพื่อความสะดวกและหลีกเลี่ยงปัญหาเกี่ยวกับตัวละครเด็ก ซีรี่ย์จึงเปลี่ยนฉากจากโรงเรียนประถม เป็นโรงเรียนมัธยมปลายแทน เพื่อให้นักแสดงวัยรุ่นแสดงแทนตัวละครเด็ก




ล่าสุดความคืบหน้า The Lego Movie 2 และมีโปรเจ็คแยกจาก Lego





โดยอย่างที่เราเคยได้ทราบกันดีว่าโปรเจ็คหนังภาคต่อของเรื่อง The Lego Movie อย่าง The Lego Movie 2 นั้นเคยวางกำหนดการเข้าฉายอย่างคร่าวๆไว้ในวันที่ 26 พฤษภาคม 2017 พ่วงกับ Ninjago ที่จะออกฉายวันที่ 23 กันยายน ปี 2016 

โดยไม่เพียงเท่านั้นข่าวล่าสุดคือทางวอร์เนอร์ มองการณ์ไกลว่าโปรเจ็คนี้น่าจะได้การตอบรับที่ดีและได้มีภาคต่ออย่างแน่นอนจึงวางกำหนดการณ์คร่าวๆของหนังภาคที่ 3 และภาคต่อของ Ninjago ไว้ในปี 2018 และ 2019 ตามลำดับ


เรื่อง The Lego Movie ถือว่าเป็นแอนิเมชั่นที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงลิบเมื่อมองย้อนกลับไปในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาตัวหนังทำเงินเปิดตัวได้ถึง 70 ล้านเหรียญและทำรายได้เฉพาะอเมริกาในช่วงเวลากว่า 6 เดือนเก็บยอดไปทั้งสิ้น 258 ล้าน และความสำเร็จอย่างล้นหลามเช่นนี้สตูดิโอคงไม่นิ่งเฉยในการทำกำไรต่ออย่างแน่นอน

แต่ว่าอย่างไรก็ตามจากแหล่งข่าวก็ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าภาคที่ 2 ของ Ninjago และภาคที่ 3 ของ The Lego Movie นั้นจะคลอดออกมาในปี 2018 และ 2019 แน่นอนหรือเปล่าเพราะยังถือว่าเป็นโครงการอนาคต ที่มีความเป็นได้สูง แต่อะไรๆก็เกิดขึ้นได้



ด้วยความสำเร็จของเรื่อง The Lego Movie นั้นต่อลมหายใจให้กับหนังแฟรนชายส์ของสตูดิโอได้เป็นอย่างดี เพราะนั้นหมายความว่าเลโก้ จะสามารถต่อยอดไปได้เรื่อยๆหากหนังประสบความสำเร็จ และอย่างที่รู้กันดีว่าตัวละครใน The Lego Movie ภาคแรกนั้นมีการดึงเอาตัวละครในค่ายนี้มาใช้ไม้ว่าจะเป็น พ่อมดเทาจาก 1.The Lord of The Ring, 2.แบทแมน, 3.วันเดอร์วูแมน, 4.กรีน แลนเทิร์น และอีกหลายต่อหลายตัว





ซึ่งการที่วอร์เนอร์ได้ถือสิทธิของตัวการ์ตูนจากค่าย DC เอาไว้ทั้งหมด สตูดิโอจึงต้องบริหารจัดการกับเหล่าตัวละครซูเปอร์ฮีโร่และหนงแอนิเมชั่นที่อยู่ในมือ ซึ่งจะว่าไปแล้วความสำเร็จประการใหญ่ของหนังสตูดิโอนี้ก็เกิดขึ้นเพราะแบทแมน ไตรภาคของคริสเตอร์เฟอร์ โนแลน รวมไปถึง Man of Steel ที่หยิบเอาเรื่องของซูเปอร์แมนมาปัดฝุ่นเสียใหม่ ขณะที่ฝ่ายแอนิเมชั่นที่เป็นความหวังของค่ายอย่าง The Lego Movie นั้นหากพัฒนาเรื่องราวให้น่าสนใจก็น่าจะมีโอกาสเป็นหน้าเป็นตาให้กับธุรกิจของวอร์เนอร์ได้เป็นอย่างดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น