ทำความรู้จักกับ อินฟินิตี้ สโตน ซึ่งเป็นหนังขุมพลังลับแห่งจักรวาลมาร์เวล

มาทำความรู้จักกับ อินฟินิตี้ สโตน ซึ่งขุมพลังลับแห่งจักรวาลมาร์เวล

ลองมาทำความรู้จักกับ อินฟินิตี้ สโตน

นี่คือขุมพลังลับแห่งจักรวาลของมาร์เวล

เมื่อถึงเวลานี้ถ้าไม่พูดคงไม่ได้แล้วกับ The Infinity Stones ดิ อินฟินิตี้ สโตน ซึ่งเป็นขุมพลังงานทั้ง 6 ชนิดที่มีพลังงานอย่างไร้ที่สิ้นสุด ซึ่งในบรรดาคนที่มีพลังและทรงอิทธิพลในจักรวาลมาร์เวลต่างก็พยายามแย่งชิงเม็ดลูกอม เฮ้ยไม่ใช่อัญมณีเหล่านี้อย่างถึงเลือดถึงเนื้อ บ้างก็ถึงกับทำสงครามข้ามจักรวาลกันเลยทีเดียว ถ้าอย่างนั้นเราลองไปทำความรู้จักความพิเศษของอัญมณีแต่ละเม็ดกันเลยดีกว่าครับ

1. Space Gem หรือ อัญมณีสีม่วง ซึ่งมีพลังในการท่องอวกาศ วาร์ปและส่งวัตถุขนาดใหญ่ผ่านประตูมิติไปยังที่อื่นได้ (เทสเซอแร็คก้อนสีฟ้าทรงสี่เหลี่ยมที่เราเห็นจากใน The Avengers)

2. Mind Gem หรือ อัญมณีสีน้ำเงิน มีพลังควบคุมจิตใจผู้อื่น เปลี่ยนแปลง แทรกเหตุการณ์ ลบความจำ รวมทั้งใส่ความฝันลงไปในสมองคนอื่นก็ได้ สามารถใช้ค้นหาคนอื่นผ่านคลื่นสมอง สื่อสารทางโทรจิตและเคลื่อนย้ายวัตถุ (อยู่บนหัวไม้เท้าของโลกิ)

3. Soul Gem หรือ อัญมณีสีเขียว มีพลังถอดจิตออกจากร่างเพื่อไปโจมตีหรือขโมยวิญญาณผู้อื่น

4. Reality Gem หรือ อัญมณีสีเหลือง มีพลังเปลี่ยนแปลงความจริงทุกอย่างให้เป็นไปตามความต้องการของผู้ใช้มันตามหลักวิทยาศาสตร์

5. Time Gem หรือ อัญมณีสีส้ม มีพลังควบคุมเวลาทั้งอดีต ปัจจุบัน อนาคต เพิ่มลดอายุของสิ่งมีชีวิต รวมไปถึงสามารถท่องไปในมิติเวลาต่างๆได้ด้วย

6. Power Gem หรือ อัญมณีสีแดง มีพลังเพิ่มความแข็งแกร่งแบบไร้ขีดจำกัด (อีเธอร์ ปรากฏใน Thor: The Dark World)

ซึ่งในเฟส 2 ของมาร์เวลนั้นเราจะได้เห็นว่า The Infinity Stones ในฉากเอนเครดิตของ Thor: The Dark World ซึ่งเลดี้ ซิฟและโวลสแต็กก์ เพื่อนของธอร์ได้นำอีเธออร์ไปฝากไว้กับ The Collector (ที่เราได้เห็นจากใน Guardians of the Galaxy เนื่องจากบนแอสการ์ดก็มีเทสเซอแรคต์เป็นขุมพลังอยู่แล้ว และประโยคเด็ดที่เขาพูดก็คือ ได้มาหนึ่งแล้ว เหลืออีกห้า นั่นแสดงถึงเป้าหมายที่เขาจะต้องการรวบรวมอัญมณีให้ครบ 6 ชิ้นก่อนจำนำมาประกอบเป็นถุงมือ Infinity Gauntlet ซึ่งมีอำนาจทำลายล้างจักรวาลได้ ในเวอร์ชั่นการ์ตูนผู้ที่ครอบครองถุงมือนี้ก็คือธานอส ยักษ์สีม่วงที่ปรากฏตัวขึ้นในฉากเอนเครดิตของ The Avengers

คลิปหนัง Marvel  ย้อนอดีตจากตอน 1 ถึงตอน 2

Special Scoop สุดฮอตของสตาร์-ลอร์ด พ่อหนุ่มคริส แพรทท์

Special Scoop สุดฮอตของสตาร์-ลอร์ด พ่อหนุ่มคริส แพรทท์

ซึ่งนี่แน่นอนว่านับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พ่อหนุ่ม คริส แพรทท์ จะกลายเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงคนใหม่ที่น่าจับตามองในวงการฮอลลีวู้ด เพราะหลังจากที่ภาพยนตร์ของค่ายมาร์เวล คอมมิกส์ออกฉายคริส แพรทท์ก็เริ่มมีออร่าจับ แต่ความเป็นจริงแล้วพ่อหนุ่มคนนี้ไม่ได้เข้าวงการแล้วแจ้งเกิดกับบทสตาร์-ลอร์ด ใน Guardians of the galaxy เป็นเรื่องแรก หากแต่เขาเล่นหนังมานานแล้วพอดู ถ้าอย่างนั้นเราลองไปทำความรู้จักกับพ่อหนุ่มตาหวานคนนี้กันดีกว่า

ซึ่งอันที่จริงแล้วนั้น คริส แพรทท์ เป็นนักแสดงที่มักจะรับเล่นหนัง ตลก เบาสมองอยู่หลายเรื่องด้วยความที่เขาเองมีความเป็นดาวตลกอยู่ในตัวแต่หน้าตาหล่อเหลา ประกอบกับเสน่ห์เฉพาะตัวและมีอารมณ์ขัน ในปี 2002 เขาแสดงในซีรีย์เรื่อง EVERWOOD ที่ได้ออกฉายตั้งแต่ปี 2002-2006

สำหรับชื่อ คริสโตเฟอร์ ไมเคิล แพรทท์ นั้นเป็น ชื่ออย่างเต็มของเขา เขาเกิดเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน ปี 1979 ที่เมืองเวอร์จิเนีย รัฐมินิโซต้า ซึ่งเขาเป็นลูกชายคนเล็กของ แดน และเคธี่ แพรทท์ เขามีพี่ชายและพี่สาวอย่างละหนึ่งคน แถมตอนสมัยยังเด็กเพราะใบหน้าและท่าทางตลกๆเหมือนลิงของคริสทำให้เขาโดนตั้งฉายาว่า มังกี้บอย Mokey Boy

และหลังจากทีเขาเรียนจบไฮสคูล แพรทท์ไปทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟอยู่ที่ร้าน Bubba Gump Shrimp Co ในรัฐฮาวายก่อนที่หน้าตาหล่อๆของเขาจะไปสะดุดตาผู้กำกับและนักแสดงสาวอย่าง เร ดอว์น ชอง จนเขาได้เล่นหนังครั้งแรกกับหนังสั้นเรื่อง Cursed Part 3 และหลังจากนั้นมาเขาก็ได้แสดงซีรีย์ Everwood จนได้รับรางวัลบนเวที Teen Choice Awards

สำหรับ งานอดิเรกของ คริสนั้นก็คือการออกไป 1.ตกปลา 2.ล่าสัตว์ 3.ออกแคมป์และ 4.สะสมแมลงสตัฟฟ์ ความชอบส่วนตัวดังกล่าวดันไปคลิ๊กกับสาว แอนนา ฟาริส ซึ่งเป็นนักแสดงตลกเหมือนกัน ทำให้ทั้งคู่แต่งงานใช้ชีวิตร่วมกัน และดูทั้งคู่จะรักกันดีตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

โดยภาพยนตร์เรื่องที่ดัง ๆ ที่เขาได้ร่วมแสดงอาทิ 

1.BRIDE WARS ที่ประกบคู่นักแสดงสาวสุดฮอตเคต ฮัดสันและแอนน์ ฮาธาเวย์

2.MoneyBall บทนักเบสบอลตกอับ

3.Zero Dark Thirty ที่เขาต้องเล่นเป็นทหารตามไล่ล่าบิน ลาดิน

4.Delivery Man กับบททนายหนุ่มจอมกวนที่อวบระยะสุดท้าย

เมื่อ KICKBOXER ได้รีเมคหนัง ให้จา พนม 

ประกบ สก็อต แอดกิ้นส์

เมื่อ KICKBOXER ได้รีเมคหนังใหม่ จา พนม ประกบสก็อต แอดกิ้นส์

ซึ่งเมื่อประมาณ 5 เดือนก่อนมีการประกาศว่าจะหยิบหนังแอ็คชั่นสุดมันส์ในอดีตอย่าง Kickboxer เพื่อเอามารีเมคใหม่ ในเวอร์ชั่นปี 1989 ตัวดูหนังฟรีนั้นได้นำแสดงโดย 

1.ฌอง คล๊อด แวมแดม ซึ่งในเรื่องจะมีนักแสดง/สตันท์แมนอย่าง 

    1.อลันด์ มัวส์ซิ X-Men: Days of Future Past จะมาแสดงนำคู่กับ 

    2.จอร์จ เซนต์ ปิแอร์ Captain America: The Winter Soldier และ 

    3.เดฟ บัลทิสต้า Guardians of the Galaxy

โดยที่ล่าสุดเมื่อราวๆ 2 วันก่อนมีการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการแล้วว่าตัวหนังจะได้ สก็อต แอดกินส์ จากหนัง Zero Dark Thirty และ โทนี่ จา (หรือจา พนม) มาร่วมแสดงในหนังเรื่องนี้ด้วย โดยจะมีผู้กำกับอย่าง สตีเฟ่น ฟุง ดูแลการถ่ายทำ ซึ่งผลงานของผู้กำกับท่านนี้ก็เป็นที่เลื่องลือถึงงานคิวบู้ที่น่าจดจำอาทิ TAI CHI ZERO และ TAI CHI HERO

ซึ่งการที่หนังได้นักแสดงนำอย่าง แอดกินส์ และ จา พนม มาร่วมแสดงนั้นยิ่งช่วยเพิ่มแนวเทคนิคการต่อสู้แบบต่างๆมากมายจนทำให้หนังเรื่องนี้มีเทคนิคการต่อสู้มากถึงกว่า 20 ชนิด ตัว b ก็เคยเป็นนักมวยปล้ำในเวที WWE มาก่อนและยังมีทักษะการต่อสู้แบบ

1.คาลิ

2.มวยไทยและมวยบราซิลแบบจิว-จิสซึ

3.อลันด์ มัวส์ซิ ถนัดเรื่องการต่อสู้แบบคาราเต้

4.คิกซ์ บ๊อกซิ่ง

5.อากิโด้

6.โกชินโด้

7.มวยฟิลิปปิส์

8.แชมโบ้

9.ยูโด และ

10.จิว-จิสซึ

11.จอร์จ เซนต์ ปิแอร์ถนัดคาราเต้ 

12.มวยไทยและมวยบราซิลแบบจิว-จิสซึ รวมไปถึงมวยปล้ำ

ส่วนทางด้านของจา พนมเองอย่างที่คนไทยเราทรายกันดีว่า ศิลปะการต่อสู้แบบแม่ไม้มวยไทยนั้นออกสู่สายตาชาวโลกผ่านหนังอย่างเรื่อง องค์บาก ที่ต่างชาติยกให้เป็นหนังคัลท์คลาสสิคไปแล้ว ซึ่งทางกองถ่ายก็ให้เครดิตกับจา พนมวาเขามีความสามารถด้าน 

1.เทคควอนโด

2.มวยไทย

3.มวยโบราณ

4.ยูโดและ

5.วูซู

โดยที่ตัวหนังนั้นจะเกี่ยวข้องกับการประลองการต่อสู้ที่มีเรื่องความแค้นส่วนตัวเป็นเดิมพัน ทำให้พระเอกของเรื่องต้องเดินทางเข้าร่วมสังเวียนการประลองและต้องพบกับนักสู้จากทั่วทุกมุมโลก ตัวหนังวางกำหนดเวลาเข้าฉายเอาไว้ช่วงปี 2015

หนังเรื่องโดราเอมอน 3D มาแรง ได้ยึดที่ 1 box office 

ในสัปดาห์แรก

หนังเรื่องโดราเอมอน 3D มาแรง ได้ยึดที่ 1 box office ในสัปดาห์แรก

ในด้านของความนิยมของการดูภาพยนตร์ที่ประเทศญี่ปุ่นนั้น ต่อให้เป็นภาพยนตร์ที่มาแรงจากฮอลลีวู้ดแค่ไหน ก็สู้ภาพยนตร์การ์ตูนของญี่ปุ่นเองไม่ได้ มันขึ้นอยู่กับเรื่องด้วยแหละ โดยที่ในสัปดาห์ล่าสุดแม้หนังดังอย่าง Transformers: Age of Extinction นั้นก็ไม่สามารถยึดอันดับหนึ่งของ box office ญี่ปุ่นมาได้ แต่กลับเป็นหนังเรื่อง Stand By Me Doraemon ภาพยนตร์การ์ตูน 3D CG ภาคแรกของโดราเอมอน 

ซึ่งแม้ว่าจะมีเสียงวิพากวิจารณ์เยอะกับหนังเรื่องนี้ในตอนแรก แต่ก็สามารถทำรายได้ไปถล่มทลายในสัปดาห์แรกถึง 988,257,700 เยน และมียอดจำหน่ายตั๋วรวมทั้งหมด 726,739 ใบ คิดเป็นเงินไทยได้ 345 ล้านบาท สาเหตุที่ทำให้ภาพยนตร์การ์ตูนโดราเอมอนภาคนี้ทำรายได้เยอะก็เพราะ เป็นช่วงปิดเทอมฤดูร้อนของเด็กๆญี่ปุ่นพอดี

ซึ่งจากผลสำรวจผู้ชม Stand By Me Doraemon พบว่าผู้ชมส่วมมากรู้สึกประทับใจกับหนังโดราเอมอน 3D CG ภาคนี้ โดยได้มีผู้ชมประมาณ 88.4% ซึ้งจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ส่วนสถิติของผู้ชมนั้นเป็นชาย 47% หญิง 53% ส่วนมากจะเป็นเด็กประถมถึงมัธยม อายุ 10-20 ปั และวัยรุ่นช่วง 20 กว่าปี นอกนั้นก็มีอายุ 30-40 ปีขึ้นปีอยู่บ้าง ล้วนแต่เป็นแฟนการ์ตูนโดราเอมอนทั้งนั้น ไม่ว่าจะรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ โดยเนื้อเรื่องของ Stand By Me Doraemon ก็จะหยิบเอาการ์ตูนตอนต่างๆมาผสมกันจนเกิดเป็นเนื้อเรื่องใหม่เฉพาะของภาคนี้ เริ่มตั้งแต่ช่วงกำเนิดโดราเอมอน ที่มาจากอนาคตโดยไทม์แมชชีนในลิ้นชักโต๊ะของโนบิตะ ปู่ของเซวาชิในอนาคตที่ทำอะไรก็ไม่ได้เรื่องจนเป็นเหตุให้ครอบครัวยากลำบาก ไปจนถึงตอนที่โดราเอมอนต้องลากกลับอนาคตไป

ส่วนอันดับที่สองใน box office ญี่ปุ่นเป็นของภาพยนตร์จากการ์ตูนซามูไรพเนจรภาคสอง Rurouni Kenshin: Kyoto Inferno ที่ครองอันดับหนึ่งไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จนตกอันดับในสัปดาห์นี้เพราะความแรงของโดราเอมอน ส่วนตัวอย่างหนังใหม่ดังจากฮอลลีวู้ดอย่าง Transformers: Age of Extinction อยู่ที่อันดับ 3 และไม่เคยขึ้นอันดับหนึ่งเลย โดนภาพยนตร์การ์ตูนแย่งอันดับตลอด

ซึ่งนอกจากนี้ Stand By Me Doraemon โดราเอมอนก็จะมีภาพยนตร์ภาคใหม่อีก เพื่อฉลองครบรอบ 80 ปีอาจารย์ ฟุจิโกะ เอฟ ฟุจิโอะ คือภาคชื่อ Doraemon: Nobita's Space Hero Record ฉายในปี 2015 ส่วนแฟนๆคนไทยที่รอดู Stand By Me Doraemon ก็ไม่ต้องห่วงเพราะจะมีนำมาฉายให้ดูในไทยด้วยแน่นอนเร็วนี้ เช่นเดียวกับซามูไรพเนจรภาคสองด้วย

น่าจะมีเข้ามาขายในไทยนะ