วิจารณ์หนังใหม่ Draft Day
สำหรับผมแล้ว Draft Day กลายเป็นหนังที่
น่าสงสารมาก เนื่องจากกระแสโปรโมตที่ค่อนข้างน้อย
หนังที่เกี่ยวข้องกับเกมกีฬาอเมริกันฟุตบอลถูกมองเป็นลูกเมียน้อยเสียเหลือ
เกินสำหรับประเทศแถบเอเชีย
และยิ่งไปกว่านั้นสถานการณ์ทางการเมืองที่ร้อนระอุ
ยิ่งทำให้รอบฉายหนังเรื่องนี้หดสั้นจนแทบจะเรียกได้ว่ามีรอบฉายแต่ช่วงเวลา
ที่ "คนทำงาน" อดดูกันไปตามระเบียบ
จริงอยู่ที่หน้าหนังอาจจะไม่เชิญชวนให้ผู้
ชมตีตั๋วเข้าไปดูสักเท่าไหร่ แต่ถ้าหากคุณเป็นคนหนึ่งที่สนอกสนใจเรื่อง
"ธุรกิจการกีฬา" แล้วล่ะก็ Draft Day
ถือเป็นหนังที่จะทำให้เราเลือดสูบฉีดพล่านไปกับหนึ่งวันของ ซันนี่ วีเวอร์ จูเนียร์ (รับบทบาทโดยเควิน คอสเนอร์)
ผู้จัดการทีมคลีฟแลนด์ บราวน์ที่กำลังต้องหัวหมุน
เพราะหนึ่งวันต่อจากนี้คือ การดราฟท์ วันสำคัญที่แต่ละทีมในลีค NFL
ย่อมาจาก National Football League
ซึ่งจะต้องคัดเลือกนักกีฬาดาวรุ่งในระดับมหาวิทยาลัยเข้าสู่ทีม
ซึ่งเขาก็ถูกกดดันจากตัวเองและคนรอบข้าง เพื่อนร่วมงาน นายทุนและแฟนบอล
เพราะเขาต้องเป็นคนฟันธงในการเลือกนักกีฬาเข้าทีม
อย่างไรก็ตามกระบวนการดราฟท์ Draft
คือประเพณีสำคัญสำหรับลีกกีฬาทั้ง 4 ชนิดในอเมริกาทั้ง อเมริกันฟุตบอล,
บาสเกตบอล, เบสบอลและฮ็อกกี้น้ำแข็ง
ซึ่งอาจจะกล่าวได้ว่านี่คือฤดูเก็บเกี่ยวที่เปิดโอกาสให้กับสโมสรได้เฟ้นหา
เพชรที่จะมาเป็นนักกีฬาเลือดใหม่ โดยที่บรรดาผู้บริหาร ผู้จัดการทีม โค้ช
จะต้องรู้จุดแข็งและจุดอ่อนในทีมของตัวเอง
เพื่อจะนำนักกีฬาใหม่เข้ามาเสริมทัพเพื่ออุดรูโหว่ดังกล่าวและทำให้ทีมแข็ง
แกร่งยิ่งขึ้น
ในขณะเดียวกันกติกาในการดราฟท์นั้นจะต้อง
มีการเรียงลำดับสิทธิ์ในการคัดเลือกก่อนหลัง
ซึ่งจะเรียงจากทีมที่ทำสถิติแย่ที่สุดในฤดูกาลแข่งขันก่อนหน้าให้ได้เลือก
สมาชิกก่อน และทีมที่ทำคะแนนได้ดีที่สุดจะอยู่ลำดับสุดท้าย
เพื่อป้องกันการผูกขาดความเก่งกาจของทีมใดทีมหนึ่งเท่านั้น
และเพื่อเพิ่มโอกาสให้กับทีมที่ด้อยกว่าสามารถต่อกรกับทีมเก่งๆได้
เพียงแต่ว่า คนที่เลือกผู้เล่นก็ต้อง "ตาถึง" เช่นกัน เพราะถ้าเลือกคน
"เก่งไม่จริง" เข้าทีมมาก็ช่วยอะไรไม่ได้
Draft Day โฟกัสไปที่ช่วงเวลา 1
วันตั้งแต่ตื่นนอนของซันนี
ซึ่งตัวหนังใช้วิธีการเล่าโดยขึ้นหน้าปัดนาฬิกานับถอยหลังก่อนพิธีดราฟท์จะ
เริ่มต้นขึ้น ในทุกช่วงเวลาที่สำคัญของเรื่อง
เหตุการณ์แรกเผยให้เห็นว่าเขากำลังมีความสัมพันธ์บางอย่างกับ อาลี พาร์คเกอร์(เจนนิเฟอร์ การ์เนอร์)
แต่ด้วยท่าทีบางอย่างเราจะเห็นได้ว่าทั้งคู่กำลังประสบปัญหาไม่เข้าใจอะไร
กันบางอย่าง และปริศนาในกระดาษสีเขียวที่ซันนีเขียนเอาไว้
ก็คือความลับประการสำคัญของหนังทั้งเรื่อง
ซึ่งผู้ชมได้เห็นข้อความในช่วงเวลาพิธีดราฟท์ตอนท้ายเรื่อง
ระหว่างวันซันนี่ถูกต่อรองทางโทรศัพท์จากผู้จัดการทีมคนอื่นๆ ในการเสนอสิทธิ์ให้ได้เลือกควอเตอร์แบคฝีมือดีอย่าง โบ คัลลาแฮน(จอช เพนซ์)
เพื่อแลกกับการเสียสิทธิ์การเลือกผู้เล่นในปีต่อๆไปถึงสามปีซ้อน
ด้วยความลังเลและไม่แน่ใจทำให้ ซันนี่ตอบตกลง
และดูเหมือนเพื่อนร่วมงานของเขาก็จะเห็นด้วย
ทว่าตลอดทั้งวันดูเหมือนจะมีเรื่องรบกวนจิตใจของซันนี่อยู่ตลอดเวลา
เขาครุ่นคิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวเขาและอาลี
การสูญเสียพ่อของตนเองเมื่อไม่นานมานี้
การตัดสินใจเลือกผู้เล่นท่ามกลางแรงกดดันจากทุกฝ่าย
การประนีประนอมคนที่เขารู้จักและร่วมงานด้วย
ความสนุกประการสำคัญของ Draft Day
คือการที่ผู้กำกับทำให้เราเข้าไปนั่งเหมือนเป็นบุคคลที่ 3 และ 4
ในการติดตามความคิดของซันนี่ ในขณะเดียวกันทุกครั้งที่มีการ "ยกหูโทรศัพท์"
ในการเจรจาต่อรองระหว่างทีมเพื่อแลกสิทธิ์ หรือ
พูดคุยกับนักกีฬาที่เขาสนใจ
ภาพบนจอหนังก็จะถูกแบ่งออกเป็นสองเฟรมซ้าย-ขวาเพื่อให้เราได้เห็น
"ปฎิกิริยาในการตอบสนอง" จากการเจรจา
ซึ่งเป็นการชิงไหวชิงพริบที่น่าตื่นเต้น
แน่นอนว่าพูดถึงวงการ "ธุรกิจ" แล้ว
จุดแข็งและจุดอ่อนเป็นสิ่งสำคัญประการหนึ่งที่จะทำให้คู่ต่อสู้ล่วงรู้ไม่
ได้ ในขณะเดียวกันฝ่ายที่มี "อำนาจ"
ในการต่อรองก็จะถือไพ่เหนือกว่าในการยื่นข้อเสนอให้กับอีกฝ่ายได้พิจารณาถึง
โอกาสและส่วนได้ส่วนเสียที่เขาจะได้รับหลังจากการตกลง
ซึ่งตลอดทั้งเรื่องแม้ซันนี่จะดูเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำเพราะความลังเลของตัว
เอง แต่เมื่อทิศทางทุกอย่างชัดเจน
เขาก็สามารถพลิกเกมในการวางหมากในพิธีดราฟท์ได้อย่างงดงาม
กีฬาอเมริกันฟุตบอล
กติกาในการเล่นเกมอาจจะดูเข้าใจยาก ซับซ้อนและเต็มไปด้วยรายละเอียดปลีกย่อย
แต่ในขณะเดียวกัน
ความเข้มข้นในการช่วงชิงนักกีฬาก็ดุเดือดเลือดพล่านไม่แพ้วงการลูกหนังอย่าง
ฟุตบอลเลยทีเดียว
หนังนอกสายตาอย่าง Draft Day
มีดีและมีกึ๋นอยู่ไม่น้อย
คนที่ชอบหนังที่พูดถึงเรื่องการบริหารงานและบริหารคนไปพร้อมๆกัน
นี่เป็นหนังม้ามืดที่น่าสนใจไม่น้อย ถ้าใครชอบหนังอย่าง Money Ball
นี่เป็นอีกเรื่องที่คุณน่าจะชอบครับ
ยกให้ 4 คะแนนจาก 5 คะแนน
@พริตตี้ปลาสลิด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น