หนังเรื่องฮอร์โมนสุดพลุ่งพล่านกับรักสามเส้าใน “ฝากไว้ในกายเธอ”
ซึ่งหลังจากที่ซีรีย์ยอดฮิตอย่างเรื่องฮอร์โมน วัยว้าวุ่น (Hormones) เดินทางมาถึงซีซั่นที่ 2 เป็นที่เรียบร้อย กระแสความนิยมในตัวซีรีย์นั้นนอกจากเรื่องราวอันแสนเผ็ดร้อนของช่วงชีวิตวัยรุ่น ซึ่งก้าวไกลไปกว่าละครไทยเรื่องอื่นๆ นอกจากนี้ยังทำให้บรรดานักแสดงนำในเรื่องล้วนโด่งดังเป็นพลุแตกกันเป็นแถวๆ เรียกได้ว่าแต่ละคนนั้นโฆษณาและผลิตภัณฑ์เรียกไปเป็นพรีเซนเตอร์กันชนิดจับเซ็นสัญญาแทบไม่ทัน
และดูเหมือนว่าในปีนี้ค่ายหนังอารมณ์ดีอย่าง GTH จะไม่ค่อยมีหนังชุกแบบปีก่อนๆ เพราะหลังจาก คิดถึงวิทยา เมื่อต้นปี แล้ว มาเรื่องนี้คือ The Swimmers หรือเรื่อง ฝากไว้..ในกายเธอ ก็เป็นหนังเรื่องที่ 2 ของในปีนี้ ซึ่งเป็นผลงานการกำกับภาพยนตร์ของ จิม โสภณ ศักดาพิศิษฏ์ ที่เคยฝากผลงานเอาไว้ในหนัง สยองขวัญเรื่องลัดดาแลนด์ซึ่งนอกจากจะทำรายได้เป็นที่น่าพอใจแล้ว ตัวหนังยังเข้าชิงรางวัลตามสถาบันภาพยนตร์มากมายและถูกดัดแปลงเป็นละครเวทีเปิดแสดงที่รัชดาลัย เธียเตอร์อีกด้วย
เรื่องรักสามเส้าครั้งนี้ได้บอกเล่าเรื่องราวของ
1.เพิร์ทหรือ มาร์ช จุฑาวุฒิ ภัทรกำพล และ
2.แทนหรือ ต่อ ธนภพ ลีรัตนขจร เพื่อนรักและคู่แข่งตัวฉกาจ เพราะทั้งคู่นั้นต่างก็เป็นนักกีฬาว่ายน้ำของจังหวัดที่พยายามแย่งชิงโควตาเข้ามหาวิทยาลัย ทว่าไม่ว่าเพิร์ทจะพยายามมากแค่ไหนก็ตาม แต่เขาก็ไม่สามารถเอาชนะพรสวรรค์ของแทนได้เลย นอกไปจากนี้เพิร์ทเองยังแอบตกหลุมรัก ไอซ์หรือ เก้า สุภัสสรา ธนชาต แฟนสาวของแทน ซึ่งเธอก็แอบมีใจให้เขาเช่นกัน
แต่ทว่าจู่ๆไอซ์กลับฆ่าตัวตายอย่างปริศนาภายในสระว่ายน้ำ แทนเสียใจมากจนหายหน้าไปจากการซ้อมทำให้ เพิร์ทกลายเป็นตัวเต็งในการคว้าโควตาเข้ามหาวิทยาลัย แต่ทุกครั้งที่เขาซ้อมว่ายน้ำอยู่คนเดียวเขากลับรู้สึกเหมือนมีใครคอยมาจ้องมองเขาอยู่ตลอดเวลา กระทั่งวันหนึ่งแทนก็ก็กลับมาเล่าถึงสาเหตุที่ไอซ์ฆ่าตัวตายให้กับเพิร์ทฟัง และลั่นว่าเขาจะแก้แค้นให้กับคนที่ทำให้ไอซ์ตายให้ได้
โดยที่ตัวผู้กำกับอย่าจิม โสภณนั้นตั้งใจจะผสมผสานความเป็นหนังดราม่าวัยรุ่นและผีเข้าไว้ด้วยกัน และนอกจากนี้ตัวหนังยังใส่ความเป็นทริลเลอร์เข้ามาผสมผสานด้วย ตัวนักแสดงของเรื่องนั้นอย่างเก้าที่ว่ายน้ำไม่ค่อยจะแข็งเท่าไหร่นัก เธอเลยต้องเข้าคอร์สเรียนว่ายน้ำแบบจริงจัง ส่วนสองพระเอกของเรื่องอย่างต่อกับมาร์ชก็จ้องฝึกเทรนกับเทรนเนอร์นักกีฬาทีมชาติจริงๆ รวมไปถึงฟิตหุ่นให้ดูมีกล้ามเนื้อด้วย
เจอกันวันที่ 7 สิงหาคมนี้ในโรงภาพยนตร์
ตัวอย่างภาพยนตร์ ฝากไว้ในกายเธอ
ภาพล่าสุดเมื่อ พีต้า และ โจฮันนา วีรบุรุษและวีรสตรีแห่งเมืองพาเน็ม
เป็นที่ยิ่งใหญ่สมการรอคอย ร้อนแรงสมคำร่ำลือ สำหรับภาพชุดใหม่ที่สร้างกระแสความฮือฮาไม่แค่เฉพาะในพาเน็ม แต่ยังเป็นกลายปรากฏการณ์ไปทั่วโลก โดยหลังเสร็จสิ้นการแข่งชันควอเตอร์ เควลครั้งที่ผ่านมา 2 ผู้รอดชีวิตอย่าง “พีต้า” และ “โจฮันนา” ถูกควบคุมตัวโดยประธานาธิบดีสโนว์ ไม่มีใครทราบความเป็นไปของทั้งคู่จนกระทั่งการปล่อยภาพนี้ของทั้งคู่ออกมาในฐานะวีรบุรุษและวีรสตรีของชาวพาเน็ม เนื่องในโอกาสของการเฉลิมฉลองให้กับความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของประชาชนชาวพาเน็มตามคำขวัญ “One Panem” อย่างไรก็ดี ไม่มีใครที่รู้อย่างแท้จริงว่านี่คือฉากหน้าของประกายไฟดวงเล็ก ๆ ที่พร้อมจะกลายเป็นเปลวเพลิงแห่งการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ต่อไป
เผยให้เห็นแล้วโปสเตอร์แรกของหนังเรื่อง The Hobbit : The Battle of the Five Armies ของงาน Comic Con
หลังจากที่ได้ปล่อยโปสเตอร์มายั่วน้ำลายกันแล้วกับโปสเตอร์ของภาพยนตร์เรื่อง The Hobbit: The Battle of the Five Armies ตอนที่ 3 จากผลงานไตรภาคที่ดัดแปลงมาจากผลงานชิ้นเอกของเจ.อาร์.อาร์.โทลคีน เรื่อง The Hobbit จากผลงานผู้สร้างเจ้าของรางวัล Academy Award® ปีเตอร์ แจ็คสัน “The Hobbit: The Battle of the Five Armies”เป็นการนำเสนอบทสรุปการผจญภัยของ
1.บิลโบ แบ๊กกินส์
2.ธอริน โอเคนชีลด์และ
3.คณะคนแคระที่ทวงคืนบ้านเกิดของตนจากมังกรสมอว์ก
ซึ่งเหล่าคณะเพื่อนของเขาได้ปลุกพลังอันชั่วร้ายขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ สมอว์กโกรธแค้นและได้พ่นไฟทำร้ายมนุษย์ทั้งหญิงชายและเด็กๆ ที่ไม่มีทางสู้ในเมืองทะเลสาบด้วยความเดือดแค้น ด้วยความต้องการที่อยากจะไปทวงคืนทรัพย์สมบัติ ธอรินยอมเสียสละมิตรภาพและเกียรติยศเพื่อใส่ร้ายว่าเป็นแผนชั่วของบิลโบ เพื่อทำให้เขาเห็นเหตุผลที่ควรให้ฮอบบิทเดินหน้าต่อไปท่ามกลางความรุนแรงและภัยอันตราย แต่กลับมีอันตรายที่โหดร้ายกว่ารออยู่เบื้องหน้า ซึ่งไม่มีใครมองเห็นได้นอกจากพ่อมดแกนดัล์ฟ ศัตรูผู้ยิ่งใหญ่อย่าซอรอนได้เคลื่อนทัพไปพร้อมกับกองทัพออร์คเพื่อแอบซุ่มโจมตีที่หุบเขาเดียวดาย
ซึ่งการต่อสู้ของพวกเขานั้นทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ คณะคนแคระ พวกเอล์ฟและมนุษญ์ต้องเลือกว่าจะร่วมมือกันหรือยอมถูกทำร้าย ชีวิตการต่อสู้ของบิลโบและเพื่อนๆ ของเขาต้องอยู่ใน Battle of the Five Armies อันยิ่งใหญ่ เมื่ออนาคตของมิดเดิ้ลเอิร์ธต้องอยู่บนความสมดุล ภาพยนตร์ไตรภาคเรื่อง “The Hobbit”
ซึ่งการต่อสู้ของพวกเขานั้นทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ คณะคนแคระ พวกเอล์ฟและมนุษญ์ต้องเลือกว่าจะร่วมมือกันหรือยอมถูกทำร้าย ชีวิตการต่อสู้ของบิลโบและเพื่อนๆ ของเขาต้องอยู่ใน Battle of the Five Armies อันยิ่งใหญ่ เมื่ออนาคตของมิดเดิ้ลเอิร์ธต้องอยู่บนความสมดุล ภาพยนตร์ไตรภาคเรื่อง “The Hobbit”
ซึ่งเป็นเรื่องราวที่ต่อเนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนมิดเดิ้ลเอิร์ธ 60 ปีในเรื่อง “The Lord of the Rings” ซึ่งผู้สร้างภาพยนตร์ปีเตอร์ แจ็คสัน เจ้าของรางวัล Academy Award® และทีมงานของเขานำเสนอสู่จอยักษ์ในรูปแบบผลงานไตรภาคสุดโด่งดังจนในที่สุดได้รับรางวัล Oscar® จาก “The Lord of the Rings: The Return of the King”
1.เอียน แม็คเคลเลน กลับมารับบท แกนดัล์ฟ พ่อมดเทา พร้อมกับ
2.มาร์ติน ฟรีแมน ที่มารับบทสำคัญของ บิลโบ แบ๊กกิ้นส์ และ
3.ริชาร์ด อาร์มิเทจ ที่มารับบท ธอริน โอเคนชิลด์ เหล่านักแสดงระดับโลกนำทีมโดย
4.อีแวนเจลีน ลิลลี่
5.ลี เพซ
6.ลุค อีแวนส์
7.เบเนดิค คัมเบอร์แบตช์
8.เค็น สต็อตต์
9.เจมส์ เนสบิตต์ พร้อมกับ
10.เคต บลังเช็ตต์
11.เอียน โฮล์ม
12.คริสโตเฟอร์ ลี
13.ฮิวโก้ วีฟวิ่ง
14.และออร์แลนโด้ บลูม
นักแสดงในภาพยนตร์ยังรวมถึง (เรียงตามตัวอักษร)
นักแสดงในภาพยนตร์ยังรวมถึง (เรียงตามตัวอักษร)
1.จอห์น เบล
2.มานู เบนเน็ตต์
3.เจด โบรฟี่
4.อดัม บราวน์
5.จอห์น คอลเล็น
6.บิลลี่ คอนนอลลี่
7.สตีเฟ่น ฟราย
8.ไรอัน เกจ
9.มาร์ค แฮดโลว์
10.ปีเตอร์ แฮมเบิลตัน
11.สตีเฟ่น ฮันเตอร์
12.วิลเลียม เคอร์เชอร์
13.ซิลเวสเตอร์ แม็คคอย
14.กราแฮม แม็คทาวิช
15.ดีน โอ’กอร์แมน
16.มิคาเอล เพิร์สแบรนด์ และ
17.ไอดัน เทอร์เนอร์
ซึ่งบทภาพยนตร์เรื่อง The Hobbit: The Battle of the Five Armies นั้นเขียนขึ้นโดย
1.ฟราน วอล์ช
2.ฟิลลิปป้า โบเยนส์
3.ปีเตอร์ แจ็คสัน และ
4.กิลเลอร์โม เดล โตโร
ซึ่งสร้างขึ้นจากนิยายของเจ.อาร์.อาร์.โทลคีน
อำนวยการสร้างฯ โดย
1.แจ็คสันพร้อมกับ
2.แคโรลิน คันนิงแฮม
3.เซน วีเนอร์ และ
4.ฟราน วอล์ช
อำนวยการสร้างบริหารฯ โดย
1.อลัน ฮอร์น
2.โทบี้ เอ็มเมอริช
3.เค็น คามินส์ และ
4.แคโรลิน แบล็ควูด
ร่วมอำนวยการสร้างบริหารฯ โดย
1.ฟิลลิปป้า โบเยนส์ และ
2.ไอลีน โมแรน
ทีมงานเบื้องหลังภาพยนตร์ที่สร้างสรรค์ได้กลับมาร่วมงานกับทีมแจ็คสัน อาทิเช่น
1.ผู้กำกับภาพ แอนดรูว์ เลสนี่
2.ผู้ออกแบบฉาก แดน เฮนนาห์
3.ผู้ลำดับภาพ จาเบซ โอลเซน และ
4.ผู้ประพันธ์ดนตรี ฮาเวิร์ด ชอว์
5.ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย
5.1 แอน มาสครีย์
5.2 ริชาร์ด เทย์เลอร์ และ
5.3 บ็อบ บัค เทย์เลอร์ยังควบคุมการออกแบบและการผลิตอาวุธ เกราะป้องกัน
และการแต่งหน้าเทียมที่ครั้งหนึ่งเคยสร้างผลงานโดย Weta Workshop ที่คว้ารางวัลมาแล้ว Weta Digital รับหน้าที่ด้านวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ของภาพยนตร์
นำทีมโดยผู้ควบคุมด้านวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์
1.โจ เลทเทอรี่
ส่วนการออกแบบทรงผมและการแต่งหน้าโดย
1.ปีเตอร์ ซอร์ด คิง
ออกแบบคอนเซ็ปต์โดย
1.จอห์น ฮาว และ
2.อลัน ลี
ผู้ควบคุมวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์
1.อีริค เซนดอน
ผู้ควบคุมแอนิเมชั่น
2.เดวิด เคลย์ตัน
ซึ่งทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้การกำกับฯ ของแจ็คสันนี้ ภาพยนตร์เรื่อง “The Hobbit: The Battle of the Five Armies” มีการถ่ายทำในระบบ 3 มิติ 48 เฟรมต่อวินาที และจะฉายในระบบของ High Frame Rate 3D (HFR 3D) ในบางโรงภาพยนตร์ รวมทั้งระบบธรรมดา ระบบ 3 มิติและระบบ IMAX® การถ่ายทำใช้สถานที่ใน Miramar ของแจ็คสันที่เวลลิงตัน และสถานที่รอบประเทศนิวซีแลนด์ ในส่วนของโพสต์โปรดักชั่นใช้สถานที่ของ Park Road Post Production ที่เวลลิงตัน New Line Cinema และ Metro-Goldwyn-Mayer Pictures นำเสนอภาพยนตร์โดย WingNut Films Production เรื่อง “The Hobbit: The Battle of the Five Armies” ภาพยนตร์สองภาคแรกในผลงานไตรภาคคือเรื่อง “The Hobbit: An Unexpected Journey” และ “The Hobbit: The Desolation of Smaug” ผลงานตอนสุดท้ายเป็นผลงานการผลิตของโดย New Line Cinema Metro-Goldwyn-Mayer Pictures (MGM) ร่วมกับ New Line ภาพยนตร์จะเริ่มฉายทั่วโลกวันที่ 17 ธันวาคม 2014 และในโรงภาพยนตร์ต่างประเทศบางแห่งวันที่ 10 ธันวาคม 2014
ซึ่งเกี่ยวกับความลับนางมารร้ายนั้นน่าที่จะถูกจัดอยู่ในหนังกลุ่มประเภทที่เป็นดั่งละครซิท-คอมขนาดยาวที่ถูกยกเอามาเล่าเรื่องบนจอจอเงินด้วยการสร้างคาแรกเตอร์ของตัวละครให้มีลักษณะเหมือนการ์ตูนญี่ปุ่น ซึ่งมีมิติของความเป็นมนุษย์ที่มีเลือดเนื้อค่อนข้างต่ำ(หรือจริงๆก็แทบจะไม่มีเลย) แต่ก็อย่าเพิ่งด่วนดูแคลนหนังเรื่องนี้ไป เนื่องจากบางครั้งบางทีแล้วเราก็ต้องถามตัวเองเช่นกันว่าเราจะมองหนังเรื่องหนึ่งด้วยกรอบแว่นตาแบบใดกัน เราคงไม่ได้มองหาความ “สมจริง” (Realistic) ผ่านหนังเช่นนี้ ดังนั้นเมื่อเราลองมองหนังด้วยลักษณะของการ์ตูนแล้ว หนังก็จะดูบันเทิงขึ้นบ้างตามอัตภาพ
โดยที่นางมารร้ายอันเป็นเจ้าของเรื่องราวทั้งหมดก็คือ บุษบา(พีชญา วัฒนามนตรี) หัวหน้ากลุ่มนางมารร้ายที่มาพร้อมกับแนวคิดที่ว่า “รักสนุกไม่ผูกพัน” เธอมีเพื่อนสาวสุดซี้อีก 3 คนได้แก่ 1.ซินดี้, 2.แอ้ และ 3.ลาล่า กระทั่งวันหนึ่งระหว่างที่เธอออกตระเวนราตรีกับกลุ่มเพื่อนสาวและได้พบกับ เหนือสมุทร(ธีรเดช เมธาวรายุทธ) หนุ่มหล่อสุดเพียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง ซึ่งเขามาเที่ยวพร้อมกับเพื่อนเกย์อย่างปองชาย
เมื่อบุษบามองเห็นเหยื่อรายใหม่ที่เธอพร้อมจะตกแล้วทิ้ง ทว่าเหนือสมุทรกลับทำให้เธอประทับใจด้วยความจริงใจจนทำให้บุษบาเริ่มหวั่นไหวกับความรู้สึกของเธอเองแต่เธอก็ไม่ยอมรับกับความรู้สึกนั้นและเลือกจะโกหกตัวเองด้วยการบอกเลิกเหนือสมุทรไปอย่างไร้เยื่อใย
ซึ่งนั่นทำให้เหนือสมุทรเสียใจมาก เขาจึงเดินทางไปดูคอนเสิร์ตสุดเศร้าที่ริมทะเลในชื่องาน “คอนเสิร์ตหัวใจสลาย” ที่นั่นเองเขาได้พบกับสาวเพื่อนสาวสุดซี้แสนน่ารักอย่าง 1.ป่าสาวน้อยโปรดิวเซอร์สุดมั่น, 2.คิม สาวสปอร์ตผู้รักในสุขภาพของตัวเองและ 3.จิ พริตตี้มากความสามารถซึ่งพูดได้ถึง 5 ภาษาด้วยกัน และเมื่อเหนือสมุทรได้พบกับหญิงสาวทั้งสามที่ช่วยปลอบประโลมจิตใจ
แต่ทว่ายิ่งเวลาผ่านพ้นเลยไปบุษบากลับจมปลักอยู่กับความรู้สึกของตัวเอง แต่เมื่อเพื่อนสาวคนสนิทเห็นบุษบาเป็นเช่นนั้นพวกเธอจึงยอมให้เพื่อนรักแหกกฎที่ตัวเองเคยตั้งเอาไว้แล้วไปทวงผู้ชายของเธอกลับมา
ซึ่งอันที่จริงแล้วตัวหนังความลับนางมารร้ายนั้นตั้งโจทย์ของเรื่องเอาไว้ได้น่าสนใจมากๆ ซึ่งมันว่าด้วยเรื่องของ “ความลับของผู้หญิง” ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ชายไม่เคยรับรู้และไม่เคยจะเข้าใจด้วยเช่นกัน ในขณะที่โลกของภาพยนตร์นั้นเป็นสังคมของผู้ชายเสียส่วนใหญ่ (ทีมงานส่วนน้อยที่จะเป็นผู้หญิง) และที่สำคัญผู้กำกับส่วนมากของโลกภาพยนตร์มักจะเป็นผู้ชายและก็เล่าเรื่องราวต่างๆผ่านสายตาของผู้ชายอีกเช่นกัน ทว่าโจทย์ของหนังเรื่องนี้กลับไม่ได้พูดถึงความลับของหญิงสาวออกมาเป็นรูปธรรมเด่นชัดแต่อย่างใด แต่ตัวหนังก็มัวดูแต่จะวนเวียนขายมุกตลกดาษดื่นที่บางฉากก็กินเวลาร่วมหลายนาทีและไม่สามารถขับเคลื่อนประเด็นของเรื่องให้คืบหน้าไปสักเท่าไหร่
และถึงแม้ว่าตัวเดินเรื่องของหนังเรื่องนี้อาจจะเป็นผู้หญิงอย่างบุษบา ซึ่งมีลักษณะของตัวละครผู้หญิงร้าย พยายามทำตัวเป็นคาสโนวี่ที่ไม่ยอมศิโรราบให้กับผู้ชายคนไหนก็ตาม แต่ท้ายที่สุดแล้วบทสรุปของตัวละครนี้ เธอก็ไม่ได้แตกต่างจากผู้หญิงอื่นทั่วไปในสังคม นั่นก็คือเธอยังคงโหยหาและเฝ้ารอผู้ชายดีๆสักคน ซึ่งหนังก็วาดรูปธรรมให้กับผู้ชาย(ในฝัน) ของผู้หญิงด้วยการให้เขาเป็นนักธุรกิจรูปหล่อ นิสัยดี รักครอบครัว และที่สำคัญเป็นคนจริงใจ (หาที่ไหนได้ถ้าไม่ใช่ในหนัง???)
แต่สิ่งที่น่าเสียดายที่สุดในหนังก็คือ ถ้าหากตัวหนังกล้าเล่นกับความ Bitchy ของนางเอกหรือทำตัวให้ร้ายแบบสุดทาง มากกว่าจะมาในโหมดประนีประนอมอย่างที่เป็นอยู่ หนังอาจจะชวนให้ผู้ชมตั้งคำถามได้มากกว่านี้ว่า ถ้าหากผู้หญิงคนหนึ่งร้ายกาจขนาดที่ยอมกลับตัวกลับใจกลายมาเป็นผู้หญิงที่ยอมรับในตัวผู้ชายคนหนึ่งได้จริงๆนั้น หนังอาจจะสร้างผลกระทบทางอารมณ์ของผู้ชมได้มากกว่าที่เป็นอยู่ เพราะสิ่งที่ปรากฏอยู่ในเรื่องก็ดูเหมือนจะสร้างสถานการณ์แบบขอทีไปที คนดูก็รู้แบบไม่ต้องลุ้นอะไรกันอยู่ดีว่าสุดท้ายยังไงพระ-นางก็ต้องลงเอยกันแบบนั้น
และสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้และเป็นตัวช่วยเพิ่มดีกรีความสนุกให้กับหนังเรื่องนี้ก็คือบรรดานักแสดงสมทบอย่างแก๊งคู่แข่งนางมารร้าย ซึ่งทั้งสามคนนี้เป็นดาราหน้าใหม่หมด แต่ถ้าพูดฉายาของพวกเธอออกมาแล้วรับรองว่าจะต้องรู้จักกันอย่างแน่นอน บทของพริตตี้สมองใส รับบทโดยน้องจิ๋วจิ๋ว VRzo และสาวเฮลท์คลับรับบทโดนน้องแอน โพลิติก ซึ่งบรรดานักแสดงกลุ่มนี้นี่เองที่เรียกได้ว่าปรากฏตัวขึ้นบนจอเมื่อไหร่ พวกเธอก็พร้อมจะขโมยซีนนักแสดงคนอื่นทุกเมื่อ จนเรียกได้ว่าเสียงฮาหลักๆของหนังมาจากพวกเธอกลุ่มนี้เลยก็ว่าได้
ในหนังเรื่องความลับนางมารร้าย เป็นหนังที่เบาสมองและบทก็เบาบางเช่นกัน ถ้าคุณไม่ได้คาดหวังอะไรมากมาย นี่อาจจะเป็นหนังที่ดูพอกล้อมแกล้มแก้เบื่อแก้เซงไปได้บ้าง บางทีมันอาจจะเหมาะกับการเป็นหนังเก็บตกเอาไว้ดูตอนวันพุธช่วงราคาบัตรลดราคาก็ได้นะครับ
ให้ 2 คะแนนจาก 5 คะแนน
@พริตตี้ปลาสลิด
ซึ่งบทภาพยนตร์เรื่อง The Hobbit: The Battle of the Five Armies นั้นเขียนขึ้นโดย
1.ฟราน วอล์ช
2.ฟิลลิปป้า โบเยนส์
3.ปีเตอร์ แจ็คสัน และ
4.กิลเลอร์โม เดล โตโร
ซึ่งสร้างขึ้นจากนิยายของเจ.อาร์.อาร์.โทลคีน
อำนวยการสร้างฯ โดย
1.แจ็คสันพร้อมกับ
2.แคโรลิน คันนิงแฮม
3.เซน วีเนอร์ และ
4.ฟราน วอล์ช
อำนวยการสร้างบริหารฯ โดย
1.อลัน ฮอร์น
2.โทบี้ เอ็มเมอริช
3.เค็น คามินส์ และ
4.แคโรลิน แบล็ควูด
ร่วมอำนวยการสร้างบริหารฯ โดย
1.ฟิลลิปป้า โบเยนส์ และ
2.ไอลีน โมแรน
ทีมงานเบื้องหลังภาพยนตร์ที่สร้างสรรค์ได้กลับมาร่วมงานกับทีมแจ็คสัน อาทิเช่น
1.ผู้กำกับภาพ แอนดรูว์ เลสนี่
2.ผู้ออกแบบฉาก แดน เฮนนาห์
3.ผู้ลำดับภาพ จาเบซ โอลเซน และ
4.ผู้ประพันธ์ดนตรี ฮาเวิร์ด ชอว์
5.ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย
5.1 แอน มาสครีย์
5.2 ริชาร์ด เทย์เลอร์ และ
5.3 บ็อบ บัค เทย์เลอร์ยังควบคุมการออกแบบและการผลิตอาวุธ เกราะป้องกัน
และการแต่งหน้าเทียมที่ครั้งหนึ่งเคยสร้างผลงานโดย Weta Workshop ที่คว้ารางวัลมาแล้ว Weta Digital รับหน้าที่ด้านวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ของภาพยนตร์
นำทีมโดยผู้ควบคุมด้านวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์
1.โจ เลทเทอรี่
ส่วนการออกแบบทรงผมและการแต่งหน้าโดย
1.ปีเตอร์ ซอร์ด คิง
ออกแบบคอนเซ็ปต์โดย
1.จอห์น ฮาว และ
2.อลัน ลี
ผู้ควบคุมวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์
1.อีริค เซนดอน
ผู้ควบคุมแอนิเมชั่น
2.เดวิด เคลย์ตัน
ซึ่งทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้การกำกับฯ ของแจ็คสันนี้ ภาพยนตร์เรื่อง “The Hobbit: The Battle of the Five Armies” มีการถ่ายทำในระบบ 3 มิติ 48 เฟรมต่อวินาที และจะฉายในระบบของ High Frame Rate 3D (HFR 3D) ในบางโรงภาพยนตร์ รวมทั้งระบบธรรมดา ระบบ 3 มิติและระบบ IMAX® การถ่ายทำใช้สถานที่ใน Miramar ของแจ็คสันที่เวลลิงตัน และสถานที่รอบประเทศนิวซีแลนด์ ในส่วนของโพสต์โปรดักชั่นใช้สถานที่ของ Park Road Post Production ที่เวลลิงตัน New Line Cinema และ Metro-Goldwyn-Mayer Pictures นำเสนอภาพยนตร์โดย WingNut Films Production เรื่อง “The Hobbit: The Battle of the Five Armies” ภาพยนตร์สองภาคแรกในผลงานไตรภาคคือเรื่อง “The Hobbit: An Unexpected Journey” และ “The Hobbit: The Desolation of Smaug” ผลงานตอนสุดท้ายเป็นผลงานการผลิตของโดย New Line Cinema Metro-Goldwyn-Mayer Pictures (MGM) ร่วมกับ New Line ภาพยนตร์จะเริ่มฉายทั่วโลกวันที่ 17 ธันวาคม 2014 และในโรงภาพยนตร์ต่างประเทศบางแห่งวันที่ 10 ธันวาคม 2014
ซึ่งเกี่ยวกับความลับนางมารร้ายนั้นน่าที่จะถูกจัดอยู่ในหนังกลุ่มประเภทที่เป็นดั่งละครซิท-คอมขนาดยาวที่ถูกยกเอามาเล่าเรื่องบนจอจอเงินด้วยการสร้างคาแรกเตอร์ของตัวละครให้มีลักษณะเหมือนการ์ตูนญี่ปุ่น ซึ่งมีมิติของความเป็นมนุษย์ที่มีเลือดเนื้อค่อนข้างต่ำ(หรือจริงๆก็แทบจะไม่มีเลย) แต่ก็อย่าเพิ่งด่วนดูแคลนหนังเรื่องนี้ไป เนื่องจากบางครั้งบางทีแล้วเราก็ต้องถามตัวเองเช่นกันว่าเราจะมองหนังเรื่องหนึ่งด้วยกรอบแว่นตาแบบใดกัน เราคงไม่ได้มองหาความ “สมจริง” (Realistic) ผ่านหนังเช่นนี้ ดังนั้นเมื่อเราลองมองหนังด้วยลักษณะของการ์ตูนแล้ว หนังก็จะดูบันเทิงขึ้นบ้างตามอัตภาพ
โดยที่นางมารร้ายอันเป็นเจ้าของเรื่องราวทั้งหมดก็คือ บุษบา(พีชญา วัฒนามนตรี) หัวหน้ากลุ่มนางมารร้ายที่มาพร้อมกับแนวคิดที่ว่า “รักสนุกไม่ผูกพัน” เธอมีเพื่อนสาวสุดซี้อีก 3 คนได้แก่ 1.ซินดี้, 2.แอ้ และ 3.ลาล่า กระทั่งวันหนึ่งระหว่างที่เธอออกตระเวนราตรีกับกลุ่มเพื่อนสาวและได้พบกับ เหนือสมุทร(ธีรเดช เมธาวรายุทธ) หนุ่มหล่อสุดเพียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง ซึ่งเขามาเที่ยวพร้อมกับเพื่อนเกย์อย่างปองชาย
เมื่อบุษบามองเห็นเหยื่อรายใหม่ที่เธอพร้อมจะตกแล้วทิ้ง ทว่าเหนือสมุทรกลับทำให้เธอประทับใจด้วยความจริงใจจนทำให้บุษบาเริ่มหวั่นไหวกับความรู้สึกของเธอเองแต่เธอก็ไม่ยอมรับกับความรู้สึกนั้นและเลือกจะโกหกตัวเองด้วยการบอกเลิกเหนือสมุทรไปอย่างไร้เยื่อใย
ซึ่งนั่นทำให้เหนือสมุทรเสียใจมาก เขาจึงเดินทางไปดูคอนเสิร์ตสุดเศร้าที่ริมทะเลในชื่องาน “คอนเสิร์ตหัวใจสลาย” ที่นั่นเองเขาได้พบกับสาวเพื่อนสาวสุดซี้แสนน่ารักอย่าง 1.ป่าสาวน้อยโปรดิวเซอร์สุดมั่น, 2.คิม สาวสปอร์ตผู้รักในสุขภาพของตัวเองและ 3.จิ พริตตี้มากความสามารถซึ่งพูดได้ถึง 5 ภาษาด้วยกัน และเมื่อเหนือสมุทรได้พบกับหญิงสาวทั้งสามที่ช่วยปลอบประโลมจิตใจ
แต่ทว่ายิ่งเวลาผ่านพ้นเลยไปบุษบากลับจมปลักอยู่กับความรู้สึกของตัวเอง แต่เมื่อเพื่อนสาวคนสนิทเห็นบุษบาเป็นเช่นนั้นพวกเธอจึงยอมให้เพื่อนรักแหกกฎที่ตัวเองเคยตั้งเอาไว้แล้วไปทวงผู้ชายของเธอกลับมา
ซึ่งอันที่จริงแล้วตัวหนังความลับนางมารร้ายนั้นตั้งโจทย์ของเรื่องเอาไว้ได้น่าสนใจมากๆ ซึ่งมันว่าด้วยเรื่องของ “ความลับของผู้หญิง” ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ชายไม่เคยรับรู้และไม่เคยจะเข้าใจด้วยเช่นกัน ในขณะที่โลกของภาพยนตร์นั้นเป็นสังคมของผู้ชายเสียส่วนใหญ่ (ทีมงานส่วนน้อยที่จะเป็นผู้หญิง) และที่สำคัญผู้กำกับส่วนมากของโลกภาพยนตร์มักจะเป็นผู้ชายและก็เล่าเรื่องราวต่างๆผ่านสายตาของผู้ชายอีกเช่นกัน ทว่าโจทย์ของหนังเรื่องนี้กลับไม่ได้พูดถึงความลับของหญิงสาวออกมาเป็นรูปธรรมเด่นชัดแต่อย่างใด แต่ตัวหนังก็มัวดูแต่จะวนเวียนขายมุกตลกดาษดื่นที่บางฉากก็กินเวลาร่วมหลายนาทีและไม่สามารถขับเคลื่อนประเด็นของเรื่องให้คืบหน้าไปสักเท่าไหร่
และถึงแม้ว่าตัวเดินเรื่องของหนังเรื่องนี้อาจจะเป็นผู้หญิงอย่างบุษบา ซึ่งมีลักษณะของตัวละครผู้หญิงร้าย พยายามทำตัวเป็นคาสโนวี่ที่ไม่ยอมศิโรราบให้กับผู้ชายคนไหนก็ตาม แต่ท้ายที่สุดแล้วบทสรุปของตัวละครนี้ เธอก็ไม่ได้แตกต่างจากผู้หญิงอื่นทั่วไปในสังคม นั่นก็คือเธอยังคงโหยหาและเฝ้ารอผู้ชายดีๆสักคน ซึ่งหนังก็วาดรูปธรรมให้กับผู้ชาย(ในฝัน) ของผู้หญิงด้วยการให้เขาเป็นนักธุรกิจรูปหล่อ นิสัยดี รักครอบครัว และที่สำคัญเป็นคนจริงใจ (หาที่ไหนได้ถ้าไม่ใช่ในหนัง???)
แต่สิ่งที่น่าเสียดายที่สุดในหนังก็คือ ถ้าหากตัวหนังกล้าเล่นกับความ Bitchy ของนางเอกหรือทำตัวให้ร้ายแบบสุดทาง มากกว่าจะมาในโหมดประนีประนอมอย่างที่เป็นอยู่ หนังอาจจะชวนให้ผู้ชมตั้งคำถามได้มากกว่านี้ว่า ถ้าหากผู้หญิงคนหนึ่งร้ายกาจขนาดที่ยอมกลับตัวกลับใจกลายมาเป็นผู้หญิงที่ยอมรับในตัวผู้ชายคนหนึ่งได้จริงๆนั้น หนังอาจจะสร้างผลกระทบทางอารมณ์ของผู้ชมได้มากกว่าที่เป็นอยู่ เพราะสิ่งที่ปรากฏอยู่ในเรื่องก็ดูเหมือนจะสร้างสถานการณ์แบบขอทีไปที คนดูก็รู้แบบไม่ต้องลุ้นอะไรกันอยู่ดีว่าสุดท้ายยังไงพระ-นางก็ต้องลงเอยกันแบบนั้น
และสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้และเป็นตัวช่วยเพิ่มดีกรีความสนุกให้กับหนังเรื่องนี้ก็คือบรรดานักแสดงสมทบอย่างแก๊งคู่แข่งนางมารร้าย ซึ่งทั้งสามคนนี้เป็นดาราหน้าใหม่หมด แต่ถ้าพูดฉายาของพวกเธอออกมาแล้วรับรองว่าจะต้องรู้จักกันอย่างแน่นอน บทของพริตตี้สมองใส รับบทโดยน้องจิ๋วจิ๋ว VRzo และสาวเฮลท์คลับรับบทโดนน้องแอน โพลิติก ซึ่งบรรดานักแสดงกลุ่มนี้นี่เองที่เรียกได้ว่าปรากฏตัวขึ้นบนจอเมื่อไหร่ พวกเธอก็พร้อมจะขโมยซีนนักแสดงคนอื่นทุกเมื่อ จนเรียกได้ว่าเสียงฮาหลักๆของหนังมาจากพวกเธอกลุ่มนี้เลยก็ว่าได้
ในหนังเรื่องความลับนางมารร้าย เป็นหนังที่เบาสมองและบทก็เบาบางเช่นกัน ถ้าคุณไม่ได้คาดหวังอะไรมากมาย นี่อาจจะเป็นหนังที่ดูพอกล้อมแกล้มแก้เบื่อแก้เซงไปได้บ้าง บางทีมันอาจจะเหมาะกับการเป็นหนังเก็บตกเอาไว้ดูตอนวันพุธช่วงราคาบัตรลดราคาก็ได้นะครับ
ให้ 2 คะแนนจาก 5 คะแนน
@พริตตี้ปลาสลิด
และท่านสามารถจะติดตามรับชม ตัวอย่างหนังใหม่ ดูหนังฟรี หนังเข้าใหม่ เพิ่มเติมได้ที่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น