วิจารณ์หนังเรื่อง The Rover
ซึ่งจริงอยู่ที่ตัวอย่างหนังใหม่เรื่อง The Rover อาจจะเป็นหนังฟอร์มเล็กและค่อนข้างอินดี้มีความเฉพาะกลุ่มในตัวเองค่อนข้างสูง และถึงแม้ว่าตัวหนังจะนำแสดงโดยซุปเปอร์สตาร์อย่างโรเบิร์ต แพททินสันและกาย เพียร์ซ ก็ไม่ได้หมายความว่าตัวหนังจะดึงดูดแฟนคลับหนัง Twilight ได้สักเท่าไหร่ อย่างไรก็ตามสิ่งที่ควรค่าแก่การพูดถึงหนังเรื่องนี้ก็คือ หนังสามารถนำเสนอพลังดาราที่ใช้ทักษะทางการแสดงเพื่อขับเน้นอารมณ์สิ้นหวังประกอบกับฉากหลังที่แห้งแล้งพอๆกัน
เรื่อง The Rover นั้นเป็นผลงานของผู้กำกับชาวออสเตรเลีย เดวิด มิโชด์ ซึ่งเคยมีผลงานมาจาก Animal Kingdom ด้วยเนื้อหาที่ค่อนข้างหม่นมืดและชวนหดหู่ทั้งเรื่อง นี่จึงไม่ใช่หนังเพื่อความบันเทิงหรือการพักผ่อนสักเท่าไหร่ พื้นหลังของเรื่องราวคือเราจะได้รู้จักกับโลกอนาคตภายหลังจากเศรษฐกิจของโลกตะวันตกได้ล่มสลายลง และความเจริญทั้งหลายได้ย้ายไปอยู่ในฝั่งเอเชียแทน อีริค(กาย เพียร์ซ) ชายหนุ่มผิวชาวที่สูญเสียทุกอย่างในชีวิตไป เหลือเพียงแต่รถเก่าๆคันหนึ่งเป็นสมบัติติดตัว แต่ระหว่างที่เขาหยุดพักเหนื่อยที่บาร์เขมรสุดกันดาร แก๊งคนร้ายกลุ่มหนึ่งได้ขโมยรถของเขาไป อีริคจึงพยายามทุกวิถีทางในการทวงรถของเขาคืนมาให้ได้
ในระหว่างที่อีริคกำลังไล่ล่ากลุ่มโจรกลุ่มนี้อย่างไม่ลดละ เขาได้พบกับ เรย์(โรเบิร์ต แพททินสัน) ชายหนุ่มที่สติไม่ค่อยเต็มบาทผู้ได้รับบาดเจ็บจากการถูกยิง ซึ่งเขาได้เดินมาถามว่าทำไมอีริคจึงขับรถของพี่ชายของเขามา ซึ่งทำให้อีริคได้ล่วงรู้ความจริงว่าเรย์เป็นน้องชายของ เฮนรี(สกู๊ต แม็คเนรี) หนึ่งในสมาชิกกลุ่มโจรที่ขโมยรถของเขาไป ทั้งคู่จึงต้องออกเดินทางร่วมกันเพื่อตามหาเฮนรีในจุดประสงค์ที่แตกต่างกัน
ด้วยการเดินทางด้วยจุดประสงค์ที่แตกต่างกันนี่เองที่ทำให้อีริคได้ตั้งคำถามถึงความเชื่อมั่นในเพื่อนมนุษย์ด้วยกันของตัวเอง เมื่อเขาได้ทำหน้าที่เป็นเหมือนทั้งเพื่อนและพี่ชายของ “เรย์” ในการดูแลชีวิตของเขาไปอยู่รอดและเดินทางกลับไปหาพี่ชายของเขา
และในขณะที่โลกอนาคตของหนังเรื่องนี้กลับไม่ได้มีภาพความล้ำยุค ล้ำสมัยแต่อย่างใด ผืนทะเลทรายอันเวิ้งว้างของออสเตรเลียได้สะท้อนภาพมุมกลับกันตามที่เรามักจะได้เห็นในหนังไซไฟ ซึ่งมักจะเต็มไปด้วยความไฮเทค แต่สำหรับ The Rover แล้วความแห้งแล้งของหนังก็ยังสะท้อนไปถึงจิตวิญญาณที่เสื่อมถอยของบรรดาคนที่ยังมีชีวิตอยู่ในดินแดนแห่งนี้ พวกเขาป่าเถื่อน ขาดศีลธรรมและพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายของตัวเอง
ในการเดินทางตามหารถของอีริคก็เปรียบเสมือนการเดินทางตามหาจิตวิญญาณของตัวเอง แน่นอนว่ารถที่เหลืออยู่เป็นสมบัติชิ้นเดียวของเขานั้น “เป็นมาก” กว่าแค่ยานพาหนะคันหนึ่ง เมื่อเขาต้องพลิกแผ่นดินหาก็ตามที
สิ่งที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือสภาพของโลกอนาคตในหนังเรื่องนี้กลับเต็มไปด้วยคนเอเชียผิวเหลืองเพศชายที่น่าจะเป็นผู้เหลือรอดมากกว่าผู้หญิง ซึ่งวิเคราะห์จากสถานการณ์แล้ว เราน่าจะเข้าใจได้ว่าด้วยความขาดแคลน “เพศหญิง” จึงต้องทำให้ผู้ชายลุกขึ้นมาบำบัดความใคร่ด้วยกันเองจนมีฉากที่ อีริคเดินเข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง(ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นซ่อง) ที่มีคุณป้าวัยกลางคนพยายามชักชวนให้เขาซื้อบริการจากหนุ่มๆพวกนี้
สิ่งของสภาพบ้านเรือนและสถานที่ในหนังเรื่องนี้ก็อยู่ในสภาพทรุดโทรมและโกโรโกโสไม่ต่างอะไรจากจิตใจของตัวละคร พ่วงด้วยดนตรีประกอบของงเรื่องที่มอบความรู้สึกวังเวงและไม่น่าไว้ใจอยู่ตลอดเวลา ประกอบกับทุกครั้งที่เสียงปืนในหนังเรื่องนี้ดังขึ้น ก็เป็นเสียงที่จัดได้ว่าน่าหวาดผวาและชวนตกตะลึงทุกครั้งกับภาพที่ปรากฏขึ้นบนจอ (เรียกได้ว่าสมจริงยิ่งกว่าดูหนังสยองขวัญเสียอีก) แต่ท่ามกลางบรรยากาศที่ชวนผวาและหดหู่ ผู้กำกับก็เลือกจะผลคลายอารมณ์ผู้ชมด้วยฉากเหวอที่ให้โรเบิร์ต แพททินสันเกิดฮัมเพลงป๊อปอาร์แอนด์บีอย่าง Pretty Girl Rock ของคาลิ ฮิลสันด้วยจริตสุดแต๋วออกมาซะอย่างนั้น เรียกได้ว่าขโมยซีนเอามากๆอยู่เหมือนกัน
และในสิ่งที่จะลืมพูดถึงไปไม่ได้ก็คือการแสดงของดารานำทั้งสองคน คนแรกกาย เพียร์ซนั้นเรียกได้ว่าเป้นตัวละครที่ต้องจมจ่อมอยู่กับความทุกข์ตลอดเวลา แต่เขาก็เหมือนแสดงอารมณ์อิงกับความรู้สึกที่เขาต้องอิงกับหลักเหตุผลอะไรสักอย่างออกมา(ซึ่งผู้ชมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลยด้วยซ้ำว่า เขามีเหตุผลอะไรที่ต้องทำแบบนั้นก็ตาม) เรียกได้ว่าเป็นการแสดงที่ต้องใช้จินตนาการสูงและทำให้ผู้ชม “เชื่อ” ไปกับสิ่งที่เขาทำด้วย ในขณะที่ฝ่ายแพททินสัน เรียกได้ว่าแสดงบทคนปัญญาอ่อนและทำให้ตัวเองมีสภาพ “หมดหล่อ” กลายเป็นกุ๊ยที่ต้องแสดงเป็นคนทางตอนใต้ซึ่งมีสำเนียงแปลกสำหรับชาวอังกฤษอย่างเขา ก็สามารถทำให้ตัวละครนี้มีมิติและมีความน่าสนใจในตัวเองมากทีเดียว
โปรแกรมหนังเรื่อง The Rover อาจจะไม่ใช่หนังบันเทิงนัก แต่ในขณะเดียวกันมันก็ถ่ายทอดมิติของความเป็นมนุษย์อละการตามหาจิตวิญญาณที่สูญหายไปได้อย่างน่าชื่นชมและไม่ควรมองข้ามครับ
ให้ 4 คะแนนจาก 5 คะแนน
@พริตตี้ปลาสลิด
คลั่งสุดตัวสำหรับผลงานการคืนจอของ Mad Max: Fury Road
สำหรับเด็กยุคใหม่อาจจะไม่คุ้นชื่อกับหนังอย่าง Mad Max (1979) กันสักเท่าไหร่นัก อันที่จริงแล้วภาพยนตร์เรื่องนี้จัดได้ว่าเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่สร้างปรากฏการณ์อย่างมากในช่วงยุค 80 เพราะมันเต็มไปด้วยฉากแอ็คชั่นและความรุนแรงแบบดิบเถื่อน อีกทั้งมันยังแจ้งเกิดให้กับดารารุ่นใหญ่อย่างเมล กิ๊บสัน ในบทบาทของแม็กซ์ ร็อคเก็ทแทนสกี้ นายตำรวจที่พยายามจะสร้างความสงบสุขให้กับสังคมที่อยู่ในสภาพฟอนเฟะเกินเยียวยา แต่ความยุติธรรมที่เขาโหยหาต้องแลกมากับชีวิตของลูกเมียที่โดนฆ่าตายด้วยน้ำมือของเหล่าวายร้าย แมกซ์จึงผันตัวเองจากผู้ผดุงความยุติธรรมกลายเป็นนักล่าสุดโหดที่จะทวงแค้นให้สาสม
ซึ่งโลกเบื้องหลังในหนังของแมด แม็กซ์คือโลกแบบดิสโทเปียที่เต็มไปด้วยความแห้งผากของผืนทะเลทรายสุดเวิ้งว้าง ซึ่งตัวหนังภาคแรกนั้นจัดเป็นหนังทุนต่ำรถที่เอามาเข้าฉากนั้นก็ล้วนแล้วแต่เป็นรถเก่า มิหนำซ้ำ รถหลายๆคันในเรื่องก็นำมาเข้าฉากแล้วเอากลับไปพ่นสีเอามาถ่ายใหม่อีกรอบเพื่อประหยัดต้นทุน และเมื่อหนังภาคแรกประสบความสำเร็จอย่างมากปี 1981 หนังจึงออกภาคต่อมาและได้ทีมนักแสดงและผู้สร้างกลุ่มเดิมในชื่อตอนว่า THE ROAD WARRIOR และภาคที่ 3 ในปี 1985 ในชื่อตอน Beyond Thunderdome
สำหรับ จอร์จ มิลเลอร์ ผู้กำกับ ผู้ให้กำเนิดของแฟรนชายส์หนังชุดนี้ และล่าสุดใน Mad Max: Fury Road ซึ่งจะเป็นภาคที่ 4 ของหนัง (ทิ้งช่วงเวลาจากภาคที่ 3 ถึง 29 ปี) จะกลับมาสานต่อเรื่องราวอีกครั้งโดยได้นักแสดงนำอย่าง ทอม ฮาร์ดี้ มารับบทเป็น แมกซ์ แทนเมล กิ๊บสัน และมีนักแสดงสาวเจ้าบทบาทอย่าง ชาริส เธียรอน ที่ลงทุนโกนหัวเพื่อรับบทเป็นผู้บัญชาการจอมโหดในชื่อ อิมเพอราเตอร์ ฟูริโอซา
ซึ่งในยุคที่ CG ได้ก้าวหน้าไปมาก หนังคงไม่ยอมลงทุนต่ำๆแบบที่เคยเป็นมา ตัวหนังใช้งานคอมพิวเตอร์กราฟฟิคเข้ามาช่วยให้ดูสมจริงขึ้น ในขณะเดียวกันงานสตันท์และฉากแอ็คชั่นก็ยังดูจัดเต็มไม่แพ้ในไตรภาคสามภาคแรก นอกจากนี้ Mad Max: Fury Road ยังเต็มไปด้วยนักแสดงสุดฮอตคับคั่งอาทิ 1.นิโคลัส โฮลท์, 2.โรซี่ ฮันทิงตัน-ไวท์ลี่, 3.ซูอี้ กราวิทซ์ และ 4.ฮิวจ์ เคย์ส-บริน มีกำหนดการเข้าฉายเดือนพฤษภาคมปี 2015
ตัวอย่างภาพยนตร์ Mad Max: Fury Road
ชื่อหนังภาษาไทย : โคตรคน ทีมเอ็กซ์เพนเดเบิ้ล 3 The Expendables 3
วันที่หนังเข้าฉาย : 14 สิงหาคม 2557
หนังเรื่อง The Expendables 3 เรื่องราวของ 1.บาร์นี่ รอสหรือซิลเวสเตอร์ สตอลโลน ที่ต้องกลับมาฟอร์มทีมเอ็กซ์เพนเดเบิ้ลอีกครั้งเพื่อต่อกรกับ 2.คอนราด สโตนแบ้งค์หรือเมล กิ๊บสัน อดีตเพื่อนร่วมทีมที่บาร์นี่เข้าใจว่าเขาตายไปแล้ว แต่เมื่อคอนราดยังมีชีวิตและต้องการสะสางแค้นกับบาร์นี่ทุกอย่างจึงกลายเป็นความระห่ำสุดระทึก การรวมตัวยอดขุนพลครั้งใหม่ของบาร์นี่ยังพร้อมไปด้วยสมาชิกหน้าใหม่และอาวุธยุทโธปกรณ์สุดไฮเทค เพื่อพร้อมทำสงครามกับกองทัพของคอนราด
เรื่อง The Expendables 3 นั้นเป็นผลงานการกำกับของ แพททริค ฮิวจ์ รวมทีมนักแสดงทั้ง
1.ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน
2.อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์
3.เจสัน สเตทแธม
4.เมล กิ๊บสัน
5.แฮร์ริสัน ฟอร์ด
6.เวสลี่ย์ สไนป์
7.แอนโตนิโอ แบนเดรัส และแอ็คชั่นสตาร์อีกเซตใหญ่
The Expendables 3 มีกำหนดจะเข้าฉายในเดือน สิงหาคม 2014
ตัวอย่าง The Expendables 3
มาชี้แจงแถลงไข อะไรอยู่ท้ายเอนเครดิต
ตัวหนังเรื่อง Guardians Of The Galaxy
มีความเชื่อว่าหลายต่อหลายคนนั้นอาจจะเกิดอาการเหวอรับประทาน เกิดอาการงงเต๊กว่าหลังจากนั่งทนรอดูฉากเอนเครดิต ที่มาร์เวลมักจะซุกซ่อนอะไรสำคัญซึ่งเชื่อมโยงกับหนังใหม่ซูเปอร์ฮีโร่เรื่องอื่นๆ ในจักรวาลเป็นของแถมในคนกรี๊ดกร้าดกันเป็นว่าเล่น แต่แน่นอนที่หลายคนที่ไม่เกทกับเจ้า “เป็ด” ที่โผล่หน้าขึ้นมาหลังจาก เดอะ คอลเล็คเตอร์(เบนิซิโอ เดล โตโร) นั่งทำหน้าเซ็งเบื่อโลกหลังจากที่บรรดาคลังสมบัติของเขาพินาศเป็นหน้ากลอง ก่อนจะมีเสียงหนึ่งดังขึ้นว่า “why do you allow him to lick you like that?” พร้อมกับเผยหน้าเจ้าเป็ดโฮเวิร์ธขึ้นมา
Howard the Duck Guardians
ซึ่งอย่างที่ได้เคยกล่าวเอาไว้ว่า Guardians Of The Galaxy นั้นจะเป็นหนังที่ช่วยเปิดจักรวาลมาร์เวลให้กว้างขวางออกไปยิ่งขึ้น บางทีแล้วเจ้าเป็ดตัวนี้อาจจะเป็นโปรเจ็คพิเศษของมาร์เวลก็ได้ ถ้าเช่นนั้นเราลองมาทำความรู้จักกันดีกว่าว่า เจ้าเป็ดโฮเวิร์ด (ไม่ใช่ดัฟฟี่ ดั๊กจากลูนีย์ ทูนส์นะหรือโดนัล ดั๊กจากดิสนีย์แม้ว่าจะคล้ายกันมากๆจนดิสนีย์เคยฟ้องร้องมาร์เวลเสียด้วยซ้ำไป อย่าเข้าใจผิด)
Howard the Duck เป็นหนังสือการ์ตูนในค่ายมาร์เวลคอมมิกส์ซึ่งเขียนขึ้นโดย สตีฟ คาร์เบอร์ และวาดภาพโดยวาล เมย์อีริค คาแรกเตอร์นี้ปรากฏตัวขึ้นครั้งแรกในหนังสือการ์ตูนชื่อ Adventure into Fear ในปี 1973 เดือนธันวาคม ซึ่งเจ้าเป็ดโฮเวิร์ดตัวนี้กลายเป็นตัวละครตลกแนวเสียดสีเรื่องราวในสังคมที่กำลังเป็นประเด็นเผ็ดร้อน รวมไปถึงประเด็นการเมืองด้วย
ซึ่งอย่างไรก็ตามนั้นในเวอร์ชั่นของหนังสือการ์ตูนเจ้าเป็ดโฮเวิร์ดเรียกได้ว่ามีความเกี่ยวพันกับบรรดาซุปเปอร์ฮีโร่หลายต่อหลายตัวแต่เป็นในเวอร์ชั่นล้อเลียนฮีโร่ อาทิ Ducktor Strange ล้อกับ Doctor Strange ปรากฏตัวใน She-Hulk ล้อเลียน Hulk หรือบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์อย่าง Truman Capote ในชื่อตอนว่า Truman Capoultry เป็นต้น
อันที่จริง Howard the Duck เคยถูกดัดแปลงสร้างเป็นภาพยนตร์ในปี 1986 ซึ่งกำกับภาพยนตร์โดย วิลลาร์ด ฮูแยคนำแสดงโดย 1.ลีอา ทอมป์สัน, 2.เจฟฟรีย์ โจนส์, 3.ทิม ร๊อบบินส์และ 4.ชิป เซียนส์ ตัวหนังหยิบยืมแค่คาแรกเตอร์โฮเวิร์ดดั๊ก มาเท่านั้นตัวเรื่องราวถูกแต่งขึ้นมาใหม่ว่าด้วยเจ้าเป็ดที่ถูกส่งตัวมายังโลกมนุษย์เพื่อหยุดยั้งการรุกรานของเอเลี่ยน ตัวหนังโดนสับเละจากผู้ชมแถมกวาดรางวัลหนังยอดแย่รวด 4 รางวัลบนเวทีราซซี่เน่าอย่างหนังยอดแย่, บทยอดแย่, ดาราใหม่ยอดแย่และเทคนิคพิเศษยอดแย่
อย่างไรก็ตามในอนาคตเราคงต้องติดตามกันต่อไปว่าเจ้าเป็ดโฮเวิร์ดจะมีความสำคัญอย่างไรในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น