วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

หนัง: บทวิจารณ์หนัง Whiplash เป้าหมายมีไว้พุ่งชน

บทวิจารณ์หนัง Whiplash  เป้าหมายมีไว้พุ่งชน




สำหรับรอบหนังอย่างเรื่อง Whiplash ซึ่งถ้าจะพูดกันตามตรงเลย ว่าหนังเรื่องนี้ไม่น่าจะสามารถทำตลาดในวงกว้างได้สักเท่าไหร่ เพราะว่าหน้าหนังฟอร์มเล็กเหลือเกินและแน่นอนตลาดคนดูหนังบ้านเราก็น้อยนักที่จะเสพย์งานสเกลระดับนี้สืบเนื่องมาจากราคาค่าบัตรและการประเมินความคุ้มค่าในการ พูดต่อ หลังจากที่หนังจบ

ก็แน่นอนล่ะที่ว่า ในหนังสเกลเล็กๆ นั้นมันย่อมมีความ ตื่นตาตื่นใจ น้อยกว่าหนังมาใหม่อย่างเรื่อง Interstellar แน่นอน

นั่นทำให้หนังในกลุ่มนี้ได้รับความน่าสนใจจากสาธารณชนน้อยกว่าที่มันควรจะได้รับมาตั้งแต่ไหนแต่ไร





และสำหรับตัวอย่างหนังใหม่เรื่อง Whiplash นั้นจะบอกเล่าเรื่องราวของ แอนดรูว์ หรือ ไมลส์ เทลเลอร์ จากหนังเรื่อง Divergent ซึ่งเป็นมือกลองหนุ่มวัย 19 ปี ที่ต้องการเป็นมากกกว่าฉากหลังในวงดนตรี ซึ่งความฝันของเขานั้นต้องการที่จะเป็นเป็นมือกลองระดับโลกก็เริ่มต้นขึ้น

และเมื่อเขาถูกค้นพบโดย เทอเรนซ์ เฟลชเชอร์ หรือ เจเค ซิมมอนซ์ ซึ่งเป้นครูสอนดนตรีที่มีวิธีการสอนที่เข้มข้น โดยเฉพาะเมื่อเขาเห็นถึงพรสวรรค์ที่อยู่ในตัวเด็กคนนี้ ถึงแม้ว่าเขาต้องการเป็นนักดนตรีที่ยอดเยี่ยม

เพียงแต่ว่าสิ่งที่ แอนดรูว์ นั้นยังไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจก็คือ เทอเรนซ์ ไม่ต้องการสิ่งอื่นใดนอกจากความสมบูรณ์แบบ และก็พร้อมที่จะทำลายใครก็ตามที่ทำให้วงดนตรีของเขาไม่ได้เป็นที่หนึ่ง นี่คือการเดินทางที่ฝ่านรกเพื่อที่จะไปถึงสวรรค์ แอนดรูว์ จะต้องก้าวข้ามผ่านอุปสรรคมากมายเพื่อที่จะไปถึงจุดหมายที่เขาตั้งใจไว้




โดยที่ตัวหนังมาใหม่นั้นจะมีสไตล์การเล่าเรื่องแบบ Coming of Ages ซึ่งนั่นคือตัวละครอย่างแอนดรูวส์จะได้เผชิญกับความยากลำบากในการฝึกฝนฝีมือของตัวเองเพื่อพัฒนาศักยภาพของเขาให้รุดหน้าขึ้นไปและทำให้เทอเรนซ์สามารถเลือกและมองเห็นความสามารถในตัวเขา ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ง่ายเลย แต่แทนที่ผู้กำกับอย่าง เดเมี่ยน ชาร์เซลลีย นั้นจะเล่ามันออกมาแบบเถรตรงตามสไตล์ของมัน เขากลับเลือกจะใส่เข้มข้น เร้าอารมณ์สุดระทึกใจด้วยการทำให้ตัวละครเทอเรนซ์เป็นครูสอนดนตรีที่มีความเป็นเฟอร์เฟคชั่นนิสในตัวเองจนล้นทะลัก



และคงจะต้องขอบคุณการแสดงของนักแสดงอย่าง เจเค ซิมมอนซ์ ที่เราเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าเขาจะต้องติดโผในสาขานักแสดงสมทบชายในช่วงงานประกาศรางวัลในต้นปีหน้าตามสถาบันต่างๆอย่างแน่นอน เรียกได้ว่าฉากเร้าอารมณ์จากการเคี่ยวกรำของตัวละครเทอเรนซ์ในการตีกลองนั้นกลายเป็นฉากที่ชวนลุ้นจนแทบจะไม่ติดเก้าอี้จนเราหลงลืมไปเลยว่านี่เรากำลังนั่งดูฉากฝึกความสามารถ หาใช่ฉากที่มีการสาดกระสุดกันอย่างบ้าคลั่งในฉากแอ็คชั่น



และสำหรับหนังเรื่องย่อละคร Whiplash นั้นยังตั้งคำถามถึงเรื่องการเป็นครูและลูกศิษย์ได้น่าสนใจ ว่าบางทีความหวังดีเกินไป นั้นอาจจะกลับกลายเป็นความกดดันที่ผลักดันให้เด็กคนหนึ่งเดินไปยังขอบเหว

และทางเลือกของพวกเขามีแค่กระโดดให้พ้นจากหน้าผาหรือถอยหลังกลับไป ซึ่งถ้าเด็กคนนั้นเลือกที่จะกระโดดไปแต่ไปไม่ถึงฝั่ง นั่นหมายความว่าโอกาสที่เขาจะร่วงลงไปในเหวก็มีสูงพอๆกัน มีอยู่ฉากหนึ่งที่เทอเรนซ์เดินเข้ามาในคลาสแล้วบอกเล่าเรื่องการจากไปของลูกศิษย์ตนว่าหลังจากที่เขาประสบความสำเร็จแต่ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้เขา จากโลกนี้ ไปก่อนเวลา ทำให้น้ำตาของเทอเรนซ์ก็ไหลนองเบ้าตา สะท้อนให้เห็นถึงสภาวะบางประการของตัวละคร

ซึ่งอันที่จริงสำหรับตัวโปรแกรมหนังนั้นจัดได้ว่ามีความบันเทิง เร้าอารมณ์ ด้วยองค์ประกอบศิลป์โดยเฉพาะดนตรีประกอบที่เรากล่าวได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่ามันช่วยทำให้อารมณ์ของคนดูพุ่งไปพร้อมๆกับกราฟความน่าสนใจของเรื่อง ฉากโซโล่กลองของตัวเอกเรียกได้ว่าลุ้นระทึกและสั่นสะท้านคนดูไปพร้อมๆกัน และแน่นอนว่าอรรถรสสูงสุดในการฟังก็คือการดูหนังเรื่องนี้ในโรงภาพยนตร์เท่านั้นครับ

@พริตตี้ปลาสลิด

ขอมอบให้ 4.5/5 คะแนน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น